วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2557

ภษคส 8 : B, I dare you to kiss me... DEEPLY.



8
B, I dare you to kiss me... DEEPLY.



                กระบี่~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~


                รีสอร์ทที่ทางบริษัทจองไว้อยู่ติดริมอ่าวพระนางของจังหวัดกระบี่ซึ่งมีความเป็นส่วนตัวอยู่มาก ผู้ที่เดินไปเดินมาก็เป็นแขกของทางรีสอร์ททั้งนั้น และแก๊งที่มาจากเกาหลีก็ปาเข้าไปยี่สิบกว่าคนแล้ว บรรยากาศทะเลที่ร้อนอบอ้าวต่างจากเกาหลีที่เริ่มหนาวทำให้หนุ่มๆ พนักงานบริษัทต่างพากันนุ่งกางเกงว่ายน้ำแล้วเดินออกมาที่หาดทรายสีขาว
                

                “เย่ๆๆๆ ร้อนดีจังเลยยยยย อย่างงี้ก็ไม่ต้องใส่สเวตเตอร์แล้ว >^<!! ใส่กางเกงในตัวเดียวเดินกลางถนนยังได้เลยเนี่ย” แบคฮยอนร้องออกมาก่อนจะกระโดดเหยงๆ เหมือนเด็กๆ

                “อย่าเวอร์ ฮ่าๆๆๆ เดี๋ยวจับแก้ผ้าเดินกลางถนนซะเลยดีมะ” ชานยอลพูดยิ้มๆ ก่อนจะสูดกลิ่นทะเลสีฟ้าเข้าไปเต็มปอด 

                “ไม่เอา!” แบคฮยอนตอบพลางแลบลิ้นใส่ เขาหันไปหาจงแดกับมินซอกที่ตอนนี้นั่งติดกันอย่างกับปาท่องโก๋ ก่อนจะชวนคุย “สองคนนี้ตัวติดกันจริงๆ ด้วยแฮะ”

                “ไม่ให้กูติดกับพี่มินได้ไง มึงดูโด้ มึงดูมัน ไอสัส เคือง” จงแดพูดพลางจ้องไปที่คนตัวเล็กกำลังยืนถ่ายรูปวิวชายหาด มันจะไม่เคืองเล๊ยยยยยยยยยยยยถ้าคนที่ยืนข้างๆ เป็นคนอื่นที่ไม่ใช่... จงอิน

                “อืม... โด้มันเปลี่ยนไปเยอะนะ” ชานยอลพูดพร้อมรอยยิ้มกว้าง “มันเปิดใจให้จงอินขึ้นเยอะเลย”

                “แหยะ!!” เสียงแบคฮยอนกับจงแดประสานพร้อมกัน

                “นี่มึงชอบโด้หรอวะจงแด” มินซอกถามเมื่อเห็นอาการของเพื่อนรุ่นน้อง จงแดหันขวับก่อนจะตอบอ้อมแอ้ม

                “เอ่อ... ก็ใช่อ่ะ...”

            “มึงไม่คิดจะชอบคนแถวนี้บ้างหรอวะ” 

                “ใคร? คนไทยหรอ เออ จะว่าไปเค้าบอกว่าสาวไทยสวยอยู่นะ...”

            “กูหมายถึงคนข้างๆ มึง” 

                “ห้ะ?” จงแดมองไปข้างตัวเขา ก็เจอแบคฮยอนนั่งตาแป๋วอยู่ “อิห่านี่มันมีผัวไปแล้ว ผมจะไปชอบมันทำไมพี่”

                “...”

                “...”


                แดกจุดครับ 

                เพราะแบคฮยอนกับชานยอลหันหน้ามามอง แล้วยังทำหน้าตกใจเหมือนโลกแตก


                คนข้างๆ ที่พี่มินซอกพูดถึงเนี่ย... 


                กูใช่มั้ยครับ =______=


                “พี่... ชอบผมหรอ” จงแดหันไปถามคนที่พูดจาไม่รู้ร้อนรู้หนาว 

                “เปล่า”

                “เย้ๆ!

                “ไม่ได้ชอบแต่รักอ่ะ รักมานานละ เป็นรับให้กูนะจงแด” มินซอกยังคงพูดบอกรักหน้าตาย เขามองไปที่ชายหาดเหมือนไม่ได้สนใจอะไร แต่ความจริงข้างในน่ะ... เขินชิบ - / / / / / -

                “เฮ้ย! จะให้ผมเป็นรับได้ไง ผมรุกนะพี่!” เริ่มเกิดการถกเถียงเรื่องโพสิชั่นขึ้นเล็กน้อย

                “มึงเนี่ยนะรุก O_O!? บ้าและ นี่กูนึกว่าโด้จะรุกให้มึงนะนั่น” มินซอกพูดพลางเกาหัวงงๆ แต่ก็ยักไหล่ไม่สนใจ “เอาเถอะ~ กูยังไงก็ได้ว่ะ มึงจะรุกใช่ปะ เออมึงรุกไป”

                “ห้ะ...”

                “แต่รุกให้ตลอดรอดฝั่งนะมึง อย่าเผลอ มึงเผลอกูจับปล้ำเลยสัส” มินซอกชี้หน้าก่อนจะเหม่อมองไปนอกทะเลอีกรอบ จงแดเกาหัวก่อนจะหันมาปรึกษาเพื่อนทั้งสอง แต่ไอ่เพื่อนผัวเมียทั้งสองก็ดูเหมือนจะสนับสนุนเต็มที่

                “พี่มินนนนนน~ แบคฝากจงแดด้วยน้า”

                “เฮ้ย รับฝากได้แค่ตอนนี้นะเว่ย พอตายไปแล้วไม่รู้จะรับฝากยังไงว่ะ แต่ถ้าไปเจอกันในนรกอีกก็ดีสิ” มินซอกหันมาทำหน้าจริงจัง จงแดหัวเราะในลำคอก่อนจะตบบ่าคนที่บอกรักเขาเมื่อกี้

                “พี่! นี่พี่เอาจริงหรอเนี่ย!?

                “เออ”

                “อย่ามาแกล้งผมเล่นเด่ะ แหน่ะๆ ซ่อนกล้องอยู่ใช่มะ ผมรู้หน่า ผมไม่รับรักพี่ง่ายๆ หรอก ฮ่าๆๆๆ” จงแดหัวเราะลั่น แต่คนทั้งสามคนกลับนั่งกันนิ่งเงียบ...

                “สัส กูพูดจริง กูรักมึงจริงๆ อย่ามากวนตีนกูได้มะ” มินซอกหันมาพูด แต่จงแดก็ยังหัวเราะไม่หยุด

                “โอ๊ยไอ่ห่า กูขำอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ นี่ยังไม่ถึงวันเกิดกูนะ เล่นเซอร์ไพร์สเหี้ยไรกันคร้าบบบบ”
                

                พลั่ก!!

                หมัดเล็กๆ แต่หนักหน่วงซัดเข้าที่แก้มขวาจงแดเต็มๆ จนมุมปากมีรอยช้ำเขียวขึ้นมา


                “กูบอกว่ากูรักมึงจริงๆ ไงไอห่า!

                “ต... ตาสว่างเลยครับกู O_O” จงแดจับที่มุมปากตัวเองด้วยความตกใจ เสียงหัวเราะของคู่เพื่อนสองผัวเมียดังลั่นชายหาด แต่มินซอกกลับยืนขึ้นแล้วชี้หน้า

                “นั่งเฉยๆ! เดี๋ยวกูมา!

                “ค... ครับ O_O;” จงแดต้องรับคำทั้งที่ยังงงๆ เขาจับมุมปากตัวเองก่อนจะมองหน้าเพื่อนทั้งสองที่ยังคงหัวเราะ

                “เฮ้ย พวกมึงเมื่อไหร่จะเลิกขำห้ะ? กูโดนบอกรักแล้วโดนต่อยโดยคนๆ เดียวกันนี่ขำมากปะสัส” จงแดหันไปด่า

                “น่ารักดีออก” ชานยอลพูดยิ้มๆ แต่สายตานี่แอบเหลือบมองคนข้างตัวที่ยังหัวเราะไม่หยุดด้วยนะ

                “พวกมึงก็รีบๆ เป็นผัวเมียกันจริงๆ ได้ละ นี่ตัวติดกันจนไม่ใช่เพื่อนละเนี่ย”

                “ชุนไม่ยอมเป็น” แบคฮยอนพูดพลางเบะปากเซ็งๆ บังเอิญเห็นมินซอกกำลังเดินดุ่มๆ มาทางนี้จึงสะกิดให้จงแดดู “ผัวมาละนั่นน่ะ”

                “ผัวพ่อง เมียเว่ยเมีย”

                “เอ้า นี่ยอมเป็นผัวเป็นเมียกับพี่มินเค้าละหรอ 555555555555555555” แบคฮยอนหัวเราะลั่นเมื่อจงแดเผลอหลุดพูดอะไรออกมา คนที่รู้ว่าตัวเองเสียท่าก็ทำได้แค่ก้มหน้าเจ็บใจ

                “เอ้านี่!” มินซอกเดินมาพร้อมกับ... น้ำแข็งหนึ่งก้อน

                “ห้ะ เอาไปทำไร” จงแดเงยหน้าถาม

                “ก็เอาไปประคบมุมปากนั่นไง!” มินซอกพูดพลางนั่งลงข้างๆ ที่เดิม แต่ครั้งนี้นั่งตัวตรงแหน่ว ไม่หันหน้าไปที่อื่นเลยทีเดียว

                “แอ่ะ เป็นห่วงผมหรอพี่”

                “เออเป็นห่วง ไอห่า อย่าให้กูพูดมาก” มินซอกหันมาด่า ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตอนนี้หน้าแดงขนาดไหน “ขอโทษละกัน คราวหลังก็พูดดีๆ ไม่งั้นกูต่อยไม่ยั้งแน่”

                “โอเค คราวหลังจะพูดดีๆ” จงแดพูดพลางมองก้อนน้ำแข็งในมือ รอยยิ้มบางปรากฏโดยไม่ทันจะรู้ตัว... “พี่รู้ปะ ถ้าพี่พูดจาไพเราะกว่านี้ ผมจะไม่สนใจพี่เลยนะ ผมชอบที่พี่หยาบคายเหี้ยๆ อย่างนี้แหละ”

                “สัส หุบปาก กูเขิน”

                “เออ เขินเหมือนกันว่ะ 5555555555”



**********



                ชานยอลพาแบคฮยอนไปเอาเท้าจุ่มน้ำทะเลได้ซักพักก็บังคับให้ขึ้นฝั่ง คนตัวเล็กที่อยากเล่นน้ำทะเลใจจะขาดก็ทำได้แค่เดินตามกลับห้องเท่านั้น 


                “ทำไมกูเล่นไม่ได้อ่ะๆๆๆๆๆ หงุดหงิดๆๆ” แบคฮยอนพูดพลางเอามือเล็กตีที่ไหล่กว้าง ทั้งคู่ทำได้แค่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น โทรทัศน์ก็ไม่เปิด เกมเศรษฐีก็ไม่ได้เอามาจากเกาหลี

                “มึงพึ่งมาจากเกาหลีหนาวๆ แล้วมาร้อนกะทันหันแบบนี้เดี๋ยวก็ป่วยหรอก” เหตุผลของคนตัวสูงฟังแล้วชื่นใจชะมัด แต่ก็ชื่นใจได้แค่หนี่งวินาทีเท่านั้นแหละ เพราะเขาอยากเล่นน้ำทะเลจริงๆ นี่นา น้ำทะเลเกาหลีก็ไม่เคยได้ลงเลย T^T

                “แล้วชาติไหนกูจะได้เล่น”

                “พรุ่งนี้ ตอนบ่าย” ชานยอลพูดพลางยัดเสื้อยืดกับกางเกงขายาวให้แบคฮยอนใส่ เดี๋ยวนั่งในห้องแอร์ทั้งๆ ที่ยังใส่กางเกงว่ายน้ำก็ป่วยอีก

                “งั้นต้องหาเกมให้กูเล่นนะ” แบคฮยอนเงยหน้ามองคนตัวสูงก่อนจะยอมใส่เสื้อผ้าง่ายๆ ไม่อยากขัดใจชุนเท่าไหร่ เดี๋ยวชุนโกรธแล้วจะไม่เป็นผลดีต่อหัวใจตัวเอง

                “เล่นเป่ายิ้งฉุบถอดเสื้อกัน” คนตัวสูงเก็บอาการหื่นไว้ไม่มิด มันอยากจะระเบิดตั้งแต่เห็นแบคฮยอนเปลี่ยนไปใส่กางเกงว่ายน้ำตัวเดียวละ คนฟังนิ่งไปนิดหน่อยก่อนจะยอมพยักหน้า

                “ก็ได้ มึงอย่ามาร้องไห้ละกัน กูเป็นแชมป์เป่ายิ้งฉุบสมัยป.สามนะเหวย” แบคฮยอนพูดก่อนทำหน้ามีชัย ชานยอลยักไหล่ไม่สนใจ เขายังคงใส่กางเกงว่ายน้ำตัวเดียว

                “โถ่ กูต่อให้มึงด้วยนะบุ๊ค ถ้ากูฉุบแพ้นี่กูถอดตัวนี้เลย”

                “ด๊ายยยยยยยยยยยยยยย~” แบคฮยอนพูดเสียงสูงก่อนจะเริ่มเป่ายิ้งฉุบ...


                ฉุบ!
                ฉุบ!
                ฉุบ!


                ฉุบไปฉุบมา...


                “งืออออออออออ ไม่เล่นแล้วววววว T^T เหลือกางเกงว่ายน้ำตัวเดียวแล้วนะ!” คนตัวเล็กที่ฉุบแพ้มาตลอดเอามือปิดตามร่างกายตัวเอง ตอนนี้ทั้งสองคนเหลือแค่กางเกงว่ายน้ำปกปิดร่างกายเท่านั้น

                “เออ กูลืมบอกว่า กูก็เป็นแชมป์เป่ายิ้งฉุบเหมือนกันนะ สมัย...”

                “...” 

                “ปีสาม” คนตัวสูงพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์

                “ชิ!” แบคฮยอนสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง ซึ่งเป็นหน้าต่างกระจกบานใหญ่จนสามารถเห็นบรรยากาศที่ชายหาดได้อย่างชัดเจน... เห็นพี่มินซอกอุ้มจงแดแล้วเหวี่ยงลงน้ำจนหัวปักทราย... เห็นคยองซูลงไปที่ลึกๆ โดยมีจงอินแอบตามอยู่ห่างๆ


                อยากเล่นมั่งโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!


                “นี่มึง...” คนตัวเล็กตั้งใจจะหันกลับไปขอร้องคนตัวสูงอีกซักที แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เพราะใบหน้าห่างกันแค่คืบเท่านั้น...


                ชุนมันเอาหน้ามาใกล้เราขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่...


                ตอนนี้แบคฮยอนเข้าใจแล้วว่า ทำไมเวลาพระเอกกับนางเอกในละครหันมาเจอกันใกล้ๆ แบบนี้แล้วต้องชะงักค้างไปชั่วขณะ...

                เพราะไม่รู้ว่าจะหันหน้าหนี

            หรือจะถลาเข้าไปครอบครองริมฝีปากนั้น


                คนตัวสูงชะงักเหมือนกัน... เขาไม่คิดว่าแบคฮยอนจะหันมา แค่อยากยื่นหน้าไปใกล้ๆ แล้วเอาคางวางไว้บนไหล่เฉยๆ แต่เมื่อได้โอกาสพอเหมาะขนาดนี้... เขาก็ควรทำอะไรซักอย่าง


                ชานยอลลองยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกนิดจนปลายจมูกแทบจะเกยกัน... ถ้าแบคฮยอนเบือนหน้าหนี เขาก็จะไม่ทำอะไรเกินเลยและจะเปิดโทรทัศน์แก้เขิน

                แต่ทำไมแบคฮยอนยังนิ่งค้างอยู่แบบนั้น... และเหมือนจะยื่นหน้ามาหาเขามากขึ้นด้วย


                เขายกยิ้มอยู่ในใจก่อนจะค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ... ริมฝีปากหนาจุมพิตเพียงแผ่วเบาและนิ่งค้างราวกับกลีบดอกไม้บดเบียดชนกัน มือเล็กยกขึ้นมายันอยู่ที่แผงอกแกร่ง แต่ไม่ทันไร... ก็เอื้อมขึ้นไปโอบที่รอบลำคอคนตัวสูงอย่างเผลอตัว 

                เสียงหัวใจเล็กๆ เต้นแรงขึ้นมา


                มันไม่ใช่ครั้งแรกในชีวิตหรอกที่เต้นแรงแบบนี้

                แต่มันไม่เคยเป็นแบบนี้กับใคร... และมันก็เต้นแรงแบบนี้กับชุนคนเดียว


                “อือ...” คนตัวเล็กครางออกมาเมื่อมีลิ้นสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากตัวเอง เขายอมอ้าปากก่อนจะตวัดลิ้นออกไปทักทาย ร่างสูงยิ้มออกมานิดๆ ก่อนจะจับใบหน้าคนตัวเล็กให้เอียงและลิ้นหนาที่ตอนแรกอ่อนหวาน... ก็มุทะลุดุดันเข้าไปตวัดดูดดึง 

                คนตัวเล็กหายใจแทบไม่ทัน แต่ก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร


                ถ้าชุนอยากจูบ... ก็จะให้ชุนจูบ... จะไม่ขัดใจชุน
                

                เพราะตัวติดกันมาตลอดยี่สิบปีล่ะมั้ง... แม้แบคฮยอนจะไม่ส่งเสียงทักท้วงหรือขัดขืน แต่ชานยอลก็รู้ว่าคนตัวเล็กหายใจไม่ทัน เขายอมผละริมฝีปากออกจนเห็นแบคฮยอนหอบจนตัวโยนนั่นแหละ... ถึงได้ยิ้มออก


                “... หายเหนื่อยยัง” เสียงแหบพร่าถามอยู่ข้างหู แบคฮยอนพยักหน้าก่อนจะรอรับจูบหนักๆ อันแสนอ่อนหวานอีกรอบ... ครั้งนี้ลิ้นหนาเข้าไปกวาดภายในโพรงปากเล่นเสียจนคนตัวเล็กอ่อนระทวย มือสั่นๆ ที่โอบรอบลำคอหนาจึงเลื่อนลงมาจับที่ไหล่กว้างช้าๆ 


                หากไม่ติดว่ากางเกงว่ายน้ำถอดยาก ชานยอลคงดึงของแบคฮยอนออกไปแล้วล่ะ :)

                คนตัวสูงถอนจูบอย่างอ้อยอิ่ง โอกาสนี้เป็นครั้งแรกของชีวิตเขา... ใครมันจะยอมผละออกง่ายๆ ลิ้นหนายอมถอยกลับ แต่ริมฝีปากไม่ยอมถอยง่ายๆ ยังคงบดเบียดริมฝีปากเล็กราวกับไม่อยากจะจากไปไหน


                “ช... ชุน จูบแบบนี้มัน...” เมื่อถอนริมฝีปากออกจากกัน คนตัวเล็กก็พึมพำออกมาเบาๆ 

                “...”

                “มันยังเป็นเพื่อนกันอยู่รึเปล่า” แบคฮยอนถามประโยคเสียดแทงใจ... ไม่เคยคิดว่าเป็นเพื่อนกันและไม่คิดอยากจะเป็นเพื่อนอีกแล้วด้วย แต่ก็ต้องกลั้นใจตอบในสิ่งที่ไม่อยากตอบ

                “อือ เพื่อนกัน”

                “อ้อ... อืม... ดีแล้ว... ถูกต้องแล้ว”


                ทำไม...

                หรือว่าบุ๊คจะเกลียดชุนไปแล้ว...


                “มึงอย่ามาใกล้กูอีกนะ... เดี๋ยวกูจูบมึงอีก กูไม่อยากทำ” ร่างสูงพูดพลางเบือนหน้าหนี เพียงแค่คิดว่าแบคฮยอนจะเกลียดตัวเองก็กลัวจนตัวสั่น...

                จากตอนแรกที่รู้สึกร้อนอบอ้าว แต่ตอนนี้กลับสัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บ... แอร์มันหนาวอย่างงี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ


                “ด... ได้...”

                “...”

                “จะไม่มาใกล้ชุนอีก”


                คนตัวเล็กพูดในลำคอก่อนจะเดินออกไปจากห้องทันที... 

                ส่วนคนที่ยังนั่งอยู่ในห้องก็ทำได้แค่เตะกำแพงระงับอารมณ์โกรธของตัวเอง...




                ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ที่ฉันต้องทนกับทุกสิ่ง

                ปิดบังความจริงในใจทุกๆ อย่าง...



**********



                “ฮึก...” เสียงเล็กสะอึกสะอื้นอยู่ข้างห้องพัก เขาไม่กล้าวิ่งไปไหนไกลเพราะสภาพที่ใส่กางเกงว่ายน้ำตัวเดียวกับจมูกแดงแจ๋ทำเอาอายขึ้นมาหน่อยๆ จึงได้แต่นั่งแอบอยู่ในพุ่มไม้เท่านั้น

                มือเล็กปาดน้ำตาลวกๆ เพราะยังไงก็ต้องมีน้ำตาชุดใหม่ไหลลงมาอีกรอบ พยายามปิดปากตัวเองเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น กลัวว่าใครผ่านมาแล้วจะได้ยินเข้า


                ...

                “แบค! มึงมาทำอะไรตรงนี้!?” แล้วก็มีคนได้ยินเข้าจริงๆ... คยองซูที่เดินมากับจงอินนั่นเอง ในตอนแรกตั้งใจจะเข้าไปเรียกแบคฮยอนกับชานยอลให้มาเล่นน้ำด้วยกัน แต่เมื่อได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากในพุ่มไม้ข้างห้องพักก็ต้องหยุดดู

                “ฮึก... ย... อย่าเสียงดัง” แบคฮยอนเอามือจุ๊ๆ ที่ปากตัวเอง คยองซูหันไปบอกจงอินเบาๆ ให้ไปตามหาผัวเพื่อน ก่อนจะหันกลับมาคุยกับคนตัวเล็กที่ตอนนี้เนื้อตัวเประเปื้อนไปหมด

                “ทำไมเป็นแบบนี้... ใครทำอะไรมึง” เพื่อนตัวเล็กอีกคนเดินเข้าไปปลอบ เขารู้ว่าพูดอะไรไปแบคฮยอนก็ไม่ฟังหรอก ต้องเค้นมันให้เล่าเรื่องราวทั้งหมด...

                “ช... ชุนจูบกู...”

               
                หืมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

                ยี่สิบปีที่ผ่านมา...
                มึง-พัฒ-นา-มา-ก้าว-นึง-แล้ว-นะ-ชาน-ยอล *ปรบมือให้แรงๆ*


                “ล... แล้วไงต่อ” คยองซูพยายามปรับน้ำเสียงให้ลดความตื่นเต้นลงสิบล้านระดับ

                “แล้วชุนก็... ฮึก... ชุนก็ไล่กูไม่ให้เข้าใกล้อ่ะมึง ฮึก... มันบอกว่ามันไม่อยากจูบกูอีกแล้วอ่ะ... ทำไมอ่ะ...”

                “...”

                “มันรังเกียจกูแล้วใช่มั้ย... มันจะ... มันจะเกลียดกูรึเปล่า...”

                “...”

                “โด้... หัวใจกูอ่ะ มันบีบอ่ะมึง ในท้องมันหน่วงๆ โหวงๆ ยังไงไม่รู้... กู... กูไม่รู้ว่ากูเป็นอะไร กูจะตายรึเปล่า...”


                เดี๋ยวนะแบค... มึงมัน...

                แปลกๆ นะ


            “แบค มึงเข้าใจผิดแล้วนะ...” คยองซูที่รับรู้ได้ว่าชานยอลไล่ออกมาเพราะอะไร จึงรีบปลอบเพื่อนอย่างอ่อนโยน “ที่มันไล่มึงแบบนั้น เพราะมันกลัวว่ามึงจะเกลียดมันไง”

                “จ... จริงหรอ...” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นจากความเสียใจ ดวงตาเรียวเล็กเริ่มมีความหวัง

                “ก็เอออ่ะดิ... สิ่งที่มึงควรทำตอนนี้คือ”

                “...”

                “อุ๊ย ไม่บอกดีกว่า เรื่องแบบนี้ต้องหัดคิดเองบ้าง... ทำตามหัวใจตัวเองนะ อย่าใช้สมองนะแบค... ไปละ” 


                คยองซูตัดสินใจเดินหนีออกมาและไม่บอกคำแนะนำดีๆ ให้เพื่อนรัก เขาคิดว่าถ้าแบคฮยอนหัดลองทำอะไรตามหัวใจตัวเองดูบ้าง... การแอบรักข้างเดียวของทั้งคู่อาจจะพัฒนาไปเป็นความสมหวังในเร็ววัน

                แบคฮยอนที่เอ๋อไปพักใหญ่จึงเริ่มไตร่ตรอง...
                

                ไม่เคยมีความคิดจะรังเกียจชุนเลยแม้แต่ครั้งเดียว


                คิดได้แค่นั้นก็รีบลุกขึ้นยืน กิ่งไม้เกี่ยวแผ่นหลังขาวเนียนและแขนขาเสียจนเป็นรอยแดง... แต่เขาก็ไม่สนใจอะไรอีก สองขาเรียวรีบวิ่งเข้าไปในห้องพักแต่ก็ไม่เจอใคร จึงรีบวิ่งไปตามชายหาด... ใครตัวสูงๆ จะรีบวิ่งเข้าไปหา

                ชุนไปไหน...

                แต่เรดาร์เนื้อคู่ก็ไม่ทำให้ทั้งสองคนพรากจากกันนานเท่าไหร่นัก ไม่ทันไรคนตัวเล็กก็วิ่งไปเจอชานยอลกำลังยืนหันรีหันขวางอยู่ในซอกโขดหิน...


                อิห่านี่แม่งบ้าชิบเป๋ง กูจะยัดตัวเองเข้าไปในนั้นได้แง๊ะ


                “ชุน...” แบคฮยอนเปล่งเสียงเรียกจนคนตัวสูงหันมามอง ร่างสูงนิ่งไป... 


                เอาไงดี มันจะด่าที่เราจูบมันมั้ย 

                แต่ทำไมตากับจมูกมันแดงแบบนั้น

                “ชุน... ฮึก... อย่าเกลียดกูนะ ย... อย่าเกลียดบุ๊คนะ” เมื่อเห็นชานยอลมองมา คนตัวเล็กกว่าก็ทำได้แค่ร้องไห้อีกรอบ ปากก็พร่ำพูดขอร้องอ้อนวอนไม่ให้คนตรงหน้าเกลียด

                “ทำไมกูต้องเกลียดมึง... แล้วนี่ร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรมึง” ชานยอลเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะสังเกตเห็นรอยแดงขีดข่วนตามตัวก็ยิ่งตกใจขึ้นกว่าเดิม “เฮ้ย! ทำไมเป็นแบบนี้! ไปโดนอะไรมา!

                “พุ่มไม้ทำ... ชุนไม่ได้ทำนะ กูไปนั่งร้องไห้ในพุ่มไม้... ล... แล้วมันข่วนกูอ่ะ” แบคฮยอนพูดตะกุกตะกัก ทั้งที่ความจริงแล้วตัวต้นเหตุก็คือนังชุนนั่นแหละ

                “แล้วร้องไห้ทำไม” คนตัวสูงเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น มือหนาสองข้างจับที่แขนเล็กเบาๆ แต่ก็ถูกสะบัดทิ้ง

                “ย... อย่าโดนตัวกูเลย”

                “... รังเกียจกูแล้วหรอบุ๊ค” คนตัวสูงรีบปล่อยมือตัวเองทิ้ง ในใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม 

                “ไม่เคยรังเกียจชุน... แต่ชุนกำลังเกลียดกู ก็... อย่าโดนตัวกูดีกว่าเนอะ” แบคฮยอนพูดไปหัวใจก็บีบตุบๆ ไปด้วย ใบหน้าเล็กก้มหน้าต่ำ มองไปที่ปลายเท้าตัวเองอย่างประหม่า

                “ใครเกลียดมึง”

                “มึง”

                “กวนตีนละบุ๊ค... กูไม่เคยเกลียดมึง” 

                “ก็มึงไล่กูอ่ะ!” แบคฮยอนคนเดิมเริ่มกลับมา

                “แล้วมึงอยากจะจูบกับเพื่อนสนิททุกวันมะ กูกลัวมึงเกลียดกูไง กูเลยบอกให้มึงอยู่ห่างๆ อย่าเข้าใกล้... ถ้าเข้าใกล้กูจะจูบ” คนตัวสูงกล่าวเหตุผล ความรู้สึกหงุดหงิดพลุ่งพล่านอย่างช่วยไม่ได้...


                แต่ก็ต้องชะงัก... 


            เมื่อแบคฮยอนเดินเข้ามาใกล้จนเท้าจะเกยกันอยู่แล้ว


                “ใกล้พอจะจูบรึยัง? จูบเลยเสะ! กูไม่รังเกียจมึง! ไม่เกลียดด้วย!

                “ห้ะ...” ชานยอลเกาหัวงง เขากลายเป็นฝ่ายที่เริ่มเขินขึ้นมาเสียดื้อๆ

                “ยังไงชีวิตนี้กูก็ต้องตัวติดกับมึงอยู่ละ ถ้าจะให้ห่างอย่างที่มึงบอก กูคงขาดใจตายก่อน...”

                “...”

                “เพราะฉะนั้น... มึงจะจูบก็จูบ กูตามใจมึงสุดๆ แล้วนะ จะเอาไม่เอา?” แบคฮยอนกอดอก อารมณ์โศกเศร้ากลายเป็นอารมณ์ขุ่นเคือง 

                “เอา” คนตัวสูงยิ้มกรุ้มกริ่ม เดินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะจุมพิตเบาๆ บนหน้าผากเนียน

                “...”

                “นี่... กูจะจูบเมื่อไหร่ก็ได้ใช่ปะ ถ้าปากเปื่อยก็ไม่ว่าใช่ปะ” 

                “เออ” แบคฮยอนตอบทั้งที่ยังกอดอก ทำท่าหยิ่งยโสจนคนตัวสูงหมั่นไส้ ก้มลงไปจูบที่ปากเล็กแรงๆ

                “นี่... กูจูบทั้งตัวเลยได้ปะ”

                “กวนตีนละ -_-^” แบคฮยอนตีเข้าที่ไหล่กว้าง ก่อนจะทำหน้าอ้อน “แผลกิ่งไม้เกี่ยวเนี่ย... มึงทายาให้หน่อยนะชุน”

                ...

                “ยาคงทาไม่หายหรอก ต้องใช้ปากจูบทีละแผลจนหาย

                “กวนตีน!

                “...”

                “แต่ทายาไม่หายจริงอ่อวะ... ถ้าใช้ปากจูบมันจะไม่เสียวหรอ...” นิ้วเล็กจิ้มที่ปากเหมือนใช้ความคิด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคงจะโดนหลอก “มึงแม่งกวนตีนนะชุน กูไปละแม่ง”

                

                *กระแอม* ไว้เป็นแฟนกันเมื่อไหร่นะ มึงนั่นแหละจะนอนรอกูบนเตียง

                #เป็นแฟนให้ได้ก่อนนะชุน



**********


 
                “เป็นไง ได้กันยัง” คยองซูถามเพื่อนตัวสูงที่เดินมาคนเดียว รอยยิ้มบนหน้าทำให้รู้ว่าคงมีเรื่องดีๆ 

                “บ้ารึไง กูไม่อยากชิงสุกก่อนห่ามเว่ย”

                “โอ๊ย อยู่กินกันฉันท์ผัวเมียมาสิบปีละ เนี่ยหรอไม่ชิงสุกก่อนห่าม?” คยองซูหัวเราะประชด ก่อนจะพูดต่อ “แบคมันอาจจะชอบมึง แต่มันไม่รู้ตัวว่ะ”
 
                “หรอ... กูต้องทำยังไงมันถึงจะรู้ตัววะ นี่กูได้รับใบอนุญาตจูบฟรีตลอดชาติด้วยนะ เขียนในโพสอิทกากๆ แต่กูจะเอาไปใส่กรอบแปะฝาบ้าน” ชานยอลยิ้มดีใจก่อนจะอวด ตั๋วจูบฟรีตลอดชาติ



                “ใครแก้คำว่า CAN เป็น PLEASE วะ... มึงแหง -_-^” คยองซูมองกระดาษนั้นอย่างชั่งใจ คนฟังหัวเราะลั่นก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก

                “กูพึ่งแก้เมื่อกี้ อย่าไปบอกมันนะ 5555555555555” 

                “เออ... กูไปก่อนนะ ถ้าจงอินมาถามก็บอกว่าไม่รู้ว่ากูไปไหนละกัน” คยองซูเหมือนจะเดินหนีไป แต่เพราะความอยากเสือกส่วนตัวจึงคว้าตัวเพื่อนรักไว้ได้ทัน

                “เดี๋ยวๆ นี่โกรธกันหรอ?”

                “ชานยอล... มึง...” คยองซูหันมาเต็มตัว ใบหน้าที่เก็บสะกดความรู้สึกที่แท้จริงมานานจึงเปิดเผยออกมา “กู... กูไม่อยากเจอมันอีกแล้ว”

                “สัส... เป็นไรมึง”

                “กูรักมัน... กูรักมันมาก แค่เห็นหน้ามันกูก็รักแล้ว”

                “...”

                “กูไม่อยากยุ่งกับมัน กูกลัวว่ากูจะใจอ่อนแล้วยอมเป็นแฟนกับมันอีกรอบ ให้มันปั่นหัวกูอีกรอบ... กูไม่อยากโดนแบบนั้นอีก” เขาเปิดเผยความในใจออกมาจนหมดเปลือก ชานยอลที่รับรู้ทุกอย่างได้ตั้งแต่แรกก็ทำได้แค่ถอนหายใจเงียบๆ

                “...”

                “ถ้ากลับเกาหลีเมื่อไหร่ กูว่ากูจะลาออกจากบริษัท...”

                “...”

                “กูจะย้ายออกจากคอนโดด้วย” เหมือนเป็นคำประกาศที่ทำให้คนฟังตกใจไม่น้อย 

                “มึงคิดดีๆ นะ”

                “กูคิดดีแล้ว มึงอย่าพึ่งบอกแบคนะ... กูจะทำให้เงียบที่สุด” คยองซูพูดพลางเดินหันหลังกลับไป เพื่อนตัวสูงได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองจงแดกับพี่มินซอกที่ยังคงเล่นน้ำกันอย่างบ้าคลั่งแล้วก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้...


                สองคนนี้คงเป็นคู่ที่โลกสดใสที่สุดแล้วล่ะ



**********



                สดใสหาพ่อมึงสิ

                กูจะสำลักน้ำทะเลตายอยู่ละ


                ผมคือจงแดเองครับ จงแดครับจงแด นี่ขนาดพระเอกยังไม่ได้ออกเลยนะ กูได้ออกก่อนพระเอกได้ไง จัดว่าเจ๋งทีเดียว


                พี่มินซอกแกจับผมเหวี่ยงลงน้ำทะเลหลายรอบละครับ -0-; กูไม่เคยเล่นน้ำทะเลแล้วอิ่มขนาดนี้มาก่อน ไม่ได้อิ่มอกอิ่มใจที่ได้เล่นกับพี่แกนะครับ... กูแดกน้ำทะเลไปหลายอึกเลย อิ่มละ มื้อเย็นไม่ต้องแดก


                “สัสจงแด ตัวก๊างก้าง อย่างงี้จะรุกไหวหรอห้ะ” พี่มินซอกแกพูดจบก็อุ้มผมแล้วเหวี่ยงผมจนหัวปักน้ำทะเลอีกรอบ กูเกรงว่าพี่แกจะเกลียดกูมากกว่ารักกูนะ -_-^

                “แค่กๆๆๆๆๆๆๆ รุกได้เว่ย! พี่ก็นอนเฉยๆ เด้!

                “กูจะนอนเฉยๆ ได้ไง กูเห็นหน้ามึงแล้วอยากรุกม๊ากมาก บอกแล้วว่าถ้าเผลอกูจะขึ้นคร่อมทันที” พี่แกพูดก่อนจะหิ้วปีกผมพาขึ้นฝั่ง นี่กูไม่เคยเล่นน้ำทะเลจนเหนื่อยขนาดนี้เลยนะ เหมือนกูกำลังเล่นเกมหนีเอาตัวรอดอ่ะ ถ้ามึงเผลอมึงโดนจับหัวปักลงน้ำทะเล ถ้ามึงตั้งสติทัน... มึงก็วิ่งหนีได้ 555555555555

                “เอ้า โด้! มาเล่นน้ำมาๆๆๆๆ” ผมรีบเมินพี่มินซอกก่อนจะหันไปหาโด้ที่กำลังเดินมาทางนี้ มองซ้ายมองขวาเหมือนระแวงอะไรบางอย่าง

                “กูไปเล่นน้ำตรงนั้นนะ อย่าบอกใครนะ” โด้พูดพลางชี้ไปทางโขดหิดไกลๆ ผมพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะเหลียวมองตามมันทุกฝีก้าว จู่ๆ ก็โดนใครตีที่หลังดังปั๊ก

                “สัส มีกูแล้วยังจะมองหาใครอีกห๊าาาาา” พี่มินซอกแม่งมายืนบังไม่ให้ผมมองโด้ 

                “ผมไปมีพี่ตั้งแต่เมื่อหร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย TOT” ผมโวยวายก่อนจะชะเง้อคอมองโด้ต่อ เห็นมันลงน้ำไปแว๊บๆ ก็โอเคละ

                “มองคนอื่นนอกจากผัวตัวเองได้ไงห้ะ”

                “แก้คำผิดด้วยนะพี่มิน... เมียโว่ยเมีย!

                “เออนั่นแหละ!! อย่างงี้เรียกว่านอกใจ!!

                “อย่ามาบังได้แม้ะ!! จะดูว่าโด้มันจะจมน้ำรึเปล่าาาาา~ ไม่ได้นอกใจพี่เลยนะ *w*” ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องแก้ตัวด้วยว่าผมไม่ได้นอกใจ เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย -_-^ 

                “มันแมนกว่ามึงอีก ไม่จมง่ายๆ หรอกหน่า!!” พี่มินซอกพูดพลางเอามือสองข้างมาปิดตาผม “หึงเนี่ยหึง หึงมึงกับโด้มานานละ ได้แสดงออกซักที”

                “โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย ได้แสดงออกไม่ได้แปลว่าจะได้ครอบครองผมนะเพ่!! ปล่อยเลยปล่อย” ผมแกะมือพี่มินซอกออกก่อนจะลืมตามองหาโด้อีกรอบ 


                ก็เห็นมันโบกมือหย็อยๆ 


                “เฮ้ย มันชวนไปเล่นตรงนั้นอ่ะ ไปกันๆ” ผมลุกก่อนจะเดินนำพี่มินซอกไป


                แต่อีชิบหาย โด้มันไม่ได้ชวนกูมาเล่น 

                มันโบกมือขอความช่วยเหลือ!!           
                

                “เชี่ยโด้!! เป็นไรวะ!!” ผมวิ่งสุดชีวิต วิ่งเท่าที่ผู้ชายคนนึงจะวิ่งได้ หรี่ตาสู้แสงพระอาทิตย์ก่อนจะเห็นว่ามันเอามือลงไปจับข้อเท้าตัวเอง

                “กูโดนแมงกะพรุน... เจ็บ...” เสียงแผ่วๆ ที่ดังมาจากมันทำเอาหัวใจผมกระตุกวูบ... 

                “เดี๋ยวกู...” ผมมองหน้ามองหลัง... เอาไงดี รักษาแมงกะพรุนนี่ทำยังไง...

                “...”

                “ขึ้นฝั่งก่อนนะ เดี๋ยวกูไปตามบอสจงอินมาให้” ผมแบกมันขึ้นหลังก่อนจะพาเดินขึ้นหาดทราย พี่มินซอกที่วิ่งตามมาทีหลังก็ได้แต่ทำหน้าตกใจ


                นี่เป็นโอกาสทำคะแนน

                แล้วทำไมกูต้องไปเรียกให้บอสมาทำคะแนนด้วยวะ


                “เดี๋ยวกูไปช่วยหาผักบุ้งทะเลนะๆๆ” พี่มินซอกพูดพลางวิ่งร้อนรนไปทางอื่น 

                ...


                “จะให้กูไปตามใครมาช่วยมึง” ผมหันไปถาม สองเท้าเตรียมวิ่ง

                .
                .
                .

                “จ... จงอิน”


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น