วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2557

ภษคส : 10 B, you’re the one who never sees my dark side.



10
B, you’re the one who never sees my dark side.




วันรุ่งขึ้น


                เมื่อคืนเป็นไงวะ ได้กันยัง? อีแบคคงจะนอนแรดแผ่หราให้มึงเต็มที่เลยสิท่า

            พี่โด้ก็พูดแรงไป ว่าแต่... พี่แบคเจ็บมั้ยอ่ะ คราวหลังพี่ชานยอลไปซื้อเจลหล่อลื่นไว้ก่อนดิ ทำแบบนี้เดี๋ยวเดินขาถ่างเอานา ผมเตือนแล้วนะ

            อะไรนะะะะะะะ ชานยอลกับแบคฮยอนได้กันแล้ววววววววว O[]O!! ไอ่เหี้ย ไวไปมั้ยห้ะ จงแด มึงมานี่เลย มึงมาให้กูเอาเดี๋ยวนี้!’

            หยุดๆๆๆ ผมต้องเป็นคนเอาพี่ ไม่ใช่พี่เอาผม -_-^ แล้วนี่ได้กันท่าไหน มาตรฐาน? ยกขาพาดไหล่? หรือจับนอนพาดโต๊ะวะ? ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

            ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกหน่า ก็แค่โป๊ะโปะกันเฉยๆ -w- แต่บุ๊คแก้มนิ่มมากเลย งึ้ยๆ



                *เบะปาก*

            โดน-ล้อ-ทั้ง-วัน-เลย-เนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยย *พ่นไฟ*


                “ยัง-ไม่-ได้-กัน” แบคฮยอนยื่นคำขาดเสียงดังเมื่อได้ยินข่าวลือแปลกๆ จากเพื่อนทั้งสี่คน แถมไอ้ตัวปัญหาที่ตอนนี้ได้ชื่อว่าเป็น แฟนก็ไม่ได้ช่วยแก้ข่าวอะไรมากนัก

                “ฮ่าๆๆๆๆ แล้วนี่ทำไมไม่ใส่กางเกงว่ายน้ำตัวเดียวล่ะ? ใส่เสื้อยืดทำไม” คยองซูเลิกล้อเพื่อน แต่คำถามก็ยังทำให้เพื่อนไม่อยากตอบอยู่ดี T^T
                

                เพราะไอ้รอยแดงที่หน้าอกเมื่อวานยังไม่จางเล้ยยยยยย TT____TT


                “ม... ไม่ค่อยสบายน่ะ ^^;” แบคฮยอนตัดสินใจที่จะโกหก แต่ดูเหมือนว่า แฟนจะอยากอวดความเป็นเจ้าของมาก

                “สบายดีแล้วหนิ กูอนุญาตให้มึงเล่นน้ำทะเลได้แล้วนะบุ๊ค -w-

                “ก... ก็เห็นคนไทยเค้าใส่เสื้อยืดขาสั้นเล่นกัน ก็เลยอยากลองทำบ้างไง”

                “ตกลงว่าไม่สบายหรืออยากใส่เสื้อยืดขาสั้นเล่นกันแน่ -_-?” คยองซูมองด้วยสายตาจับผิด แต่ไม่ทันไรก็นึกออกเมื่อเห็นสายตาชานยอลกรุ้มกริ่มซะขนาดนั้น

                “ไปเล่นน้ำกัน” ชานยอลจับมือคนตัวเล็กก่อนจะพาเดินไปที่ชายหาด ทิ้งเพื่อนอีกสี่คนไว้ให้งงเล่น แบคฮยอนเองก็ไม่ขัดขืนอะไรเพราะอยากเล่นน้ำทะเลอยู่แล้ว

                “กิ๊วๆ สองคนนั้นเป็นแฟนกันแล้วหรอออออ” เสียงพนักงานหญิงที่มาจากบริษัทเดียวกันล้อพวกเขาที่เดินจับมือ และแน่นอนว่าคนนอกบริษัทอย่างชานยอลก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับความสัมพันธ์นี้

                “ครับ พึ่งเป็นเมื่อวาน”

                “เฮ้ยยยยยยยยยย พี่ครับ พี่อย่าไปฟังมั...” แต่พูดไม่ทันจบประโยคก็โดนฉุดกระชากลากถูให้ไปที่ชายหาดเรียบร้อย เหล่าพนักงานสาวที่นั่งสังเกตการณ์สองคนนี้มาตั้งแต่แบคฮยอนเริ่มทำงานใหม่ๆ ต่างก็พากันหัวเราะคิกคัก


                ภาพเพื่อนสนิทมานั่งรอรับกลับบ้านที่สตาร์บัคส์

                ภาพเพื่อนสนิทมานั่งหลับรอให้แบคฮยอนปิดงบบัญชีดึกๆ ดื่นๆ

                ภาพเพื่อนสนิทมาเที่ยวกับพนักงานบริษัทนี้ทุกครั้ง ถ้าเป็นงานไปเช้า-เย็นกลับนี่ไม่มาหรอกนะ แต่ถ้าเป็นค้างคืนเมื่อไหร่จะได้เห็นคนตัวสูงนี่ทุกทีเลย

                และสิ่งที่ทุกคนในบริษัทเห็นคือแววตาความห่วงใยที่ไม่คิดจะปิดบังเลยซักกะนิด ทำไมแบคฮยอนถึงมองไม่เห็นก็ไม่รู้



                แต่วันนี้คงเห็นแล้วล่ะมั้ง~~~
 
                *แววตาเป็นประกายจากพนักงานบริษัทสาววายทั้งหลาย*

 
                “วันนี้เล่นน้ำอย่างเดียวพอนะ กูขี้เกียจออกจากรีสอร์ท” ชานยอลแหงนหน้ามองพระอาทิตย์ที่ไม่ได้ส่องแสงจ้าเท่าไหร่นัก ตอนนี้พึ่งบ่ายสองแต่โชคดีที่มีก้อนเมฆก้อนใหญ่บังพระอาทิตย์ไว้อยู่ คนตัวสูงจึงยอมให้แบคฮยอนออกมาเล่นข้างนอกได้

                “ด้าย~ จะเล่นกับชุน ซู่ๆ ซ่าๆ” แบคฮยอนหัวเราะคิกคักก่อนจะเอามือวักน้ำเบาๆ

                “อย่าไปเล่นลึกนะแฟน” และสุดท้ายแบคฮยอนก็โดนสั่งห้าม -3-

                “ไม่เอา อยากลงลึกๆ น้ำใสแจ๋วเลยเนี่ย” 

                “ต้องดื้อตลอดเลยใช่มะ มานี่ จับมือกูไว้ก่อน ถ้าจู่ๆ มันเป็นเหวตกลงไปกูจะได้คว้ามึงไว้ทัน” ชานยอลพูดพลางจับมือคนตัวเล็กไว้แน่น แบคฮยอนเบะปากนิดหน่อยแต่ก็ยอมให้จับมือ พอได้ยินคำขู่แบบนั้นก็ชักจะเสียวๆ ไม่กล้าลงน้ำลึกเท่าไหร่


                คนนึงก็ดื้อตลอดเวลา... แค่อยากเรียกร้องความสนใจเท่านั้นแหละ - / / / -

                อีกคนก็ขู่ตลอดเวลา... แค่อยากหาเรื่องแต๊ะอั๋งน่ะ - / / / -

                (สรุปว่าตอแหลทั้งคู่ 5555555555555555555555555)


                “งั้นเล่นตรงนี้ก็ได้ แบร่ๆ” แบคฮยอนปล่อยมือชานยอลก่อนจะวักน้ำใส่คนตัวสูงที่ยังไม่ทันตั้งตัว แน่นอนว่าชานยอลไม่ยอมอยู่แล้ว เขารีบวักน้ำกลับเป็นการแก้แค้น และแบคฮยอนคงลืมไปว่ามือตัวเองเล็กกว่ามือใบพายของชานยอลขนาดไหน ;-;

                “นี่ใจคอจะไม่ถอดเสื้อยืดออกจริงๆ หรอ เดี๋ยวหนาวนะ ถอดเถ๊อะครับแฟน~

                “นี่ก็เรียกว่าแฟนๆๆๆ อยู่ได้ จะย้ำไปถึงไหนห้ะ โกรธๆ” แบคฮยอนโวยวายทั้งที่หน้าเริ่มขึ้นสีระเรื่อ

                “อยากแก้แค้นกูปะล่ะ”

                “อยาก!

                “งั้นก็เรียกกูว่า แฟน กลับดิ”


                ...


                “กวนตีนละ อย่างงั้นเค้าไม่เรียกว่าแก้แค้นไงมึง -_-^” โชคดีที่แบคฮยอนไม่คล้อยตาม (เป็นปกตินี่เชื่อไปแล้วนะ)

               
                จ๋อมๆๆๆ

                คยองซูเดินฝ่าน้ำทะเลเข้ามาหาพวกเขา ก่อนจะเท้าสะเอวหงุดหงิดนิดนึง


                “นี่คบกันไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงก็เป็นผัวเมียกันไปแล้วปะ -_-? กูกับจงอินยังนอนแยกห้องกันอยู่เลยนะเห้ย!” 

                “หมั่นไส้ก็บอกเถอะแบร่ๆ” แล้วทำไมแบคฮยอนต้องไปทับถมคยองซูก็ม่ายรุ~

                “แบค จงอินชวนมึงไปเล่นโกคาร์ท ไปปะ”

                “ไม่ไป มันจะเล่นน้ำทะเลกับแฟน” ชานยอลพูดแทน แต่แววตาแบคฮยอนดันส่องประกายว่าอยากเล๊นอยากเล่น

                “โกคาร์ทคือไรอ่ะ หนุกปะๆๆๆ เล่นๆๆๆ” 

                สัสโด้ มันอันตราย มึงไปเล่นกับผัวสองคนนู่นชานยอลพยักเพยิดให้คยองซูไปเล่นกับจงอินโดยไม่ต้องเอาแบคฮยอนไปด้วย แต่เหมือนคยองซูจะอยากแกล้งชานยอลขึ้นมากะทันหัน

                “ไม่อันตรายเลยนะแบค เล่นง่ายๆ ขับฟิ้วไปฟิ้วมาก็ถึงแล่ว” 

                “มันคือไรอ่ะๆๆ ไม่รู้จัก” เด็กน้อยใสซื่อที่อยู่กับกรงทองมาเป็นเวลายี่สิบปีไม่รู้จักโกคาร์ทหรอก เพราะคุณพ่อพี่เพื่อนไม่อนุญาตให้เขารู้จักกับอะไรที่เสี่ยงชีวิตและทรัพย์สินทั้งสิ้น

                “ไปเล่นเดี๋ยวก็รู้เองแหละ~~” คยองซูคะยั้นคะยอ พยายามเมินสายตาอำมหิตที่เขาโชว์ให้คยองซูเห็นคนเดียวเท่านั้น

                “กูไปได้ปะๆๆๆ” แบคฮยอนหันไปรบเร้าคนตัวสูงที่ตอนนี้ลงไปนั่งจุ้มปุ้กแปะตูดอยู่กลางทะเล 

                “เล่นทะเลดีกว่ามั้ง” ชานยอลเสียงแข็งตอบกลับ แบคฮยอนก็ยังคงไม่รู้เรื่อง แต่คยองซูเริ่มถอนหายใจหนักๆ นี่กูพาเพื่อนไปเล่นโกคาร์ทนะ ไม่ได้พาไปลงสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

                “น้าๆ เดี๋ยวกลับมาจะโป๊ะโปะให้สามทีเลย *_*


                เดี๋ยว... ข้อเสนอจัดว่าน่าสนใจทีเดียว -..-


                “กลับก่อนสี่โมงเย็นนะ” 

                “เย่ๆๆๆ ก่อนไป... มาให้โป๊ะโปะก่อน” คนตัวเล็กพูดพลางก้มลงไปหอมแก้มชานยอล เอาซี่~~~ มันอ้อนกูวิธีนี้ กูไม่ยอมให้มันไปก็ใจแข็งเกิ๊น T_T

                “ไม่มีกูไปด้วย ต้องทำยังไง?”

                “ดูแลตัวเองงงง เย่ๆๆๆ >O<!!” แบคฮยอนพูดพลางวิ่งกลับไปที่ฝั่งก่อน ทิ้งคยองซูที่ยืนยิ้มกรุ้มกริ่มกับชานยอลที่นั่งหน้าแดงไว้กลางทะเล

                “โถ ยี่สิบปี... ได้หอมแก้มทีนึงนี่นั่งหน้าแดงอย่างกับพึ่งจีบกันใหม่ๆ เลยเนอะเพื่อนเนอะ” คยองซูแซวก่อนจะแค่นหัวเราะ เหตุเพราะชานยอลเป็นคนที่แข็งกระด้างและเหี้ยระดับนึงทีเดียว แต่พออยู่กับแบคฮยอนก็กลายเป็นคุณพ่อพี่เพื่อน (ผัว) ขึ้นมาได้อย่างประหลาด

                “สัส ไม่ต้องมาล้อ ดูแลแฟนกูด้วย”

                “จ้า เดี๋ยวนี้เต็มปากเต็มคำเนอะ อวดใหญ่เลยเนอะ แฟนอ่ะแฟน กิ้วๆ” คยองซูโยนระเบิดไว้กลางทะเล ก่อนจะรีบวิ่งแจ้นกลับไปที่ฝั่ง


                ปล่อยให้คนบางคนระเบิดความเขินอยู่กลางทะเลคนเดียวดีกว่า 

                กิ้วๆ - / / / / -



**********



                “ขับยังไงอ่ะ...” แบคฮยอนถึงกับเหวอเลยทีเดียวเมื่อเห็นสภาพรถโกคาร์ทของจริง ขนาดขับรถปกติก็ว่ายากแล้วนะ กว่าชุนจะยอมให้ขับออกถนนใหญ่ได้ก็หัดตั้งสี่ปีแน่ะ TT แล้วนี่อะไร...

                “ก็ขับคล้ายๆ รถจริงนั่นแหละพี่ แค่มันจะเร็วกว่า เข้าโค้งดีกว่า ระวังหลุดโค้ง” จงอินที่ดูคล่องงานที่สุดอธิบายให้ฟัง แบคฮยอนพยักหน้าอือออก่อนจะชะเง้อมองภายในตัวรถ... เอาหน่า ไหนๆ ก็มาแล้ว

                “มึงมาคู่กูก็ได้ เนี่ย เค้ามีรถแบบเบาะคู่” คยองซูชี้ให้แบคฮยอนดูรถโกคาร์ทแบบเบาะคู่ ซึ่งเหมาะกับพวกครอบครัวมุ้งมิ้งและคู่รักนิ้งหน่องมากๆ

                “มึงเอาไปขับกับจงอินมันเหอะ เดี๋ยวกูขับคนเดียวได้” แบคฮยอนพูดก่อนจะกระโดดลงไปนั่งในรถโกคาร์ทแบบเบาะเดียว ได้ยินเสียงเฟี้ยวฟ๊าวที่สนามใหญ่ข้างๆ แล้วก็เสียวแทน โชคดีที่จงอินพามาที่สนามฝึกหัดขั้นต้น ไม่งั้นล่ะตายคาสนามจริงแน่ T0T

                “เดี๋ยวกูขับตามปาย~” แบคฮยอนพูดพลางโบกมือไล่คู่รักนิ้งหน่องตรงหน้า จงอินพยักหน้ารับก่อนที่รถโกคาร์ทแบบเบาะคู่สีเหลืองสดจะขับนำไปก่อน
                


                ยังไงดี...

                ขับไม่เป็น 5555555555555555555


                “เอาวะ...” แบคฮยอนพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเริ่มเข้าเกียร์และเร่งคันเร่งจนรถสามารถเคลื่อนไปข้างหน้าได้ทีละนิดๆ... วันนี้จะถึงรึเปล่าก็ไม่รู้ TT เพราะความกลัวว่าจะแหกโค้งจึงค่อยๆ ขับไปทีละน้อย


                เฮะ... แกล้งไอ้พวกนั้นดีกว่า

                ปล่อยให้พวกมันรอเราไปก่อน เดี๋ยวเราค่อยขับไปแบบเกร๋ๆ ตอนจบละกัน


                แบคฮยอนจอดรถไว้ข้างทางก่อนจะเอนตัวนอน... แหงนหน้ามองชุนที่กำลังโอบอุ้มโลกใบนี้ไว้อย่างอบอุ่น รอยยิ้มเล็กๆ ผุดบนใบหน้าอย่างช่วยไม่ได้... 


                รักท้องฟ้า :P


                อืม... ง่วงจัง...

                ...



**********



                สัส... ร้อนอ่ะ...


                แบคฮยอนหรี่ตามองท้องฟ้าอันอบอุ่นเมื่อสิบห้านาทีที่แล้วที่เปลี่ยนเป็นท้องฟ้าแดดร้อนระอุอย่างหงุดหงิด ชุนแม่งก็อย่างงี้ อบอุ่นได้ไม่เท่าไหร่แม่งก็ร้อนแรง เอ๊ย ร้อนระอุ -_-;

                “อิห่าาาาาา มาจอดรถนอนอะไรตรงเน้ =[]=!!!!!!!!!!!!!!!!” แบคฮยอนแทบจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนที่คุ้นเคยตะโกนด่ามาจากที่ไกลๆ 

                “แหะๆ กะจะแกล้งพวกมึงให้ตามหากูเล่นๆ” แบคฮยอนพูดพลางหันไปยิ้มแหยๆ ให้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าช็อกโลกของคยองซูกับจงอินก็ถึงกับตกใจ

                “หน้ามึง...”

                “หน้ากูทำไม O_O!!?

                “... ไหม้”


                ...

                ชิบหาย


                แบคฮยอนยื่นหน้าหาอะไรบางอย่างในรถที่มันพอจะส่องเป็นกระจกได้ ก็เห็นหน้าตัวเองแดงๆ ดำๆ เหมือนคนที่โดนแดดเบิร์นมา มองที่แขนตัวเองก็เห็นว่ามันไหม้ไม่ต่างกันเลย


                เขาไม่รู้สึกอะไรหรอก ถ้าจะดำขึ้นหรือต้องรักษาอีกนานก็ช่างมัน

                แต่เขาต้องโดนชุนด่าแน่ๆ T0T


                “ทำไงดีอ่ะๆๆๆ ชุนด่ากูแน่ๆๆๆ” 

                “รีบกลับรีสอร์ทก่อนเหอะ ถึงแล้วค่อยว่ากัน!



**********



                ภาพคุณพ่อพี่เพื่อนนั่งรออยู่หน้ารีสอร์ทอย่างงุ่นง่าน ตอนนี้บ่ายสามโมงกว่าแล้วและแบคฮยอนก็ยังไม่กลับมาซักที แต่ไม่ทันไรคยองซูกับจงอินก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางมีพิรุธ


                “บุ๊คอยู่ไหน” เขาลุกขึ้นทันทีก่อนจะเดินปรี่เข้าไปหา

                “เอ่อ... พอดีมันคุยกับคนขับรถรีสอร์ทนิดหน่อยน่ะ” คยองซูพูดพลางเกาหัวเครียด 

                “คุยกันรู้เรื่องหรอ”


                เงิบ...


                “เอ่อ... เดี๋ยวมันก็มาแล้วล่ะ” คยองซูพูดพลางชี้ไปทางแบคฮยอนที่เอาผ้าอะไรต่อมิอะไรมาปิดหน้าปิดตา เดินมาอย่างกับจะไปผจญทะเลทราย

                “มันเป็นไร บอกกู” น้ำเสียงแข็งๆ ทำเอาคู่ผัวเมียนิ้งหน่องขนลุกซู่ พวกเขาเผชิญหน้าปาร์คชานยอลแบบโหดเหี้ยเถื่อนมาหลายทีแล้ว แต่ก็ยังไม่ชินซักที T_T

                “มัน... โดนแดดน่ะ”

                “แล้วไง ทำไมต้องโพกผ้าขนาดนั้น ตอบ”

                “ก็... ไหม้น่ะ...” คยองซูพูดพลางก้มหน้าก้มตา ถึงเวลานี้ตัวใครตัวมันแล้วครับ จงอินก็ช่วยอะไรไม่ได้ ใครช่วยอะไรไม่ได้ทั้งน้านนนนนนนน!!

                “อย่าโกรธโด้กับจงอินนะะะะะะะ!!” แบคฮยอนที่เห็นท่าจะไม่ดีจึงรีบวิ่งเข้ามา ผ้าที่โพกปิดไว้ทั้งหมดก็หลุดจนเห็นหน้าและแขนที่ไหม้แดง

               
                เฮอะ แล้วอิปาร์คชุนยอลมันเป็นยังไงเวลาเจอบยอนบุ๊คฮยอนน่ะหรอ
                

                “เจ็บมั้ย? บอกแล้วใช่มั้ยว่า ถ้าชุนไม่ไปด้วยต้องทำยังไง” จากเสียงแข็งๆ กับท่าทางที่พร้อมฆ่าทุกคนเมื่อกี้ก็กลายเป็นเสียงนุ่มนิ่มน่าฟัง แถมสีหน้ายังห่วงใย๊ห่วงใยซะจนน่าหมั่นไส้

                “ต้องดูแลตัวเอง (._.) งือ จะแกล้งพวกมันอ่ะ แต่เผลอหลับกลางแดดก็เลย...”

                “อืม... ไม่เป็นไร กูเอาว่านหางจระเข้มา เดี๋ยวกลับไปทาให้ที่ห้องนะ” คนตัวสูงโอบไหล่แบคฮยอนไว้ก่อนจะค่อยๆ พาเดินกลับไปที่ห้อง


                แต่มิวาย ก็หันกลับมาหาคู่ผัวเมียนิ้งหน่อง...


                เดี๋ยวพวกมึงเจอดี



**********
                


                “ไปนั่งรอบนโซฟา เดี๋ยวกูไปหยิบเจลก่อน” ชานยอลบอกคนตัวเล็กที่ตอนนี้ดูท่าทางจะคึกคักเป็นพิเศษให้ไปนั่งรอ ก่อนจะเดินไปหยิบเจลว่านหางจระเข้ยี่ห้อดังที่ซื้อมาการนี้โดยเฉพาะ

               
                เพราะรู้ว่าบุ๊คต้องซนจนผิวไหม้ =___=


                “ชุนมาแล้วๆ -3-” แบคฮยอนดีดขาไปมาก่อนจะหลับตาพริ้ม แต่จะยื่นปากจู๋ออกมาทำไมก็ไม่รู้

                “เก็บปากเลย (. / / / .)” คนตัวสูงเอามือหยิกปากนิ่มเบาๆ โชคดีที่แบคฮยอนหลับตาอยู่ ไม่งั้นคงเห็นหน้าแดงแปร๊ดของใครบางคนแถวนี้แล้วแหละ


                คนตัวเล็กยอมเม้มปากก่อนจะยื่นหน้าให้คนตัวสูงทาเจลว่านหางจระเข้ให้ ปลายนิ้วเกลี่ยเจลว่านหางจระเข้เบาๆ บนแก้มนิ่มและค่อยๆ ไล้ไปตามหน้าผากจนทั่วทั้งใบหน้า 


                “ลืมตาได้” เมื่อได้รับอนุญาตให้ลืมตา แบคฮยอนจึงลืมตาแป๋วก่อนจะหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเมื่อคนตัวสูงเริ่มทาเจลที่แขนซ้ายของเขา

                “เอิ๊กๆๆๆ จั๊กจี๋อ่ะ คิกๆๆๆ” คนตัวเล็กหัวเราะคิกคักจนตาปิด รอยขีดเล็กๆ ปรากฏชัดเจนที่แก้มซึ่งนานๆ จะโผล่มาที เพราะมันหมายความว่า... หัวเราะจริงๆ ขำจริงๆ มีความสุขจริงๆ

                “บุ๊คอย่าดิ้น ฮ่าๆๆๆ” ชานยอลเองก็เริ่มจะขำตาม เขารีบทาให้เสร็จไวๆ ก่อนจะปล่อยแบคฮยอนไปยืนผึ่งเจลให้แห้ง คนตัวสูงแกล้งเป่าลมใส่แขนเหมือนจะช่วยให้เจลแห้งเร็วขึ้น แต่ยิ่งทำให้แบคฮยอนสยิวกิ้วกว่าเดิม

                “อย่าเป่าเด้!

                “ฟู่วววววว~” 


                จากตอนแรกที่เป่าแขน... ก็เริ่มมาเป่าคอ และใบหน้าคมก็มาหยุดที่ริมฝีปากบาง


                “แง่งงงงงงง!” คนตัวเล็กส่งเสียงขู่ทั้งที่หน้าเริ่มขึ้นสีระเรื่อ คนบ้าอะไรไม่รู้ ขนาดเจลว่านหางจระเข้พอกตัวขนาดนี้แม่งยังมีอารมณ์มาหื่นกามใส่ได้ -0-!!

                “ยังไม่จูบกูสามทีตามสัญญาเลยนะ...”


                เรื่อง-แบบ-นี้-ล่ะ-จำ-แม่น-ติด-หนัง-หัว-เชียว-นะ-มึง


                “ก็เมื่อกี้จะจูบแล้ว... แต่มึงบอกให้กูเก็บปากเองนะ ช่วยไม่ได้ -^-” แบคฮยอนพูดอย่างสะใจ ก่อนจะลองจับที่แขนตัวเองเบาๆ ก็เริ่มรู้สึกว่าเจลแห้งแล้ว

                “เฮ้ยได้ไง มีการงี้ด้วยอ่อ”

                “มี”

                “เดี๋ยวพรุ่งนี้กลับเกาหลี กูจะไม่พามึงไปหาฮุนฮุน” อู๊ย คำขู่นี่แร๊งแรงเนาะ มึงคิดว่ากูไม่มีมือมีตีนขับรถไปเองรึไงแหม่


                แต่เดี๋ยวก่อน...


                “หูยยยยยย ก็ด้ะ จูบก็ด้ะ แล้วพากูไปหาฮุนฮุนด้วยนะเฟร่ย” ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจบได้แรดแบบนี้ แต่มันคงจะเป็นความต้องการส่วนตัวอ่ะนะ

                “อื้ม เด็กดี... ต้องเชื่อฟัง” ชานยอลกระซิบเบาๆ แต่หัวใจไม่เบาตาม เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกนิดก่อนจะประกบริมฝีปากอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน “หนึ่ง”

                “...” ร่างสูงผละออกจากริมฝีปากเล็กอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะกดจูบบดเบียดลงไปอีกครั้ง

                “สอง” เขายิ้มพึงพอใจ ช่วงชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยได้รับความสุขขนาดนี้มาก่อน

                “เดี๋ยวๆ” แบคฮยอนขัดก่อนจะเอามือดันใบหน้าหล่อเหลาไว้

                “หืม?”
                

                ปลายเท้าเล็กเขย่งขึ้น ก่อนที่ริมฝีปากเรียวจะฉวยโอกาสจูบคนตัวสูงด้วยตัวเอง


                “สามนะ คิกๆ”


                ...

                บู้ ม .

                “ชุน ได้ยินเสียงภูเขาไฟระเบิดปะ เหมือนได้ยินแถวๆ นี้ จากฝั่งอินโดนีเซียรึเปล่า” คนตัวเล็กทำสีหน้าสงสัย ก่อนจะลงไปนั่งที่โซฟาตามเดิม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
                

                คนหนึ่ง... ก็โยนความผิดไปให้ภูเขาไฟอินโด ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นเสียงความสุขระเบิดในสมองของตัวเองต่างหาก

                อีกคนหนึ่ง... ก็ไม่กล้าพูดอะไร เพราะเสียงภูเขาไฟระเบิดเมื่อกี้น่ะ 

                มันเป็นเสียงความสุขระเบิดในสมองของเขาเอง~



**********



                “เดี๋ยวกูไปสั่งอาหารก่อน มึงไปนั่งเล่นกับจงแดกับพี่มินซอกตรงนู้นไป” คนตัวสูงชี้ไปที่จงแดและมินซอกที่กำลังนั่งก่อกองทรายเวอร์ชั่นฐานทัพอิหร่าน (ให้ไปนั่งสร้างเรือนหอเหมือนคนบางคนก็ไม่ไหวนะ)

                “ไปนั่งเล่นกับโด้กับจงอินไม่ได้หรอ”

                “ไม่ได้ ไปนั่งเล่นกับพวกนั้นก่อน” ชานยอลส่ายหัวจริงจังจนคนตัวเล็กยอมเดินไปหาเพื่อนร่วมบริษัททั้งสองที่กำลังนั่งอยู่ไกลลิบลิ่ว สงสัยจะต้องการความเป็นส่วนตัวแฮะ -..-

                “มาไม ไม่เห็นหรอว่ากูนั่งเล่นกับเมียอยู่” จงแดที่เหลือบมาเห็นก็รีบด่าดักล่วงหน้า

                “ไม่ใช่เมียเว่ยแบค กูเป็นผัวมัน”

                “เฮ้ย!! ไหนบอกว่าจะยอมเป็นเมียไงพี่มิน! อย่าอย่างงี้เด่ะ!

                “อ้าวหรอ ลืมว่ะ โทษที” พี่มินซอกแกพูดหน้าตายมาก ดูยังไง๊ยังไงแกก็ไม่คิดจะเอาจงแดเป็นผัวอยู่แล้วสินะ (สงสาร)

                “แล้วนี่ไปทำไรมา ผิวลอกหมดเลย ชุนเลี้ยงดูไม่ดีอ่อ กากจุง” เชี่ยจงแดได้ทีก็รีบทับถมเพื่อนรัก 

                “กูต่างหากไม่ยอมดูแลตัวเอง (._.)

                “เอ้าเอาเข้าไป ไม่ใช่ความผิดของชุนนะแต่เป็นความผิดของบุ๊คเอง บุ๊คผิดเองฮึกๆ~ แหยะ อ้วกสัส” จงแดจีบปากจีบคอพูดตอแหล 

                “อย่ามาว่ากูได้มะ -_-^ ก็มันจริงอ่ะ” แบคฮยอนนั่งกอดเข่า นี่ชานยอลบังคับให้เขาใส่เสื้อแขนยาวแถมยังกางร่มยูวีด้วยนะ

                “แล้วมานั่งเล่นกับพวกกูทำไม ไปเล่นกับโด้กับผัวมันสิ ฮรึก!


                เพียะ!

                มินซอกตบปากจงแดเบาๆ ไม่ได้กะจะเอาให้เจ็บ แต่เอาให้รู้สึกตัว


                “ขอส่งเพลง You got me ไปให้มึงรัวๆ เลยไอควายจงแด =___= มีกูแล้วยังจะมองหาใครอีก มีกูแล้วมึงจะไปสนใครอีก... ห๊าาาาา!!!

                “ผมไปก๊อทพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ!! อ่ะมึงตอบกูมาก่อนแบค” จงแดรีบหันมาหาแบคฮยอน แต่เหมือนคนตัวเล็กก็ไม่รู้เหตุผล

                “มันไล่กูมาเล่นกับมึงอ่ะ ไม่รู้เหมือนกัน”


                ...


                สาเหตุที่ต้องไล่แบคฮยอนมาน่ะหรอ


                ...


                “ตอนนี้มึงเห็นบุ๊คปะโด้” ชานยอลที่นั่งหันหลังให้กับท้องทะเลถามเพื่อนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

                “ไม่เห็นเลยครับคุณเพื่อน จะเหี้ยใส่พวกกูหรือจะสูบอะไรก็ตามสะดวก” คยองซูเท้าคางพูด ก่อนจะพยักเพยิดให้จงอินหยิบที่เขี่ยบุหรี่มาวางไว้บนโต๊ะ


                ชานยอลล้วงเอา Marlboro ในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบบุหรี่รสเข้มขึ้นมาหนึ่งมวน สูดเข้าไปเต็มปอดแค่สองสามครั้งก็รีบเขี่ยบุหรี่ทิ้ง เพราะกลัวว่ากลิ่นจะติดตัวมากเกินไปและกลัวว่าแบคฮยอนอาจจะคึกวิ่งกลับมาหาเขา


                “คิดจะหลบๆ ซ่อนๆ เรื่องบุหรี่อีกนานแค่ไหนฮะ” คยองซูพูดพลางแค่นหัวเราะ 

                “ให้มันมองว่ากูเป็นคนดีมากๆ ก็พอ” เขาพูดพลางหยิบบุหรี่อีกมวนขึ้นมาจุดใหม่ ไหนๆ แบคฮยอนไม่อยู่และไม่ได้สูบมานานหลายวัน ก็ขอสูบต่ออีกหน่อยเถอะ

                “ทั้งที่ความจริงเหี้ยสุดในปฐพีเนี่ยนะ =__=” คยองซูเป็นคนที่เห็นความเลวของปาร์คชานยอลมาโดยตลอด ทุกอย่างที่ผิดกฎโรงเรียนเขาก็ทำมาหมดแล้ว บุหรี่นี่ก็สูบตั้งแต่ม.ห้า 


                แต่มีข้อดีอยู่สองข้อที่ทำให้คยองซูพอจะฝากฝังแบคฮยอนไว้กับคนเลวๆ คนนี้ได้


                1. มันเป็นลูกเขยและน้องเขยที่ดี เคารพพ่อแม่ของแบคฮยอนและพี่จุนมยอนด้วยใจจริงๆ

                และ

                2. ถึงจะเหี้ยขนาดไหน ก็บ้ารักแบคฮยอนอยู่คนเดียว =__=

                “เอาน่ะ กูไปขอลูกเค้ามาอยู่ด้วย กูก็ต้องเป็นต้นแบบให้มันเป็นคนดีตาม ถ้าลูกเค้าออกมาเหี้ยเหมือนกูตัวจริง เค้าจะให้กูเป็นลูกเขยเค้ารึไง” ชานยอลพูดทั้งที่ปากยังอัดควันบุหรี่เข้าไปอีกสามหน

                “ถ้าแบคมันรู้นะ กูว่ามันต้องบอกให้มึงเลิกบุหรี่แน่ๆ”

                “ไอสัส ถ้ามันขอกูก็เลิกให้ได้อยู่ละ เดี๋ยวมันเป็นมะเร็งปอดเพราะกู แต่มึงเนี่ย ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย... มึงทำอะไรแฟนกูไว้ มึงต้องรับผิดชอบ” ชานยอลเอาบุหรี่ชี้หน้าเพื่อนและผัวเพื่อนอย่างเอาเรื่อง สายตาดุๆ ที่เปิดเผยกับทุกคน (ยกเว้นบุ๊ค) จ้องหน้าคนสองคนจนน่ากลัว

                “ครือ กูกับจงอินขับนำไปก่อนไง แล้วมันขับตามมาทีหลัง พวกกูก็รอมันจนสิบห้านาทีแล้วมันยังไม่มา ก็เลยขับกลับไปหามัน เจอมันจอดนอนข้างทาง ตากแดดร้อนเปรี้ยงๆ เลยงิ” คยองซูอธิบายเรื่องราวอย่างชัดเจน คนฟังก็พยักหน้าหงึกหงักทั้งที่ดูเหมือนจะไม่เชื่อเท่าไหร่

                “อืม งั้นกูก็สั่งห้ามพวกมึงชวนบุ๊คเที่ยวสามเดือนละกัน แฟร์ดีปะ?” 

                “สัส ไม่แฟร์ ครั้งที่แล้วมึงก็สั่... เหี้ยละๆๆๆ แบคมาๆๆ” คยองซูเปลี่ยนเรื่องแทบไม่ทันเมื่อเห็นแบคฮยอนกำลังวิ่งหน้าตั้งมาทางนี้ คนตัวสูงจึงรีบเขี่ยบุหรี่ทิ้งและจงอินก็รู้หน้าที่ตัวเองดี เขารีบเอาที่เขี่ยบุหรี่ไปไว้ใต้โต๊ะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                “เห็นว่าพวกมึงช่วยเหลือกูดีนะ... ลดเหลือเดือนนึงก็ได้” เขากระซิบลอดไรฟันก่อนจะหันไปหาคนตัวเล็กที่กำลังวิ่งมา

                “เฮลโหลวชุนนนนน~~ จงแดกับพี่มินซอกบอกว่าอยากกินไข่เจียวเยอะๆ เลยยยยย สั่งมาให้เยอะๆ เลยนะ” แบคฮยอนตะโกนบอกด้วยท่าทางร่าเริงจนคนดู (แค่คนเดียวนะ) อดยิ้มไม่ได้

                “ครับผมมมม กางร่มดีๆ นะ เดี๋ยวผิวลอกอีก”

                “อ๊ะเคคคคคค~” พูดจบก็วิ่งกลับไปอีกรอบ

                “ขอแค่อาทิตย์เดียวได้มะ” เมื่อเห็นว่าแบคฮยอนไปแล้ว คยองซูก็รบเร้าอีกรอบ แต่คนตัวสูงก็ส่ายหัวท่าเดียว

                “หนึ่งเดือนนี่ใจดีสุดๆ แล้วนะ หรือจะเอาหนึ่งปี?”

                “หนึ่งเดือน T0T



**********


วันรุ่งขึ้น

                “พี่ฮานฮานนนนน~ พี่ฮานฮานนนนนนนนนน ป๊ากับม๊ามาแหละ!” เด็กน้อยตัวเล็กวิ่งตามหาพี่ชายคนสนิทภายในบ้านพักเด็กกำพร้า คนตัวสูงจึงวิ่งตาตั้งมาหาทันทีเมื่อได้ยินคำว่า ป๊ากับม๊า

                “จริงหรอ ม๊าพี่มารึเปล่าฮุนฮุน O_O!?

                “มาจิๆๆ มากันหมดเยยยยย เอาของฝากจากไทยมาให้เต็มไปหมดเลยยยยย มาเร็วๆๆ” เซฮุนยื่นมือไปให้พี่ชายก่อนที่ทั้งคู่จะจับมือวิ่งไปด้วยกันที่ห้องรับแขก 

                “ม๊าาาาา~~~ ฮานฮานกิ๊ดถึ๊งงงงงกิ๊ดถึงงงงง” ลู่หานรีบวิ่งเข้าไปอ้อนม๊าคยองซูของตัวเอง ก่อนจะต้องหันขวับเมื่อเห็นสายตาเดอะวินเนอร์จากคนข้างๆ

                “พี่จงอินมองหน้าผมทำไม มีปัญหาไง๊?”

                “มี -^-

                “ว่ามาเล้ย แต่ถ้าปัญหากากๆ ผมไม่รับฟังนะพี่ -_-^

                “ปัญหาก็คือ... ฮานฮานเรียกว่าพี่จงอินไม่ได้แล้วนะ ต้องเรียกว่า ป๊า แล้วล่ะ เฮ้อ เสียใจด้วยนะ งุมๆ” จงอินกวนตีนลูกชายคนใหม่ของตัวเองก่อนจะตบบ่าให้กำลังใจ แต่เหมือนลูกชายจะยังรับความจริงข้อนี้ไม่ได้

                “จริงหรอม๊า T0T ม๊าเอาไอ้พี่ดำนี่เข้าไปได้ยังไงอ่ะ T___T

                “ก็มันดำดีนะฮานฮาน พลาดนิดพลาดหน่อย อย่าว่ากันเลยนะ T^T

                “จะด่าผมว่าดำอีกนานมั้ยครับสองแม่ลูก ผัวและพ่อคนนี้เสียใจมากนะครับ” 

                “เชอะ ยอมเรียกป๊าก็ได้” ลู่หานกอดอกเซ็งๆ ก่อนจะพูดต่อ “แล้วเงินในธนาคารอ่ะ ม๊ารู้นานละนะ แต่ป๊าเอาไปให้หมดเลย ฮานฮานยกให้”

                “ห้ะ เอาไปเป็นทุนการศึกษาเด่ะ” จงอินเถียง เขาไม่สนใจหรอกว่าคยองซูจะรู้เรื่องนี้หรือไม่ เพราะไหนๆ ตอนนี้ก็เป็นแฟนกันอีกรอบละ จะรู้ขั้นตอนการยัดเงินให้ฮานฮานก็ไม่เป็นไร

                “ฮานฮานก็เรียกเก็บเงินไปอย่างงั้นแหละ ถ้าป๊ากับม๊าแต่งงานกัน จะได้เอาเงินก้อนนี้ไปเป็นค่าสินสอดไง” ลู่หานพูดพลางก้มหน้าก้มตาดูของฝากจากประเทศไทยที่อยู่ในถุง ก่อนจะหยิบเอาโมบายเปลือกหอยขึ้นมา “ว้าว อันนี้สวยจัง *__* ขอเอาไปแขวนที่ห้องนอนได้ป่าวป๊าม๊า”

                “เดี๋ยว...” จงอินพูดพร้อมรอยยิ้มชื่นใจ ก่อนจะฉวยเอาโมบายเปลือกหอยไปไว้ในมือ “ให้ป๊าเอาไปฝังเพชรก่อน ถือว่าเป็นของขวัญในฐานะฮานฮานวางแผนล่วงหน้าดีมาก >__<

                “ห้ะ เอาไปฝังเพชรทำไมมมมม เปลือง! เอาเงินไปซื้อแหวนเพชรให้ม๊าไป๊ๆๆ” ลู่หานพูดพลางคว้าเอาโมบายเปลือกหอยมาถือ ก่อนจะหาของฝากต่อในถุง

                “พี่โด้... เหมือนฮานฮานอยากให้เราแต่งงา...”

                “ใจเย็นนะ =___= อย่ารีบนะจงอิน” คยองซูรีบยกมือขวางจงอินไว้


                ไว้รอให้อะไรๆ มันลงตัวกว่านี้ก่อนนะจงอิน 


                “ม๊าๆ ฮานฮานไปซื้อขนมให้กินมั้ย ร้านฝั่งตรงข้ามอร่อยมากเลย เดี๋ยวฮานฮานวิ่งไปซื้อมาให้” เด็กน้อยพูดก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางอยากจะให้ลิ้มลองขนมร้านตรงข้ามมาก คนเป็นแม่ก็พยักหน้าอนุญาต

                “พี่ฮานฮานไปหนายยยยย เอาฮุนฮุนไปด้วยยยยยย” เซฮุนลุกขึ้นตามก่อนจะจับแขนพี่ชายไว้แน่น


                เด็กทั้งสองคนเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งก่อนจะไปยืนเกาะขอบตู้กระจกขนมหน้าร้าน แต่เพราะขนมมันเยอะเหลือเกินจนตาลาย ทำเอาพี่น้องHHคิดไม่ออกเลยทีเดียวว่าจะกินอะไร


                “อืม... เค้กข้าวดีมั้ยนะ...”

                “...”

                “หรือจะพับบิงซูดี... แต่มันก็อาจจะละลายเร็ว ฮุนฮุนว่ามั้ย?...”

                “...”

                “อ่าว ไปไหนซะละ” หลังจากพูดคนเดียวอยู่นาน เขาก็พึ่งสังเกตว่าน้องฮุนฮุนไม่อยู่ตรงนี้แล้ว เมื่อมองไปรอบๆ ตัวก็เจอเด็กน้อยกำลังนั่งทำอะไรอยู่กลางถนน

                “พี่ฮานฮาน! ฮุนฮุนเก็บเงินได้แหละ!” เด็กน้อยพูดพลางชูเหรียญขึ้นมาให้ดู


                ปิ๊นนนนนนนนนนนนนนนนน!!


                แต่เสียงบีบแตรรถที่ดังลั่นทำให้คนเป็นพี่มีสติ เขาไม่มองอะไรทั้งนั้นก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหาน้องที่ยืนอยู่กลางถนน ลู่หานเอาลำตัวบังเซฮุนไว้ก่อนจะหลับตาลง...



                ถ้าจะตายก็ตายด้วยกัน 

                แต่ถ้าจะเจ็บ... เขาต้องเจ็บหนักกว่าน้อง


                ตึง...

                เสียงกระโปรงรถกระแทกที่ท่อนขาของลู่หาน แต่ก็ไม่ได้ชนแรงอะไรมากนัก เพียงแค่เฉี่ยวเบาๆ เท่านั้น แต่ด้วยความที่ยังเด็กและตกใจ เขาก็ล้มลงไปนอนกับพื้นถนนทั้งที่ยังกอดเด็กน้อยไว้แนบอก


                “ฮือๆๆๆ พี่ฮานฮานอย่าเป็นอะไรน้า ฮือออออออออ ฮุนฮุนขอโทษ ฮึก...” เซฮุนนั่งขัดสมาธิลงบนพื้นก่อนจะระเบิดน้ำตาออกมา คนขับรถรีบดับเครื่องยนต์ก่อนจะวิ่งลงมาดู

                “เฮ้ยหนู เป็นไรมั้ย น้าขอโทษนะ น้าขับมาเร็วเกิน”

                “ไม่เป็นไรครับ แค่ถลอกนิดหน่อย” ลู่หานตอบฉะฉานก่อนจะลุกขึ้นนั่ง มือใหญ่เอื้อมไปบีบมือเล็กแน่นๆ ก่อนจะพูดปลอบ “พี่ไม่เป็นไรเลย อย่าร้องไห้สิ แค่ล้มนิดหน่อยเอง”

                “นี่หนูขึ้นรถมา เดี๋ยวน้าขับพาไปโรงพยาบาลเอง”

                “ไม่ต้องหรอกครับน้า บ้านผมอยู่นี่ เดี๋ยวผมเดินกลับไปเอง” ลู่หานยิ้มขอบคุณก่อนจะยืนขึ้น พลางฉุดให้เด็กน้อยยืนบ้าง ถึงแม้ว่าตอนนี้ร้องไห้เสียงดังเพราะใจเสียก็ตามที

                “ขึ้นรถมาๆๆ เดี๋ยวน้าขับพาเข้าไปในนั้นเอง ไปขอโทษผู้ปกครองหนูด้วย”

                “น้าชื่ออะไรอ่ะ...”

                จื่อเทา เรียกน้าเทาเฉยๆ ก็ได้... ไปๆ ขึ้นรถ”

               

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น