วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2557

ภษคส : 9 B, would you be mine?



9
B, would you be mine?



                “โอ๊ย... สัส” คนตัวเล็กสบถออกมา รอยไหม้ที่ถูกพิษของแมงกะพรุนไฟเริ่มชัดเจนมากขึ้น เพื่อนรุ่นพี่อย่างมินซอกก็ไปหาผักบุ้งทะเลที่ไหนมาไม่รู้ เขาเคี้ยวจนแหลกก่อนจะโปะไว้บนรอยไหม้

                “เจ็บมากปะวะโด้” มินซอกถาม เขาลากคยองซูเข้าไปนอนในร่มให้ดีๆ

                “จ... เจ็บ” คยองซูตอบด้วยสีหน้าเหยเก ดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นผู้ชายสองคนกำลังวิ่งมาทางนี้... จงแดกับจงอิน

                “โด้ มึงเลือกดิ๊ มึงจะชอบใครระหว่างจงอินกับจงแด” มินซอกรีบเอ่ยปากถามในขณะที่คนทั้งสองยังวิ่งมาไม่ถึง เขาแค่อยากจะรู้ว่าคยองซูชอบจงแดมั้ย ถ้าชอบ... ก็จะไม่ยุ่งกับจงแดอีก
                

                แต่คำตอบที่ได้รับก็นับว่าน่าดีใจอยู่ไม่น้อย

                ...


                “ชอบจงอิน... ชอบมากๆ”
                

                “มันต้องอย่างงี้สิ ~O~ เดี๋ยวกูจะลากจงแดให้ไปพ้นๆ ตามึงเองนะ” มินซอกพูดก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งไปหาจงแด จับล็อกคอก่อนจะลากไปไกลแสนไกล (บาย)


                ส่วนจงอิน... แอบตกใจไม่น้อยและกลัวโดนล็อกคออยู่เหมือนกัน แต่เขาก็ไม่สนใจ... มือขวาถือน้ำส้มสายชู มือซ้ายถือน้ำร้อนที่ขอมาจากรีสอร์ท... อุปกรณ์รักษาคนโดนแมงกะพรุนไฟ

                โชคดีที่ตัวเขาพอจะพูดภาษาอังกฤษคล่องแคล่วอยู่ จึงสามารถสื่อสารกับพนักงานรีสอร์ทรู้เรื่อง ส่วนจงแดที่พูดอะไรไม่ได้เลยก็ได้แต่มองบอสตัวเองตาปริบๆ... 

                ดีแล้วล่ะที่โด้มันเลือกบอส...
                

                “พี่โด้!” เขาวิ่งเข้าไปก่อนจะราดน้ำร้อนและน้ำส้มสายชูลงไปพร้อมกันอย่างใจร้อน มองคนตัวเล็กที่หน้าซีดและเหยเกอย่างโมโหเดือดดาล... บอกแล้วว่าอย่าห่างตัว แล้วก็หนีมาแบบนี้ เป็นไงล่ะ เจ็บตัวเลย

                “เจ็บอ่ะ...”

                “รู้แล้วๆ กำลังรักษาให้อยู่นี่ไงๆๆๆ” เขาพร่ำพูดก่อนจะแบกคยองซูขึ้นหลังตัวเอง เรียวขาทั้งสองวิ่งอย่างร้อนรนไปที่ตัวรีสอร์ท ซึ่งเตรียมรถให้ทั้งคู่ไปที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว


                จงอินแบกคยองซูเข้าไปในรถก่อนจะรีบปิดประตู... เขารู้ว่าคนขับรถคงฟังภาษาเกาหลีไม่ออกหรอก จึงพูดตัดพ้อคนตัวเล็กที่มีสีหน้าดีขึ้นมากแล้ว
                

                “พี่หนีหน้าผมทำไม”

                “ไม่ได้หนี...” คยองซูก้มหน้านิ่ง เขาไม่รู้ว่าเขาหงอกับจงอินถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

                “พี่จะเมินผมตลอดชาติผมก็ไม่ว่า แต่ให้ผมตามพี่ห่างๆ ก็พอ... ได้มั้ย” เปลือกตาหนักๆ ปิดลงอย่างเชื่องช้า ผิดพลาดแค่ครั้งเดียว... แต่เสียใจและจมอยู่กับความเหี้ยที่ก่อไว้มาห้าปีเต็ม

                “...” คยองซูเลือกที่จะไม่ตอบ ในหัวสมองตีกันยุ่งไปหมดจนถึงกับลืมความเจ็บปวดที่ข้อเท้า 


                ต่างฝ่ายต่างเงียบ...


                คนหนึ่งก็คิดถึงความทรงจำเหี้ยๆ ที่ตัวเองได้ก่อไว้

                อีกคนหนึ่งกลับคิดถึงความทรงจำดีๆ ที่เคยทำร่วมกันมา



                ไม่ได้อยากจะให้โอกาสจงอิน


                แต่อยากให้โอกาสตัวเองกลับไปมีความสุขอีกครั้ง


                ...


                ไม่นานนักก็ถึงโรงพยาบาล บุรุษพยาบาลเอาเตียงผู้ป่วยมารับก่อนจะพาเขาเข้าไปในห้องฉุกเฉิน หมอจะจัดการอะไรกับบาดแผลแมงกะพรุนเขาก็ไม่สนใจอีกแล้ว... 

                ในหัวมีแต่จงอิน จงอิน และจงอิน
                

                จะลาออกจากบริษัท จะย้ายออกจากคอนโด...

                ภาพในอดีตที่แม่งชอบย้อนกลับมาหากูทุกคืน...


                ช่างแม่งละไอเหี้ย



**********




                คุณหมอพูดภาษาอังกฤษแปร่งๆ ทำนองว่าให้เขาพักผ่อน คยองซูยิ้มรับก่อนจะปิดเปลือกตาลงเพื่อทบทวนความคิดในหัวที่กำลังตีกันยุ่งเหยิง แต่ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนกำลังเดินเข้ามา...

                ดวงตากลมโตแอบหรี่ตามอง เผื่อเป็นหมอจะได้ทักทาย... แต่กลับกลายเป็นคนคุ้นเคยที่เดินเข้ามาในห้อง ร่างสูงที่เดินถือกาแฟมาด้วยถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหยิบน้ำเปล่ามาเทใส่แก้ว เสียบหลอดให้เรียบร้อย และวางกาแฟไว้เหนือหัวเตียงเหมือนจงใจให้เขาได้กลิ่น...


                เขาไม่ได้ชอบกินกาแฟ แต่ชอบดมกลิ่นกาแฟ 

                จงอินรู้ดี


                คยองซูปิดตาสนิทเมื่อสัมผัสได้ว่าคนตัวสูงเดินเข้ามาใกล้ มือเล็กๆ ของเขาถูกจับไว้แน่นก่อนจะโดนจูบที่หลังมือเบาๆ... ก้อนกระดาษโน้ตถูกยัดเข้ามาไว้ในมือเล็กและไม่ทันไรคนที่แอบขโมยจูบหลังมือก็เดินออกไปจากห้องเงียบๆ

                คนตัวเล็กแกะกระดาษในมือออกก่อนจะอ่านช้าๆ ทีละตัวอักษร


                กูจะมีอิทธิพลต่อจงอินบ้างมั้ย...ไม่รู้

                แต่จงอิน... มีอิทธิพลกับกูทั้งชีวิต


                เขารีบลุกขึ้นจากเตียง ตั้งใจจะวิ่งออกไปตามหา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อประตูห้องถูกผลักเข้ามาจากด้านนอก... จงอินนั่นเองที่เดินกลับเข้ามา


                “อ... อ้าว” เขาพูดตะกุกตะกัก ฝ่ามือเล็กเปียกชื้นด้วยความประหม่า

                “พี่จะไปไหน O_O

                “แล้วจงอินจะไปไหน...” เสียงเล็กพูดแผ่วเบา รู้เลยว่าตอนนี้อ่อนแอ

                “ผมออกไปคุยกับหมอ เค้าบอกว่าถ้าพี่หายเหนื่อยก็กลับบ้านได้” จงอินพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่กระดาษโน้ตแผ่นนั้นมันคือการบอกลา

                “จงอิน...” มือเล็กยกขึ้นมาเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าคนตัวสูง ก่อนจะค่อยๆ ไล้ลงมาตามใบหน้าที่คุ้นเคยและหลงใหล คนตัวเล็กหลับตาลงก่อนจะยิ้มจินตนาการนึกใบหน้าจงอินอยู่คนเดียว... 


                หล่อจัง ยังหล่อเหมือนเดิมเลย


                อยากมองเธอในแง่ร้าย ให้จิตใจได้หยุดพัก

                แต่ยิ่งมองเท่าไหร่... ฉันก็ยิ่งตกหลุมในความรัก



                “...”

                “จงอินนา...” คยองซูพึมพำชื่อคนตรงหน้าเบาๆ อยากจะลืมตาแต่ก็ไม่กล้า... เพราะน้ำตาอาจรู้ตัวแล้วไหลลงมาก็ได้ “อย่าทิ้งพี่นะ... ฮึก...”

                “...”

                “มาปั่นหัวพี่... มานอกใจพี่... หรือจะคบพี่ไว้เล่นๆ แล้วมีคนอื่นไปด้วยก็ได้...”

                “...”

                “พี่ยอมทุกอย่าง... ฮึก... แต่อย่าทิ้ง อย่าทิ้งพี่ไปไหนนะจงอิน” มือเล็กกำชายเสื้อคนตัวสูงไว้แน่น แต่จงอินกลับแกะมือที่จับเสื้อเขาไว้ออก

                “ทำไมพี่ดูถูกตัวเองแบบนั้น พี่คิดว่าที่ผมมาตามจีบอีกรอบนี่มาจีบเล่นๆ รึไง?” 

                “...”

                “อย่าร้องไห้ได้มั้ยห้ะ... ทำไมผมทำพี่ร้องอีกแล้ววะ เหี้ยเอ๊ย” เขาสบถก่อนจะก้มหน้านิ่ง ส่วนคนตัวเล็กก็ได้แต่ตัวสั่นสะอึกสะอื้น 

                “จงอิน... อย่าทิ้งพี่นะ”

                “ไม่ทิ้งแล้ว... จะไม่ทิ้งพี่ไปไหนแล้ว จะไม่เอากับใครอีกแล้ว จะไม่นอกใจ... จะไม่เหี้ย จะเป็นเด็กดี” 

                “อือ...” คยองซูโผซุกตัวในอ้อมกอดอุ่น “พี่ขอโทษ... พี่จะไม่บอกเลิกจงอินอีกแล้ว...”


                คนตัวสูงเงยหน้ามองฟ้าราวกับจะไล่น้ำตาตัวเอง... 

                ทำไมต้องพูดแบบนี้ ทำไมต้องโทษตัวเอง ทั้งที่เรื่องทั้งหมดมันเริ่มที่เขาเอง... มันเหี้ยที่เขาเอง


                “พี่อย่าพูดแบบนั้นอีก... ไม่งั้นจงอินโกรธนะ” เขาก้มลงกระซิบที่ใบหูเล็กก่อนสูดดมกลุ่มผมหอมให้ฉ่ำปอด... ถึงจะเปลี่ยนยาสระผม แต่ก็ยังคงความรู้สึกเดิมๆ 

                “ไม่เอา จงอินอย่าโกรธ...” เจ้าของเสียงเล็กพูดอู้อี้และซุกใบหน้าอยู่ในแผงอกแกร่ง

                “งั้นพี่ต้องเป็นแฟนกับผมนะ ผมจะหายโกรธทันทีเลย” 

                “อื้อ...” คยองซูตอบ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดบนใบหน้าอย่างควบคุมไม่อยู่ เขาผละออกจากคนตัวใหญ่ก่อนจะยิ้มกว้าง... ยิ้มที่ไม่ได้ยิ้มมานาน ยิ้มที่อยากจะยิ้มให้จงอิน

                “หายเจ็บรึยังที่ขาน่ะ” จงอินที่เขินจนตัวจะระเบิดรีบลงไปนั่งคุกเข่า แสร้งทำเป็นดูรอยไหม้ที่แมงกะพรุนฝากไว้ 

                “ยัง... มันก็... ยังเจ็บบ้างถ้าเดินแรงๆ”

                “งั้นเดี๋ยวอุ้มกลับรีสอร์ทนะ”

                “ไม่เอา!” มือเล็กตีลงที่บ่ากว้าง ก่อนที่คนตัวเล็กจะหัวเราะคิกคัก “ไม่เอานะจงอิน อย่าเล่นนะ!

                “ไม่ได้เล่น แต่เอาจริง ฮ่าๆๆๆๆ” จงอินหัวเราะก่อนจะจับคนตัวเล็กพาดบ่าเหมือนเป็นผ้าขนหนู ตบก้นเล็กน้อยอย่างที่เคยทำพลางก้าวขาออกจากห้อง 


                สายตาของหมอ พยาบาล คนไข้ (ซึ่งขอย้ำว่าเป็นชาวปักษ์ใต้คีบแตะ) มองหนุ่มเกาหลีตัวขาวๆ ถูกแบกไว้บนไหล่คนชาวใต้ด้วยกัน... เฮ้ย นั่นมันคนเกาหลีเหมือนกันนี่นา OwO ขอทอดๆๆๆๆๆ

                แต่ก็ช่างเถอะ สมัยนี้หนุ่มๆ เค้าไฟแรง... หรอยแรงด้วย (= อร่อยมาก อุอุ)
                

                “พี่อายนะจงอิน T / / / / T” คยองซูที่ตอนนี้หน้าแดงไปหมดรีบพูดเสียงดัง ความจริงแล้วที่หน้าแดงอาจเป็นเพราะเลือดมันลงมาที่หัวก็ได้เหอะ

                “ผมอายกว่ามั้ย ทุกคนเห็นหน้าผมหมดเลยเนี่ย” จงอินพูดเขินๆ หน้าดำๆ กลายเป็นหน้าแดงๆ ขึ้นมาด้ายงายก้อม่ายรุ~


                จงอินพาคยองซูเข้าไปนั่งในรถคันเดิมของทางรีสอร์ทที่ยังคงจอดรอ ทั้งสองคนหัวเราะคิกคักกันแถมยังจับมือกันตลอดทาง ทำเอาคนขับรถ... คุณลุงชาวปักษ์ใต้ ถึงกับงงว่าทำไมบรรยากาศตอนขามากับขากลับมันช่างแตกต่างกันขนาดนี้


                to. my forever D

                        ถ้ากลับเกาหลีเมื่อไหร่ ผมจะย้ายออกจากคอนโดและลาออกเองครับ
                        สัญญาว่าจะไม่มารบกวนและจะไม่มาให้เห็นหน้าอีก
 
from. your forever J
                


**********



                “ชุนอยากกินอาราย ชุนเลือกเลยยยย” ผมบอกให้คนข้างตัวเลือกมื้อเย็น ความจริงก็ไม่ได้อยากจะตามใจอะไรมันหรอกนะ แค่ไม่รู้ว่าอันไหนอร่อย T_T

                “บุ๊คอยากกินอะไรอ่ะ”

                “ไม่รู้จักซักอย่างเลยง่ะ” ผมหันไปบอกความจริง แต่มันก็ยิ้มน้อยๆ แล้วมองหน้าผม

                “ไปหาที่นั่งก่อนไป เดี๋ยวกูสั่งเผื่อโด้กับจงอินด้วย” ในเมื่อชุนสั่งก็ต้องทำตามครับ แต่ผมบังเอิญหันไปเห็นโด้กับจงอินกำลังเดินเข้าในห้องอาหาร ก็เลยรีบวิ่งไปหาทันที

                “โด้ เป็นไงบ้าง!!” เพื่อนผมเดินกะโผลกกะเผลกนิดหน่อยแต่ก็ยังยิ้มได้สบายๆ

                “ไหวอยู่น่ะ แต่คงไม่กล้าลงเล่นน้ำทะเลแล้ว กลัว T_T

                “หูย ต่อไปนี้แบคฮยอนจะปกป้องคยองซูวเองนะ จู้วๆ o>__<o” ผมพูดพลางจับมือข้างซ้ายโด้ขึ้นมากุมไว้ แต่เอ๊ะ... ทำไมข้างขวามันไม่ยอมยกมาให้ผมกุมล่ะ...

                มองลงไปที่มือขวาของโด้
                

                ไอ้สาสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส 

                จงอินแม่งจับแน่นเลยมึงงงงงงงงงงง


                “เหี้ยละๆๆๆๆ ปล่อยมือเพื่อนกูเดี๋ยวนี้ แล้วนี่อะไร ยอมให้มันจับได้ไงห้ะ” ผมเท้าสะเอวด่าคนทั้งสอง แต่ดูเหมือนโด้จะยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แถมยังยิ้มจ๋อยๆ อีกต่างหาก!

                “ทำไมผมต้องปล่อยด้วย” ไอ่บ้าจงอินเถียง
 
                “...”

                “ก็พี่เค้าเป็นแฟนผม พี่เกี่ยวไร -^-” มันพูดหน้าเชิดเหมือนชีวิตนี้ได้โด้ไปแล้วจะเป็นอมตะ

                “ไอ่สัสชุน พูดอะไรบ้าง มันด่ากูเลยนะๆๆ” ผมหันไปสะกิดคนข้างตัวที่มายืนอยู่ด้วยตั้งนานแล้ว

                “ยินดีด้วยนะพวกมึง... เข้าใจกันซักที”


                ฟรั๊คคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค


                “ขอบคุณครับพี่ชานยอล ผมจะไม่เหี้ยอีกแล้วล่ะ 55555555555” จงอินหัวเราะร่า ไอ่ฝรัด (อ่านว่าไอ่-ฝรัด) ผัวชุน เอ๊ย เพื่อนชุนไม่เคยคิดจะช่วยกูเลยนะครับ

                “เออๆๆๆๆๆๆๆๆ ยินดีๆๆๆๆ” ผมพูดลวกๆ ก่อนจะคว้าแขนชุนแล้วพาไปนั่งที่โต๊ะอาหาร สองคนนั้นก็เดินตามมานั่งด้วยเฉยเลย ไปไหนก็ไป แม่ง

                “พี่สองคนก็เป็นแฟนกันซักทีสิครับ” ไอ้ฝรัดจงอินเสนอ

                “กวนตีนละ อยู่เงียบๆ โลกก็ไม่แตกหรอกมึง” ผมด่ามันก่อนจะหันไปคุยกับชุนดีกว่า “เมื่อกี้ชุนสั่งอะไรให้กู”

                “ต้มยำทะเลแบบเผ็ดมาก ไข่เจียวหมูสับ ปลาดุกทะเลผัดฉ่า อะไรอีกก็ไม่รู้ -_-; เอ้อ... เห็นเค้ามีดอกไม้ทอดกรอบด้วยแหละ เลยลองสั่งมากิน ฮ่าๆๆ”

                “เย่ๆๆๆ เผ็ดๆ ทั้งนั้นเลยยยยย บุ๊คชอบบบบบบ” ผมพูดก่อนจะเอาช้อนส้อมขึ้นมาชูเล่น

                “กูสั่งถูกใจแบบนี้... ขอรางวัลหน่อยดิ” เหี้ยละๆๆๆๆๆๆๆๆ แม่งก้มลงมากระซิบข้างหูผม เอาซะเสียวไปถึงรูตูด แต่ผมก็ต้องใจกล้าสู้เสือครับ โดยการเอามือไปยันหัวมันไว้ห่างๆ

                “ไปเลย”

                “อือ ขอทีเดียวๆ” ดื้อชิบหาย นี่กูไม่น่าทำตั๋วเวรๆ บ้าบอคอแตกอะไรนั่นเลย แถมแม่งยังมาขีดฆ่า CAN เป็น PLEASE อีก เป็นเหี้ยไรมากแม้ะ

                “แก้มนะ”

                “ปากดิ” อย่าให้มันกวนตีนกูมากไปกว่านี้เลย TT / / / TT (แล้วทำไมต้องหน้าแดง)
                “งื้อ อายคนอื่นเค้า” ผมผลักอกมันออก แต่ดูเหมือนไอ้ยักษ์วัดแจ้งนี่จะเอาหน้ามาปักหลักบนไหล่ผมเรียบร้อยแล้ว
                “คนอื่นที่ไหน ก็คนเคยๆ กันทั้งนั้นแหละ” มันชี้ให้ผมดูหน้าโด้กับจงอินที่ตอนนี้กำลังตั้งหน้าตั้งตารอดูสุดๆ ไอ้พวกเหี้ย -_-; อิผัวเมียคู่เหี้ย อย่าให้ด่าๆๆๆ
                “โอ๊ย” ผมดิ้นนิดหน่อย แต่ก็ยอมหันหน้าไปหามัน “หนึ่งทีนะ”
                “หนึ่งนาทีด้วยนะ” 

                มึงดูแม่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!


                “อือ” แล้วจะเถียงอะไรได้อ่ะ ก็ทำได้แค่นั่งเฉยๆ นี่ไม่เต็มใจเลยนะ แต่แบบ... โดนชุนบังคับไง กลัวชุนโกรธ แค่นั้นจริงๆ



                มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้มากก่อนจะจูบที่ปากผมเบาๆ โอ๊ย เป็นเหี้ยไรไม่รู้ แต่ผมหลับตาแน่นเลยง่ะ หัวใจนี่ก็เต้นเอาๆๆๆๆ ร้อยวันพันปีผมไม่เคยรู้ตัวเลยนะว่าหัวใจมันเต้นได้ แต่นี่แบบ... อือ รู้ละ เต้นซะแรงเชียวมึง T__T
                
                “แนะนำให้ได้กันเร็วๆ นะ” เสียงโด้พูดเบาๆ จนผมชักจะอายขึ้นมา ก็เลยดันตัวชุนให้ออกไปห่างๆ ตอนนี้ไม่สนใจใครละอ่ะ อายมาก T / / T
                “พวกพี่เป็นแฟนกันดิ พวกผมยังเป็นแฟนกันเลยนะ” สัสจงอิน มันเกี่ยวกันมั้ยห้ะ -O-!!
                “บ้าหรอ!!!” ผมตะโกนลั่น ตอนนี้ต้องหน้าแดงมากแน่ๆ เลย T^T
                
                แต่ผมก็ไม่ได้รู้หรอก... ว่าเพื่อนตัวดีทั้งสองคนกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง


                คนนึงถามว่า เอาไงดี
                อีกคนก็ตอบว่า ขอเลย


                ไม่นานเท่าไหร่... 
                คำถามบ้าๆ ก็โพล่งออกมาจากปากของปาร์คชานยอลหรือชุน...
                

                “มาเป็นแฟนกันมั้ยบุ๊ค”

                
                “ไม่เอา” ผมปฏิเสธทันที มาถามอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้...
                “แบค คิดดีๆ นะเว่ย ถ้าเป็นแฟนกันแล้วชอบกัน ชานยอลมันจะได้ยอมแต่งงานกับมึงไง” โด้พยายามโน้มน้าวและถ้าเป็นปกติ ผมคงยอมทำตามไปแล้ว...
                
                แต่ตอนนี้ผมกำลังสับสน


                ผมไม่อยากแต่งงานกับใคร... อยากจะแต่งงานกับชุนคนเดียว
                และถ้าสิ่งที่ชุนทำมาตลอดคือ เพื่อนกัน


                ผมก็ไม่อยากจะเป็นแฟนกับมัน


                “ไว้คุยกันที่อื่นเถอะ” ผมตอบปัดก่อนจะนั่งมองไปที่ประตูห้องครัวราวกับจะรอให้มีคนมาเสิร์ฟอาหารไวๆ แต่มองไปก็เท่านั้นแหละเพราะพึ่งสั่งอาหารไปเมื่อกี้ ใครมันจะไปทำเร็วขนาดนั้น
                “งั้นไปคุยกันตอนนี้เลย” ชุนจับข้อมือผมก่อนจะบังคับให้ลุกขึ้น ผมมองหน้าโด้เพื่อขอความช่วยเหลือแต่แม่งก็เมินกูขั้นสุด T_T นี่เอาจริงหรอ นี่ต้องไปจริงหรออออออออออ
                “จะไปคุยกันที่ไหนเนี่ย” ผมโวยวายตลอดทางที่โดนลาก แต่ทางเดินที่มันพาไปนี่คุ้นๆ แฮะ... เหมือนจะพาไปที่ห้องนอน


                ว้ายตายละ นี่จะพากูไปเสียตัวรึเปล่า ไม่เอานะ อย่าพึ่งนะ TOT


                “ไปนั่งนู่น” และเมื่อเปิดเข้าไปในห้อง ชุนก็สั่งให้ผมไปนั่ง... บนเตียง =___=
                “ชุน กูยังไม่อยากเสียตัวนะ กูไม่พร้อม T^T
                “เสียตัวห่าไร ไปนั่ง อย่าพูดมาก” มันพูดก่อนจะเดินนำไปนั่งที่เตียงก่อน เอาวะ ตายเป็นตาย เสียตัวเป็นเสียตัว ได้ผัวเป็นได้ผัว มาเลย พร้อมสู้!!!
                “อะไร จะคุยเรื่องไร” ผมว่าผมลืมไปแล้วล่ะว่าทำไมเราถึงมานั่งตรงนี้กันได้
                “บุ๊คต้องเป็นแฟนกู” นี่มันขอผมเป็นแฟนหรือมันกำลังสั่งให้ผมเป็นแฟนห๊าาาา =[]=!!
                “ขอเหตุผลว่าทำไมกูต้องเป็นแฟนกับชุน” ผมพูดพลางปีนขึ้นไปนั่งบนเตียง เอาหมอนที่วางอยู่มากอดไว้แน่น ปล่อยให้ชุนมันนั่งอยู่ที่ปลายเตียงคนเดียว
                “เพราะความเป็นเพื่อนจะได้จบๆ ไปซักที กูรำคาญ”
                “...”
                “เดี๋ยว อย่าพึ่งเข้าใจผิด คือ... กูรำคาญความสัมพันธ์แบบเพื่อนๆ นี่เต็มทน เราควรจะเป็นอะไรมากกว่านั้น... ตั้งนานแล้ว” มันพูดเน้นย้ำทีละคำอย่างชัดเจน 
                “ทำไมล่ะ” แต่ผมก็ยังคงสงสัยไม่หยุด
                “เราเป็นเพื่อนกันมากว่ายี่สิบปี อยู่ใต้ชายคาเดียวกันมาสิบปี... กูดูแลมึงมาตลอดจนกูเองก็ไม่คิดจะไปแต่งงานกับใครที่ไหน”
                “...”
                “ถ้าเป็นไปได้ เราก็ควรจะพัฒนาความสัมพันธ์ให้มันจริงจัง” 
                “ด้วยการเริ่มเป็นแฟนกันก่อนงั้นสิ?”
                “อืม” ชุนพยักหน้าก่อนจะปีนขึ้นเตียงมานั่งข้างๆ ผม เดี๋ยวๆๆๆๆ เริ่มสัมผัสได้ว่ากูอาจจะไม่ปลอดภัย แต่เอาเถอะ...


                ชุนเคยบอกว่า 
                อยู่กับชุนไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ปลอดภัยที่สุด



                อืม เพราะฉะนั้นเราห้ามกลัวชุนสิ!!!


                “ถ้าจะเป็นแฟนกับกู ต้องมีกฎสองข้อ” ผมพูดพลางชูสองนิ้วขึ้นมา
                “อะไรบ้าง”
                “หนึ่ง ไม้เรียวก้านมะยมต้องถูกทำลายและเผาไม่เหลือซาก!!” ผมพูดเสียงดัง ก็แหม่ ไอ้ไม้เรียวนี่ผมไม่เคยเห็นที่เก็บของมันเลยนะ ไม่ว่าจะค้นหลืบไหนก็หาไม่เจอ แต่พอกูทำผิดเท่านั้นแหละ... ไอ่ห่าชุนนี่ไปควักมาจากไหนก็ไม่รู้
                “ฮ่าๆๆๆ ก็ได้”
                “และสอง... ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ เข้าใจมั้ย” ผมพูดพลางเอื้อมมือไปจัดเส้นผมที่ชี้โด่ชี้เด่บนหัวชุน ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน... แต่ตอนนี้ผมยิ้มไม่หุบเลยแง T / / T
                “เข้าใจแล้ว... เป็นแฟนกันนะ” ชุนจับมือผมที่อยู่บนหัวตัวเองก่อนจะจูบเบาๆ ที่หลังมือผม นี่มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ!! มันมากเกินไปแย้ววววววววววว
                “อ... เออ (. / / / .)” ผมก้มหน้างุด มือผมก็ยังคงถูกจับไว้แน่น... 

                นี่มันอะไรๆๆๆ นี่กูจีบมันติดแล้วใช่มั้ยยยยยย
                กูว่าไม่ใช่...

                มันนั่นแหละที่จีบกูติดไอเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย แงงงงงงงงงงง TT0TT

                ผมเงยหน้าขึ้นไปมองมัน... เห็นมันกำลังอมยิ้ม แถมยังหน้าแดงหูแดงไปหมด 
                ไม่อยากจะล้อที่มันเขินหรอกนะ เพราะผมก็คงจะหน้าแดงหูแดงเหมียนกัลล์ T / / / / T


                “ชุน... น่ารักจัง” ผมพูดยิ้มๆ พลางเอานิ้วหยิกแก้มมัน ถึงใครจะบอกว่าผมแก้มยุ้ยน่าหยิก แต่ผมบอกเลยว่าตัวแก้มยุ้ยน่าหยิกของจริงอ่ะ... ชุนคนนี้เลยครับ (หยิกกี่ทีก็ฟิน) w
                “หืม ที่พูดนี่รู้ความหมายของคำว่า น่ารัก หรอ -_-?


                เออว่ะ... ก็...
                มันน่ารักอ่ะ ไม่รู้หรอกว่ามันแปลว่าอะไร แต่มันให้ฟีลว่าน่ารักอ่ะ!!


                “ไม่รู้”
                “งั้น... คำว่า น่ากินแปลว่าอะไร”


                อีห่า นี่กูกำลังเล่นภาษาไทยวันละคำกับมึงอยู่รึไงงงงง =___=


                “น่ากิน... แปลว่ามีอะไรบางอย่างดึงดูดให้อยากกิน” ผมก็ยังอุตส่าห์ค้นไปหาคำตอบมาได้
                “งั้นกูน่ารักก็แปลว่า...”
                “...”
                “กูมีอะไรบางอย่างดึงดูดให้มึงอยากจะรัก... ใช่ปะ?”


                สัส...
                เอาคำว่า น่ากินกับ น่ารักมาโยงกันได้ไงวะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยย O / / / / O!!!!
                (แล้วกูเขินทำไม กูหน้าแดงทำไมมมมมม T_T)


                “ค... คงงั้นมั้ง” อ้าวไอ่ห่าบุ๊ค แทนที่มึงจะด่ามัน ทำไมมึงยอมรับง่ายๆ ขนาดเน้ ;-;
                “งั้นอะไรที่ดึงดูดให้มึงรักกูอ่ะ...” ควายเอ๊ย อย่าถามมากได้มะ หน้าอย่างมึงไม่มีอะไรดึงดูดหรอก
                “ก็...” อ่าวเหี้ยละ กูจะพูดต่อทำไมนิ -0-
                “...”
                “ชุนใจดีเท่าโลกเลยยยยยยยยย ชุนเป็นท้องฟ้าด้วยยยยยยย” ผมไม่รู้ว่าผมจะทำตัวมุมิปัญญาอ่อนทำไม แต่ก็ทำไปแล้ว ทำทุกทีเลยเวลาอยู่กับชุนเนี่ยยยยยย -0-!!
                “หรอ...” มันยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ไม่เอาแล้วนะ จะจูบอีกแล้วหรอ T__T 
                “อื๊อ นี่บนเตียงนะชุน” ผมพยายามเตือนสติมัน แต่มันกลับยื่นหน้ามาใกล้กว่าเดิม
                “บนเตียงเนี่ยสิดี... จะได้ทำอะไรถนัดๆ” เฮ้ยแก ฉันว่าแบบนี้มันไม่โอเค ไม่โอเคคคคคคคคคค TOT
                
                แต่ก็ไม่ทันแล้วล่ะ...

                เพราะมันจับให้ผมลงไปนอนบนเตียง ก่อนจะก้มลงมาจูบผมแบบจริงๆ จังๆ แถมยังเอาลิ้นดันเข้ามาในปากผมแบบไม่ปรึกษาหรือบอกกล่าวล่วงหน้าเล้ย T^T 

                เดี๋ยวนะ นี่คืออะไร... 
                ไหนบอกว่าไม่เคยคบใคร แต่ทำไมคล่องห้ะ (#หึงก็บอกเค้าไปตรงๆ)
                
                “ช... ชุน” หัวใจผมเต้นแรงมากๆ จนผมต้องผลักมันออก ไม่งั้นผมอาจเป็นโรคหัวใจสูบฉีดมากเกินไปจนตายได้ T / / T
                “หืม...”
                “คือ... อย่างนี้ยังเป็นเพื่อนกันอยู่มั้ยอ่ะ” ผมถามอ้อมแอ้ม หวังว่าจะได้ยินคำว่าเพื่อนจากปากมันซักนิดก็ยังดี

                “กูไม่มีคำว่าเพื่อนให้มึงมาตั้งนานละ...”
                
                โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย นี่จะจีบกูจริงๆ ใช่ม้อยยยยยยยยยย
                หวั่นไหวนะเว้ยยยยยย หวั่นไหวมากกกกกกก TT_______TT


                แต่แต่แต่แต่
                ความคิดกรีดร้องทุกอย่างในหัวผมก็พลันมลายหายไปทั้งหมดทั้งมวล เพราะว่าอะไรรู้มั้ย...




                ไอ่เหี้ยชุนถลกเสื้อผมจนเปิดขึ้นถึงอก แล้วมันก็ก้มหน้าลงมา... 
                ทำอะไรบางอย่างแถวๆ หน้าอกโผ๊มมมมมมมมมมมม T0T!!!
                
                “ช... ชุนจะทำอะไร...” ผมเอามือยันหัวมันให้ออกไปห่างๆ จากอกตัวเอง บ้าชิบบบบ ทำเหี้ยไรเนี่ยยยยย จั๊กจี๋โว้ยยยย
                “แสดงความเป็นเจ้าของ” มันตอบสั้นๆ แต่กูฟังแล้วเสียวมาก
                “มึงเป็นเจ้าของกูตั้งแต่เมื่อไหร่ห้ะ” ผมพยายามบังคับเสียงตัวเองให้แข็งเข้าไว้ แต่ความจริงนี่อ่อนระทวยมากนะ T_T
                “ตลอดเวลา” โห้ ดูคำตอบมันเด้ TT________TT
                “ชุน บุ๊คกลัวอ่ะ...”
                “เคยบอกแล้วไงว่าอยู่กับกูไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น” ไอสัสสสสสสสส กูรู้ข้อนี้ดี แต่มึงนั่นแหละที่ทำให้กูกลัววววว T0T

                “ช... ชุน บุ๊คจั๊กจี๋อ่ะ อื๊อออ ไม่เอา” ผมพยายามดันหัวมันออกจากหน้าอกตัวเอง จนในที่สุดก็สำเร็จครับ! ผมรีบลุกแล้ววิ่งไปดูหน้าอกตัวเองที่กระจก...
               
                เดี๋ยว กูว่ารอยแดงๆ นี้มัน
                แปลกๆ นะ         
                
                เหมือนกูจะเคยเจอมันบนตัวกู... 
                วันนั้น...


                “สัสชุนนนนนนนนนนนนนนนน!!! มึงทำแบบนี้กับกูตอนกูเมามาแล้วใช่มั้ยห้ะ!!?” 
                “ใช่” แล้วดูมันตอบบบบบบบบบ มีความกระตือรือร้นที่จะโกหกกูบ้างก็ได้ จะไม่ว่าอะไรเลยยยยย แล้วยิ่งตอบแบบนี้ก็ยิ่งเขินไงงง T / / / T
                “โอ๊ยยยยยยย ครั้งนั้นแค่รอยเดียวไง แล้วนี่เหี้ยอะไร เต็มหน้าอกกูเลยเนี่ย T / / T กูจะแก้ผ้าเดินชายหาดได้ไงห้ะๆๆๆ”
                “ก็จะได้ไม่ต้องไปโชว์ท่อนบนให้ใครเห็นอีก” มันพูดเนิบๆ พลางลุกขึ้นแล้วตรงมาหาผม เหี้ยละๆๆ จะทำอะไรกู
                “สัส จะทำอะไรก็บอกกูล่วงหน้า จะสอดลิ้นก็บอกล่วงหน้า อิห่า กูตกใจ หัวใจจะวาย” ผมพูดพลางตีที่ไหล่มันดังปั้ก คนนี้แกโดนตีเบาๆ ไม่ได้หรอกครับ ต้องตีแรงๆ จะได้รู้สึกบ้าง -_-^
                “ฮ่าๆๆๆ งั้น...”
                “...”
                “ทำรอยให้กูบ้างสิ”


                กรี๊ดมึง กูพูดเลยว่ามันโรคจิตตตตตตตตตตตตตตต T / / / T (โรคจิตแล้วเขินทำไม)


                “บ้า ทำไม่เป็น (. / / / / / .)” ผมตอบอ้อมแอ้ม ก็คนมันไม่เคยทำจริงๆ นี่หว่า (._.) แล้วไอ่เหี้ยชุนมันบอกว่ามันก็ไม่เคยมีอะไรกับใครเหมือนกัน... แต่ทำไมถึงคล่องจังงง T^T
                “มา... เดี๋ยวชุนสอนให้นะ มีแค่สองขั้นตอนเอง” ไอสัส ไม่ต้องมาพูดเสียงหวาน บอกแล้วว่าหวั่นไหว 
                “สัส กูไม่อยากรู้!
                “หนึ่ง จูบ สอง ดูด”

                แหม่ แนะนำขั้นตอนให้ขนาดเน้ ไม่ลองดูก็กระไรอยู่ (อ่าวอิเหี้ย ทำไมเปลี่ยนใจเร็วจัง 555555555)


                ผมลองทำตามที่มันบอก แม้จะตัวสั่นปากสั่นขนาดไหน ก็ใจกล้ายื่นหน้าเข้าไปที่คอมัน ก่อนจะเอาปากจูบที่คอมันเบาๆ... กรี๊ดดดดดดดดดดด เสียวหัวใจจจจ 
                ผมทำตามขั้นตอนที่สองโดยการดูดให้สมกับที่มันสอนมา ไม่รู้ว่าดูดถูกมั้ยแต่ก็น่าจะเหมือนตอนดูดน้ำจากหลอดมั้ง...


                “ไม่เห็นจะแดงเลย!!!!!!” ผมเงยหน้าขึ้นมาดูผลงานตัวเอง ก่อนจะโวยวายเพราะมันไม่เห็นแดงเหมือนที่ชุนทำใส่ผมเลย คือกูทำตามทุกขั้นตอนที่มันบอกทุกอย่างแล้วนะ -_-!!
                “ต้องใส่ใจลงไปด้วยสิ”



                สัส ทุกอย่างที่กูทำให้มึงอ่ะ กูใส่ใจให้หมดแหละมึงไม่รู้หรอก!!
                


                Oops... กูหลุดพูดอะไรออกไป...
                ทุกคนอย่าพึ่งบอกชุนนะ T / / / / / / / T *เขินยกกำลังสิบ*



                “ไม่ทำแล่ว! ไม่เอาแล่ว!” ผมรีบหันหน้าหนี... แต่ชุนก็ดักคอผมไว้ด้วยการพูดอะไรบางอย่าง
                “เป็นแฟนกับกูก็มีกฎสองข้อเหมือนกัน...”
                “อะไรอีก -_-?” ผมหันไปเท้าสะเอวถาม
                “หนึ่ง ไม่ต้องดูแลตัวเองนะ กูดูแลมึงให้แล้ว”


                ฟาย เขิน


                “สอง รักกูไวๆ นะ”



                .
                .
                .
                
                ข้อนี้กูคงทำไม่ได้หรอก

                เพราะกูรักมึงไปแล้วว่ะ
               
               

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ27 มกราคม 2565 เวลา 16:48

    Is merit casino legit? - Xn Bet
    If you 인카지노 are looking for an online casino, you have come to the right place. Established in 2021, the Merit Casino 바카라 사이트 site is powered 메리트 카지노 주소 by the iGaming Suppliers

    ตอบลบ