วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2557

ภษคส : 17 B, everything seems fuck when I’m not with you.



17

B, everything seems fuck when I’m not with you.





หนึ่งเดือนผ่านไป


                ทุกๆ อย่างผ่านไปรวดเร็วเหมือนไฟฟ้าสถิต 

                H ทำให้ H มีความสุข
                และ H ก็ทำให้ H ยิ้มได้
                


                ลู่หานกำลังแพ็กกระเป๋าเงียบๆ เขาไม่ชอบความรู้สึกของการจากลาโดยไม่บอกกล่าว เพราะเขาเคยสัมผัสประสบการณ์เลวร้ายแบบนี้มาแล้วหนหนึ่งและไม่อยากสัมผัสอีก แต่เขาไม่รู้ตัวว่าเขากำลังทำแบบนี้กับเซฮุน


                “พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้านะครับ” หม่าม๊าคยองซูจูบหน้าผากเขาก่อนจะพาเดินไปที่ห้องฝั่งตรงข้าม เด็กน้อยแก้มยุ้ยมารอรับตามปกติและเป็นฝ่ายคว้ามือลู่หานไปจับ

                “พี่ฮานฮาน พรุ่งนี้ฮุนฮุนไม่ว่างแหละ” 

                “เอ้า ไปไหน...” เขาใจหายวาบ เพราะพรุ่งนี้คือวันที่เขาจะไป

                “ม๊าบอกว่าพรุ่งนี้ไปส่งเพื่อนม๊าที่สนามบิน ให้ฮุนฮุนไปด้วย แล้วม๊าก็บอกให้ฮุนฮุนเข้มแข็ง” สิ่งที่น้าแบคฮยอนพูดกับเซฮุนทำให้เขาอยากจะขอบคุณเสียพันครั้ง น้าแบคฮยอนรู้ทุกอย่าง... แค่ไม่พูดและรอให้เขาเป็นคนพูดเอง

                “อื้ม ม๊าพูดถูกแล้ว” ลู่หานขยี้หัวเด็กน้อยก่อนจะพาเดินไปที่ห้องนอน แต่กลับเจอน้าแบคฮยอนนอนอยู่บนเตียงชั้นล่างและน้าชานยอลนอนกระดิกเท้าอยู่บนเตียงชั้นบน

                “ไปนอนห้องน้าเถอะฮานฮาน วันนี้ให้หนึ่งวัน” น้าแบคฮยอนลุกขึ้นมาก่อนจะยิ้มใจดีให้ ลู่หานเงยหน้ามองน้าชานยอลเป็นเชิงขออนุญาตและน่าแปลก... ที่น้าชานยอลก็พยักหน้าง่ายๆ

                “ขอบคุณครับ” ลู่หานกล่าวขอบคุณเต็มปากเต็มคำและพาเซฮุนที่ยังงงๆ ไปที่ห้องนอนใหญ่


                เตียงนอนของน้าทั้งสองคนทำเอาเขายิ้มออกมา ไม่ได้คิดในเรื่องหื่นกามแต่คิดขอบคุณอีกพันครั้ง เซฮุนคลานขึ้นเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนและหัวเราะเอิ๊กอ๊าก


                “ฮ่าๆๆๆๆ ได้นอนเตียงใหญ่แล้ววววว นุ๊มนุ่ม~” เด็กน้อยกลิ้งตัวไปมาก่อนจะปาหมอนใส่ลู่หานที่กำลังคลานขึ้นมานอนบนเตียง

                “เฮ้ๆๆ ทำไมทำกับพี่แบบนี้” ลู่หานเองก็ไม่ยอม เขาเอาหมอนปากลับแต่น้องหลบทัน จึงคว้าเอวเล็กไว้แนบตัวและหอมแก้มฟอดใหญ่ 

                “ไม่อาว ไม่หอมแก้มมมมมมมม” เซฮุนร้องโวยวายเมื่อพี่ลู่หานจ่อปากเขาให้ไปติดกับแก้มพี่ลู่หาน

                “หอม!!” ลู่หานบังคับเสียงแข็งจนเด็กน้อยต้องฝังปลายจมูกลงไปบนแก้มเขาอย่างระวัง 

                “ฮุนฮุนจะขึ้นป.หนึ่งแล้วนะ! ไม่หอมแก้มใครแย้ว!

                “พูดให้มันชัดก่อนเหอะ”

                “แล้ว!” เด็กน้อยแก้คำผิดด้วยตัวเอง บางคำก็ไม่ได้จงใจจะพูดผิดหรอก... แต่พูดผิดบ่อยๆ มันก็ติดปากน่ะ ;__;

                “คืนนี้ไม่ต้องนอนกันดีมั้ย” ลู่หานล้มตัวลงนอนข้างๆ เซฮุน พยายามอย่างมากที่จะไม่เอาน้องเข้ามากอดในอ้อมแขนตัวเอง

                “ไม่เอา ฮุนฮุนง่วง” เด็กน้อยปรือตา แต่เมื่อพี่ลู่หานไม่ยอมปิดไฟหัวเตียงซักทีจึงหันหน้ามาสบตากับคนเป็นพี่ 

                “พี่ไม่อยากง่วง”

                “ทำไมง่ะ ฮุนฮุนง่วง”

                “ถ้าพรุ่งนี้แผ่นดินไหวจนเราไม่ได้เจอกันอีก ฮุนฮุนจะทำยังไง” ลู่หานมองเพดานอย่างกังวล ทำให้น้องแปลกใจนิดหน่อย... ปกติพี่ฮานฮานไม่ใช่คนที่คิดถึงอนาคตแบบไร้เหตุผลนี่นา

                “ฮุนฮุนก็จะตามหาพี่ฮานฮาน”

                “แล้วถ้า...”

                “เลิกพูดเถอะ ฮุนฮุนง่วง” เด็กน้อยเอามือปิดปากลู่หานก่อนจะหลับตาลงช้าๆ และปล่อยให้ความง่วงของความเป็นเด็กครอบงำจนหลับสนิท
                


                ...


                ลู่หานยังคงเงยหน้ามองเพดานอยู่อย่างนั้น แอบเหล่ไปมองนาฬิกาแขวนก็พบว่าตีหนึ่งกว่า เด็กวัยอย่างเขาไม่เคยนอนดึกขนาดนี้ แต่คืนนี้จะไม่นอน


                คืนนี้จะไม่อยู่กับความฝัน คืนนี้จะอยู่กับความเป็นจริงให้ได้มากเท่าที่จะทำได้


                เขารู้ตัวดีว่ารั้งน้องให้ตื่นขึ้นมาก็ไม่มีประโยชน์ ปากหนักๆ อยากจะบอกทุกอย่างแต่กลัวว่าพรุ่งนี้น้องจะไม่มาส่งที่สนามบิน จึงทำได้แค่ลังเลและนอนมองหน้าเด็กน้อยที่กำลังเอานิ้วโป้งอมไว้ในปากเท่านั้น


                มองไปมองมาแล้ว...


                ก็ชักจะไม่แน่ใจว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเด็กตรงหน้า เขาไม่แน่ใจจริงๆ... เพราะเขาพึ่งอยู่บนโลกนี้มาแค่สิบสองปีและจำความได้ประมาณหกปีเท่านั้น เรียกได้ว่าไร้ซึ่งประสบการณ์ใดๆ ในเรื่องความรัก


                เขาแค่ชอบที่ได้อยู่กับฮุนฮุน

                แค่ชอบที่ได้เป็นคู่ HH

                แค่ชอบที่มีแค่เราสองคนเท่านั้นที่ชื่อคล้ายกัน - ฮุนฮุนฮานฮาน

                แค่ชอบที่จะได้ยินฮุนฮุนพูดคำผิด เพียงเพราะอยากให้เขาแก้คำผิดให้

                แค่ชอบที่ฮุนฮุนมีความคิดเป็นผู้ใหญ่เกินเด็ก และนั่นทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเด็กลงไปมาก


                แค่ชอบ...



                ชอบ...



                ชอบฮุนฮุน...


                ชอบ.เซ.ฮุน



                เขายิ้มออกมาจางๆ ก่อนจะรู้ตัวว่ามีหยดน้ำกลิ้งจากหัวตาลงมาตกลงบนหมอนตัวเอง... มือหนาเกลี่ยมันออกและหยิบนิ้วโป้งป้อมๆ ออกจากปากสีเชอรี่ของน้อง


                เขารู้แล้วว่าทำไมคนรักกันถึง จูบกัน

                เพราะมันเป็นจุดที่สื่อสารกันได้ง่ายที่สุด
                


                ลู่หานเขยิบเขาไปใกล้น้องอีกนิด ก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้นและค่อยๆ จรดริมฝีปากของตัวเองลงบนปากเล็ก สัมผัสนุ่มนิ่มที่ปากของตัวเองทำให้เขาไม่อยากจะถอนมันออก ลู่หานกดเน้นริมฝีปากตัวเองลงไปอีกนิดก่อนจะหลับตาลง


                ต้องทำยังไงถึงจะอยู่อย่างนี้ไปตลอดชีวิต


                “นี่...” เขาถอนริมฝีปากออกมาและกระซิบเบาๆ 

                “...”

                “ชอบนะ... รู้ตัวมั้ยครับ” ลู่หานรู้ตัวว่าเสียงเขาทุ้มขึ้น นุ่มขึ้น อ่อนโยนขึ้นเมื่อพูดกับเด็กตรงหน้า ไม่รู้แหละ... มันเป็นของมันเอง

                ลู่หานพลิกตัวกลับมามองเพดานอีกครั้งเมื่อรู้ว่าพูดไปน้องก็ไม่รับรู้




                แต่พลิกตัวกลับไปจูบอีกกี่ครั้งก็จำไม่ได้เหมือนกัน





**********





สนามบิน


                “พี่ฮานฮานรู้จักคนที่จะไปเที่ยวด้วยหรอ” เด็กน้อยกระตุกชายเสื้อของลู่หานสองทีก่อนจะเงยหน้าถามตาแป๋ว มือหนาขยี้หัวเด็กน้อยจนเสียทรงและค่อยๆ นั่งยองๆ ลงไปตอบ

                “รู้จักสิ ฮุนฮุนก็รู้จัก...”

                “ม๊าไม่เห็นบอกเลยว่าใคร แสดงว่าเป็นเซอร์ไพร์สแน่ๆ :3

                “ทำนองนั้น” เขาตอบก่อนจะลุกขึ้นยืน มองกระเป๋าเดินทางของตัวเองที่อยู่ในรถเข็นก็ใจหายวาบ... ถ้าวิ่งไปหยิบมัน แล้วจูงมือฮุนฮุนหนีออกไปจากที่นี่เลยจะทำได้มั้ยนะ?

                “โชคดี” เสียงของน้าแบคฮยอนกับน้าชานยอลดังอยู่ไกลๆ ก่อนที่เพื่อนรักทั้งสี่คนจะกอดกัน น้าแบคฮยอนร้องไห้สะอื้นอยู่หลังของม๊าคยองซูด้วย


                น้าจีฮเยกับลุงจุนมยอนก็มา และคนที่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ห่างๆ คือผู้ชายตัวสูงๆ หน้าดุๆ แต่มักจะเดินไปอ้อนลุงจุนมยอนอยู่บ่อยๆ


                “ใครจะไปไหนกันแน่นะ” เซฮุนถามขึ้นและมองไปรอบๆ ตัว ผู้ใหญ่ทุกคนเปิดโอกาสให้เด็กน้อยทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน แต่ลู่หานรู้ว่าตัวเองไม่ได้ใช้โอกาสนั้นซักที

                เอาเลยลูกขณะที่เซฮุนกำลังยืนงงๆ อยู่นั้น ผู้ใหญ่ทุกคนก็พยักเพยิดมาทางลู่หานและยิ้มให้กำลังใจ เขาพยักหน้ารับก่อนจะจับตัวเด็กน้อยให้หันหน้ามาหาเขาและหันหลังให้ผู้ใหญ่

                “ฮุนฮุน...”

                “ต๋า”

                “จ๋าต่างหาก” ลู่หานยิ้มจนตาปิดและเอามือขยี้หัวน้องอีกรอบ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะนั่งยองๆ ลงข้างๆ จนตอนนี้พวกเขาสูงเท่ากัน

                “อยากพูดคำว่า ต๋าจะได้ดูน่ารักเป็นพิเศษไง น่ารักมั้ยๆๆ”

                “น่ารักเสมอแหละ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มใจดี เอาอีกแล้ว... เหมือนฝนจะตกที่ตาตัวเองแฮะ

                “มีไรอีกเนี่ย ฮุนฮุนจะรอดูว่าใครมา”

                “เอามือปิดตาก่อน แล้วนับหนึ่งถึงสาม... เดี๋ยวคนนั้นก็มา” เขาพูดและเด็กน้อยก็รีบทำตามทันที


                ปากเล็กขมุบขมิบนับเลขจนครบสามและค่อยๆ เอามือออกจากตาตัวเอง
                

                เขาคาดหวังให้น้องพูดว่า ไหนล่ะ พี่ฮานฮานอย่าแกล้งฮุนฮุนสิ

                แต่น้องกลับพูดว่า...





                “กะแล้ว”


                “แหะ... เก่งจัง”

                “จะไปไหน อยู่กับใคร จะกลับเมื่อไหร่” เด็กน้อยหน้าเหวี่ยงขึ้นมาถนัดตา ลู่หานเหลือบมองผู้ใหญ่เหล่านั้นด้วยสีหน้าลำบากใจก่อนจะตอบยิ้มๆ

                “ไปอเมริกาครับ อยู่กับม๊ากับป๊าพี่...”

                “...”


                และเมื่อนึกถึงคำถามสุดท้ายก็ทำให้เขาชะงักไปพักใหญ่


                “...”

                “ตอบฮุนฮุนเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงเล็กดูกราดเกรี้ยว แต่ความกราดเกรี้ยวก็กระตุ้นให้น้ำตาคลอขึ้นมาในดวงตากลมของเด็กน้อย

                “...”

                “ฮึก... แคเหราะ ข้าวไข่... ฮึก... เจียวแฮมจี๊ด โยงเยียน...”

                “...”

                “... ฉามโมง”



                คำสุดท้ายทำให้ความเข้มแข็งของเด็กชายอายุสิบสองพังทลายลงเหมือนกำแพงหินที่รองรับความกดดันไม่ไหว... มันพังทลายลงและอยากจะถลาลงไปกอดกับพื้นดิน
                

                “พี่ฮานฮานพูดอะไรซักอย่างซี่! แก้คำผิดฮุนฮุนก็ได้! พูดดิพูด...” เขาเขย่าตัวคนเป็นพี่แรงๆ และโวยวายเสียงดังจนเหล่าผู้ใหญ่ต้องเดินเข้ามาใกล้ๆ 


                เขาเคยได้ยินว่า

                เห็นคนร้องไห้แล้วเราจะร้องไห้ตาม
                

                มันคงจะเป็นอย่างนั้น


                “พี่ขอโทษ...” เขาพยายามกลั้นเสียงสะอื้นและโผกอดเด็กน้อยไว้แน่น ขอบคุณสวรรค์ที่แขนเล็กยอมโอบกอดเขาตอบและร้องไห้จนตัวโยนอยู่ในอ้อมกอดของเขา

                “พี่ฮานฮานบ้า! ฮึก... ใจร้าย ใจร้ายมากๆ เลย...” เซฮุนทุบหลังเขาดังปั้กๆ แต่เขาก็ยอมและยิ้มรับแต่โดยดี เพราะไม่ว่าเด็กน้อยจะทำอะไร เขาก็อยากจะซึมซับมันไว้ในสมองทุกการกระทำ

                “พี่ขอโทษ... ขอโทษ... พี่ทำใจไม่ได้ พี่ไม่กล้าบอก...”

                “คนป๊อด” 

                “รู้ครับ” เขาตอบก่อนจะผละออกจากอ้อมกอด เห็นน้ำตาเปรอะเปรื้อนทั่วใบหน้าน่ารักแล้วก็หงุดหงิดตัวเองขึ้นมาเสียดื้อๆ

                “ฮุนฮุนร้องไห้เพราะเมื่อกี้ยุงกัดน่ะ อย่าคิดมากเลยนะ...” เด็กน้อยแก้ตัวไม่ได้เรื่องซักนิด มือเล็กปาดน้ำตาออกจากหน้าตัวเองก่อนจะยิ้มแฉ่ง

                “อย่าโกรธพี่นะ”

                “ตกลงกลับเมื่อไหร่” เด็กน้อยเข้มแข็งได้เร็วกว่าที่คิด แต่ความจริงที่ไม่มีใครรู้คือสภาพจิตใจข้างในของเซฮุน... เกิดมาหกปีไม่เคยรู้สึกแปล๊บๆ ที่หัวใจได้เท่านี้เลย

                “กลับเมื่อไหร่ก็ไม่รู้แฮะ... พี่คงจะไปเรียนม.หนึ่งที่นู่นเลย” เขาพูดและหลบตามองพื้นสนามบิน

                “อื้อ ดีแล้วนะ ตั้งใจเรียนนะ” เซฮุนปีนเกลียวด้วยการลูบหัวพี่ลู่หานเบาๆ จนคนเป็นพี่หัวเราะออกมา

                “ไปกันได้แล้วนะฮานฮาน” ม๊าคยองซูดูนาฬิกาแล้วก็เห็นว่าจวนตัว จึงรีบมาบอกลูกชายและออกไปยืนรออีกฝั่งหนึ่ง ลู่หานสูดลมหายใจลึกๆ อีกครั้งก่อนจะหยิบมือเล็กมาจูบเบาๆ

                “ต่อจากนี้จะไม่มีฮุนฮุนกับฮานฮานอีกแล้วนะ” เด็กน้อยพูดด้วยแววตาจริงจังจนคนฟังใจหายเป็นรอบที่ล้านของวัน

                “...”

                “เพราะฮุนฮุนกับฮานฮานไม่ได้อยู่ด้วยกัน ก็ไม่มีความหมาย...”

                “...”

                “เซฮุนจะรอให้พี่ฮานฮานกลับมา” เด็กน้อยเข้ามาหอมแก้มลู่หานสองข้างและกอดแน่นๆ หนึ่งทีอีกต่างหาก

                “เด็กดี... ฉลาดจริงๆ” เขาขยี้หัวเด็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืน และค่อยๆ เดินออกมาช้าๆ พยายามอย่างมากที่จะไม่หันกลับไป... พยายามที่สุดแล้ว

                “ไปไหนก็ไปเลย!!!!!!!!!!! เสียงเด็กตะโกนป้องปากลั่นสนามบิน เขาหยุดเดินเล็กน้อยแต่ก็ไม่กล้าหันกลับไป

                “...”

            “ไปแล้วก็กลับมาเร็วๆ ด้วย!!!!!!!!!
 
                “อื้ม...” เขาพยักหน้ากับตัวเองและรีบวิ่งไปหาป๊ากับม๊าของตัวเองที่ยืนรออยู่ห่างๆ



                Everything seems fuck when I’m not with you.

                But, whenever I think about our unclear feelings,

                I smile; smile like no one in this world can smile as happy as me. 



                ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ดูเหี้ยเมื่อฉันไม่ได้อยู่กับเธอ.

                แต่, เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันคิดถึงความสัมพันธ์คลุมเครือของพวกเรา,

                ฉันยิ้ม; ยิ้มยิ่งกว่าใครบนโลกนี้จะยิ้มได้มีความสุขเท่าฉัน.





**********






                “พี่มิน... ตื่นโว้ยตื่นนนนนนนนนนนน” จงแดเอาขายันคนที่นอนข้างๆ แรงๆ และเมื่อเห็นว่ายังไม่กระดุกกระดิกจึงถีบยันโครมให้ตกเตียงกันไปข้าง

                “โอยไอเหี้ย... กูเจ็บตูดอยู่เห็นมั้ยเนี่ย” มินซอกค่อยๆ ลุกจากพื้นขึ้นมาเพ่งเล็งคนที่นอนอยู่บนเตียง 

                “พี่เจ็บผมก็เจ็บมั้ย”

                “แล้วใครบอกให้มึงยอมมาผลัดกันรุกผลัดกันรับวะ =____=” มินซอกบ่นก่อนจะเดินไปอาบน้ำ



                สองคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างประหลาดอยู่ทีเดียว

                เพราะพวกเขาไม่ใช่แฟนกัน ไม่บอกรักกัน

                แต่ห่วงใยกันเหี้ยๆ


                ส่วนเรื่องเมื่อคืน...


                จงแดมากินข้าวร้านเจ๊จวงและเมานิดหน่อย มินซอกเลยขับรถมาส่งที่บ้าน

                ไปๆ มาๆ ก็นอนค้างซะเลย

                และไม่ได้นอนค้างธรรมดา...



                กูเป็นรับให้มึงแล้ว... มึงมาเป็นรับให้กูมั่งดิ๊จงแด



                เพราะประโยคนี้... บวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์นิดหน่อย ทำให้คนถูกขอร้องกึ่งบังคับต้องยอมลงไปนอนด้านล่าง และโดนทารุณกรรมแต่โดยดี

               
                “พี่มินออกมาคุยกับผมก่อน” จงแดยันตัวเองขึ้นมาจากเตียง มินซอกจึงชะงักไปเล็กน้อย...


                มันจะพูดเรื่องอะไรวะ?


                “ผมว่าเราต้องมาตัดสินว่าใครจะบนจะล่าง ต้องเลือกให้มันจริงจัง ไม่ใช่มาเจ็บตูดสองฝ่ายอย่างงี้”
                

                คนฟังผิดหวังกับคำถาม


                “...” เขาเลือกที่จะไม่ตอบ ความจริงเขายอมจงแดทุกอย่างอยู่แล้ว มันอยากจะรุกก็ให้มันรุกก่อนด้วยซ้ำ หรือมันจะอยากรุกตลอดชีวิตไปเลยก็ยอมให้ได้เสมอ


                แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาอยากจะได้ยิน...


                “เอาไงเนี่ยพี่”

                “มึง...”

                “...”

                “มึงคิดยังไงกับกูวะ” มินซอกแทรกตัวเข้าไปในห้องน้ำได้สำเร็จ ก่อนจะหยิบแปรงสีฟันขึ้นมา เขาทำหน้าเหมือนไม่รู้สึกอะไรมากมาย แต่ภายใน... ข้างใน...

                “ก็ไม่ได้คิดอะไร” จงแดตอบด้วยสีหน้าเฉยๆ เช่นกัน และข้างใน... ก็เฉยๆ เช่นกัน

                “อ๋อหรอ...” มินซอกมองหน้าอีกฝ่ายผ่านทางกระจก ก่อนจะเสมองไปทางอื่นและยืนหันข้างให้ คนเข้มแข็งอย่างเขากำลังจะร้องไห้... เพียงเพราะคำตอบที่อีกฝ่ายไม่ได้คิดอะไร

                “พี่ชอบผมหนิ”

                “อืม”

                “ก็... จีบผมต่อไปดิ” จงแดหยิบแปรงสีฟันมาแปรงบ้าง เขาไม่รู้ว่าพี่มินซอกกำลังทำหน้ายังไง เพราะพี่แกไม่หันหน้ามาซักที 


                แต่เขาจะบอกพี่มินซอกยังไง

                ว่าเมื่อคืนเขาเห็นหน้าพี่มินซอก...
            เป็นคยองซู...


                อาการหนักแล้วกูเนี่ย


                พวกเขายืนแปรงฟันกันเงียบๆ ซักพักก่อนที่มินซอกจะเป็นฝ่ายเดินออกไปก่อน เขาออกไปนั่งที่เตียงและมองสภาพผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่...


                ทำได้แค่ถอนหายใจ

                จงแดตามออกมาติดๆ เขามองหน้ารุ่นพี่งงๆ ก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงแสล็คให้ แต่มินซอกก็ปฏิเสธ...



                “ไม่เป็นไร วันนี้กูไม่เข้างาน”

                “เอ้า”

                “จงแด...” เขาลุกขึ้นและมองหน้าจงแดอย่างจริงจัง 

                “เฮ้ย ไรเนี่ย”

                “ต่อจากนี้เราไม่ต้องมาเจอกันหรอกว่ะ... กูจีบมึงจนเหนื่อยแล้วอ่ะ เป็นเดือนๆ แล้วอ่ะมึง แต่มึงก็ยังคิดถึงคนอื่นที่ไม่ใช่กู” มินซอกพูดด้วยแววตาตัดพ้อ คนฟังเองก็ตกใจกับประโยคที่ได้ยิน...

                “คือผม...”

                “เออก็... ถึงโด้มันจะแต่งงานมีลูกไปแล้ว แต่มันก็หย่ากันได้เว่ย... รอจังหวะให้ดีๆ ละกันนะ”

                “...”

                “โชคดี” มินซอกตบบ่ารุ่นน้องก่อนจะเดินออกมา 



                ในหัวทั้งสับสนและปวดหัวตุบๆ... 

                เกลียดความรู้สึกที่ทุ่มเทให้ใครเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ... ความว่างเปล่า


                ไม่สิ... เขาไม่ได้อะไรกลับมาเลยต่างหาก แม้กระทั่งความว่างเปล่ายังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ


                “เดี๋ยว พี่ ใจเย็น” จู่ๆ อีกฝ่ายก็อยากรั้ง...

                “พี่ใจเย็นเสมอ” เขาพูดทั้งที่ยังหันหลัง ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาเปลี่ยนสรรพนามจนคนฟังขนลุก ร่างเล็กกว่าเดินออกมาพร้อมไหล่ที่ห่อเหี่ยว 


                เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายรั้ง เพราะเขารู้ว่าถ้าถูกรั้งแค่คำเดียว...

                อีกแค่คำเดียว

                เขาก็จะอยู่ที่นี่ตลอดไป



                แต่อีกฝ่ายไม่ได้รั้งอะไรต่อ... ได้แต่ปล่อยให้เพื่อนรุ่นพี่เดินออกไปจากบ้านของตัวเองเงียบๆ





**********






                “ตื่นยังเอ่ย...” ร่างสูงกระซิบเบาๆ ก่อนจะเอามือลูบศีรษะคนที่กำลังหลับใหล มืออีกข้างก็สอดเข้าไปในกางเกงนอนของอีกฝ่ายพลางลูบไล้โรคจิตไปทั่ว

                “อือ...” เจ้าของดวงตาเรียวเล็กเอาผ้าห่มปิดหน้า ก่อนจะพลิกตัวไปอีกทาง

                “ตื่นเร็ว สิบโมงแล้วนะ” คนตัวสูงหอมแก้มนิ่มเข้าเต็มปอด จนคนถูกหอมแก้มยอมลุกขึ้นจากเตียง

                “ตื่นแย้ว :3 ชุนอาบน้ำละหรอ”

                “ช่าย” เขาหลับตาลงและจูบเบาๆ ที่ต้นคอขาว ก่อนจะพูดต่อ “เดี๋ยวลงไปซื้อข้าวเที่ยงให้นะ”

                “โอเก” แบคฮยอนพูดไม่ชัดเพื่อเพิ่มระดับความน่ารักก่อนจะไปอาบน้ำ ทุกวันนี้เขามีความสุขดี แม้เพื่อนสนิทของเขาจะย้ายออกไปอยู่อเมริกา แต่สามีและลูกก็ทำให้เขามีความสุขอยู่ทุกวัน
                


                ปิ๊งป่อง!

                เสียงออดหน้าห้องทำให้คนตัวเล็กที่กำลังแต่งตัวรีบวิ่งออกไปเปิด


                “อ้าว พี่มินซอก มีไรเนี่ย” แบคฮยอนแทบช็อคที่เจอพี่มินซอกโผล่หน้ามาในประตู เขายกมือทักทายก่อนจะเดินเข้ามาในตัวบ้าน เซฮุนที่กำลังนั่งดูการ์ตูนเน็ตเวิร์คอยู่ก็รีบลุกไปหาน้ำมาให้คุณลุงดื่ม

                “กูจะขอซื้อห้องคุณจงอินต่อ หรือห้องโด้ก็ได้” 

                “พี่รู้ได้ไงเนี่ยว่าผมรับเรื่องแทนอยู่ -0-”

                “ก็... โด้มันบอกก่อนที่มันจะไป” มินซอกตอบ เขาพิงศีรษะไปกับโซฟาเหมือนเหนื่อยล้าเต็มกำลังจนคู่สนทนาอย่างแบคฮยอนจับสังเกตได้

                “เรื่องจงแดปะ?”

                “ฮ่าๆ ชัดเจนขนาดนั้นเลยหรอวะ” มินซอกถามก่อนจะหยิบน้ำมาดื่มรวดเดียวหมด

                “เซฮุน ไปเอาชามะลิมาให้คุณลุงเค้าด้วยลูก” แบคฮยอนลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ ก่อนจะมองหน้าคู่สนทนาต่อ เขาจงใจให้ลูกไปชงชามะลิเพื่อให้คนที่หนักใจรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อได้กลิ่นชามะลิ

                “แล้วนี่ทำไมจู่ๆ พี่มาเอาห้องโด้ล่ะ” เขาถามต่อ

                “ไม่รู้ดิ... เดี๋ยวพวกมึงก็ต้องไปกินข้าวร้านแม่กูอีกปะวะ ก็ต้องเจอหน้ากูอีก กูไม่อยากเจอมันง่ายขนาดนั้น... เอาง่ายๆ ว่าไม่อยากเจอละ”

                “เฮ้อ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนะ แต่ถ้าพี่คิดว่ามันดี ผมก็จะสนับสนุน...” แบคฮยอนลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหยิบใบสัญญาในการซื้อห้องต่อมาให้

                “ขอบใจมาก”

                “แต่ว่าซื้อต่อได้ห้องเดียวนะพี่ อีกห้องนึงพวกมันจะเก็บไว้ เผื่ออยากกลับมาเกาหลีน่ะ” แบคฮยอนอธิบายและในไม่ช้าทั้งคู่ก็เซ็นสัญญาซื้อขายกันเรียบร้อย

                “ชามะลิคับ ผมแถมคุกกี้ช็อกโกแลตชิบให้ด้วย >0<” เด็กน้อยเซฮุนที่ไปต้มชามะลิด้วยตัวเองถือถ้วยชากับคุกกี้สี่ห้าชิ้นมาให้

                “ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องแถมให้ก็ได้นะ ลุงว่าจะกลับแล้วล่ะ” มินซอกยันตัวขึ้นจากโซฟาก่อนจะบอกลาแบคฮยอน เขายิ้มให้เด็กน้อยและเดินออกจากห้องไปเงียบๆ

                “หม่าม๊า ลุงมินซอกไม่สบายใจหรอ”

                “อื้ม...” หม่าม๊าเองก็ไม่รู้จะพูดยังไง




                หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น





**********






                “เจ๊!!!!!!!!!!!! ลูกเจ๊ถึงบ้านยัง!!!!?” ร่างผอมวิ่งเข้าไปในร้านขณะที่เจ๊จวงกำลังผัดอะไรบางอย่างอยู่ในกระทะ คนถูกเรียกหันมามองก่อนจะเอาตะหลิวชี้หน้าผู้มาใหม่

                “นี่... แกต้องเรียกชั้นว่า แม่ยายได้แล้วม้างงงงงงงง~

                “แม่ยงแม่ยายไรล่ะ พี่มินซอกกลับมายังเจ๊”

                “ยัง” เจ๊จวงหันไปผัดกับข้าวให้ลูกค้าต่อ “นี่! ชั้นต้องเป็นคนถามแกรึเปล่า แกเอานังมินซอกไปไว้ไหน ไม่กลับบ้านซักที”

                “คือผม... คือเราทะเลาะกันนิดหน่อยน่ะ” จงแดเกาหัว หลังจากที่เขาตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ เขาก็รีบรุดหน้ามาที่นี่ทันที

                “เฮ้อ... จงแดเอ้ย...” เสียงเจ๊จวงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เขายืนตัวตรง รอฟังคำแนะนำดีๆ จากผู้ใหญ่คงจะดีกว่าคิดเอาเอง

                “...”
 
                “ผัดกะเพราแกนี่จะใส่พริกกี่เม็ด?”

                “ยังไม่ทันบอกว่าจะกินโว้ยยยยยยยยยยยย” จงแดตะโกนลั่นเมื่อความหวังอันริบหรี่ถูกทำลายด้วยผัดกะเพราที่เจ๊แกแนะนำมา เขาออกไปนั่งยองๆ หน้าร้าน... ถ้าพี่มินซอกจะกลับมาก็คงจะมาทางนี้แหละ



                ตึก... ตึก... ตึก...

                เสียงหัวใจของเขาดังแข่งกับเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ



                “พี่ไปไหนมา?” เขายืนขึ้นทันทีที่เห็นคนที่รอกำลังเดินมาทางนี้ มินซอกที่กำลังเดินเล่นมือถือมาจึงสะดุ้งเฮือกจนมือถือแทบหล่นพื้น

                “พี่ไปหาแบคมา”

                “แบค? ไปหามันทำไม?”

                “พี่จะย้ายไปอยู่ห้องโด้”

                “ทำไม?”

                “แล้วเกี่ยวไรกับเราล่ะ” มินซอกไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนสรรพนามและใช้คำพูดไพเราะกับจงแดซะงั้น

                “ทำไมต้องพูดเพราะๆ ด้วย?” จงแดตั้งคำถามไม่หยุด แต่คนฟังก็ไม่รำคาญที่จะได้ยินหรอกนะ

                “...” แล้วเกี่ยวไรกับเราล่ะ... เขาอยากจะพูดอีกรอบ แต่รู้ว่าพูดไปก็คงจะเปลืองน้ำลายเปล่า

                “พี่จะเลิกจีบผมแล้วจริงๆ ใช่มะ?”

                “อือ” เขาตอบ มองหน้าลงกับพื้นอย่างห่อเหี่ยวใจ

                “งั้นผมจีบพี่เอง”





**********





สามปีผ่านไป



วันครบรอบแต่งงานไม่เคยจำได้


หรือว่า


เ.บื่.อ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น