15
B, we only got 15 minutes to save the world.
(บี,
เรามีเวลาแค่ 15 นาทีที่จะ...)
“เฮ้ยจงแด เอาจริงๆ กูก็เครียดว่ะ
ช่วงนี้แดกอะไรก็อ้วนตลอด เบื่อชิบหาย” คยองซูบ่นกับเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีเท่าไหร่แถมยังรู้สึกอ้วนขึ้นทุกที
วันนี้คยองซูนึกกรึ่มใจอะไรไม่รู้
โทรเรียกจงแดมานั่งคุยกันที่สวนสาธารณะใกล้คอนโดตัวเอง
แล้วคิดหรือว่าคิมจงแดจะไม่มาหา? เขามาหาภายในสิบห้านาทีเท่านั้น และคิมจงอิน...
ที่ตั้งใจจะขอแต่งงานวันนี้ที่สวนสาธารณะใกล้คอนโดก็เกือบจะช็อคตายไปแล้ว
“เอ้อ ผมชอบพี่อวบๆ นะ”
จงอินที่นั่งอยู่ข้างซ้ายรีบพูดทันที
โทรไปตามพี่แบคให้มาช่วยตั้งนานแล้วแต่ก็ยังไม่มาซักที
แถมยังโดนใครไม่รู้มาด่าไอส่งไอแสสตั้งหลายรอบ ;-;
“ฮึ่ย เลิกพูดเลย =_=” คยองซูเอานิ้วปักไปที่เอวของจงอินอย่างหมั่นไส้ก่อนจะหันไปคุยกับจงแดต่อ
“มึงพากูไปเลี้ยงข้าวหน่อยเด๊ะ เอาแพงๆ อร่อยๆ”
“ไอห่า ที่เรียกกูมาไม่ได้ทุกข์ใจอ้วนเอิ้นอะไรหรอก
แค่อยากแดกของฟรีช้ะ 555555555555555” จงแดหัวเราะลั่น
แต่ก็เอื้อมมือมาขยี้หัวคยองซูเบาๆ “ไปสิ เดี๋ยวป๋าจงแดเลี้ยงเอง”
จงอินมองการกระทำทุกอย่างแล้วก็ถอนหายใจ
ขนาดประกาศว่าเป็นแฟนแล้ว อยากแต่งงานจะตายอยู่แล้ว
แต่พี่จงแดก็ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ความจริงแล้วเขาควรโทรไปตามพี่มินซอกมากกว่าสินะ
T_T
“เฮลโหลววววววววว!!!
วอทซับบบบบบบบบบบ!!!!” จู่ๆ
ขณะที่เขากำลังนั่งเครียดอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนลั่นสวนสาธารณะ
ตอนแรกตั้งใจจะหันไปด่า... แต่เมื่อเห็นพี่แบคฮยอนกับพี่ชานยอลมาด้วยก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“...”
“ใครรู้ตัวว่าชื่อจองแดมานี่เดี๋ยวนี้เลยค๊าาาาา!!... ห้ะ... อ๋อออออ ใครชื่อจงแดมานี่เดี๋ยวนี้เลยค่าาาาา!!!” ผู้หญิงคนนั้นตะโกนเรียกชื่อคนที่จงอินต้องการให้ไปให้พ้นตาตอนนี้
อ่า... ขอบคุณ T^T
“ใครวะ”
จงแดหันไปมอง แต่ไม่ทันละ...
เพราะผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาประชิดตัวก่อนจะจิกหนังหัวจนเขาต้องยอมลุกขึ้นยืน
“ลุกค่ะ”
“เดี๋ยวครับคุณๆๆๆ
คุณทำแบบนี้ผมฟ้องคุณได้นะคุณ เฮ้ๆๆ เจ็บโว้ยยยยยยย” จงแดบ่นตลอดทางแต่ก็ยอมเดินตามไปจนเจอเพื่อนสนิททั้งสองคน
“เลิกยุ่งกับคยองซูซักทีค่ะ
เขาจะมีผัวแล้วเข้าใจมั้ยคะ”
“เดี๋ยวแบคๆ ยัยเจ๊นี่ใคร =_=?
พี่สาวลับๆ ของมึงหรอ?” จงแดที่ได้รับอิสระรีบชี้หน้าถามทันที
“เพื่อนกู ชื่อจีฮเย...
เอาเป็นว่าตอนนี้มึงมากับกูเถอะ ปล่อยให้มันสองคนอยู่ด้วยกัน”
แบคฮยอนเองก็ขี้เกียจจะอธิบายอะไรให้มากความ เขาจึงรีบพาจงแดให้เดินออกไปจากที่ตรงนั้นและปล่อยให้จงอินได้ดำเนินเรื่องด้วยตัวเอง
“อะไรของพวกมันวะ =O=” คยองซูเกาหัวงงๆ ก่อนจะหันหน้ามองทะเลสาบเบื้องหน้า สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
เพราะคนทำงานอย่างเขาไม่ค่อยได้กลิ่นสะอาดๆ อย่างนี้ซักเท่าไหร่
คนข้างๆ
ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เช่นกัน
เอาละนะ...
“นี่...”
ร่างสูงสะกิดแขนเล็กจึ๋งๆ ก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ ให้ใบหนึ่ง
คยองซูทำหน้าเพลียจิตแต่ก็ยอมแกะกระดาษแผ่นนั้นมาอ่าน
คยองซูจิกตาใส่คนให้กระดาษก่อนจะเบ้ปาก
“จะให้ทำอะไร =_=
วันนี้ก็ไม่ได้พิเศษอะไรซักหน่อยไอบ้า”
“เอาหน่า ปีนๆ ขึ้นไป”
จงอินหัวเราะคิกคักก่อนจะดันไหล่คะยั้นคะยอให้คยองซูลุกขึ้น
ต้นไม้ที่ว่ามันอยู่บนเหนือหัวพวกเขานี่เอง
ม้านั่งที่นั่งอยู่จึงเป็นบันไดปีนขึ้นไปได้พอดี
คยองซูเหลือบไปเห็นกระดาษสีเดียวกับที่ได้รับบนกิ่งไม้
เขาจึงรีบคว้ามันมาอ่าน
“ไอ้จงอิน” คยองซูกลอกตาก่อนจะกระโดดลงจากม้านั่งลงไปมองใต้เก้าอี้
ก็เจอกระดาษสีเดียวกันวางอยู่จริงๆ... นี่ไอ้บ้านี่มันวางไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
“ห๊าาาาาา!!!!” คยองซูร้องลั่น แต่ก็ยอมเดินไปด้อมๆ มองที่ทะเลสาบ
ก็เจอกระดาษแผ่นหนึ่งลอยตุ้บป่องอยู่ริมฝั่ง
สภาพเปียกโชกไม่น่าเก็บขึ้นมาอ่านอย่างแรง
คยองซูไม่พูดพร่ำทำเพลง
เขาเดินปรี่ไปที่จงอินและเอามือทั้งสองข้างควานหาในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง
แต่กลับไม่มีอะไร เขาจึงเขยิบมาหาในกระเป๋ากางเกงด้านหน้า...
“ระวังพี่ระวัง...
เดี๋ยวไปปลุกน้องผมขึ้นมานี่แกตื่นเลยนา”
“กวนตีน”
แฟนผู้พี่ด่าอย่างหัวเสียก่อนจะเจอกระดาษในกระเป๋ากางเกงด้านหน้านั่นแหละ
“นี่ไปยืมลิปสติกจากป้าห้องข้างๆ
มาเลยนะ ม๊วฟๆๆ” จงอินพูดพลางเขยิบเข้ามาใกล้คยองซูมากขึ้น แต่คยองซูกลับกระถดหนี
“ตลกละ กลางสวนสาธารณะ
คิดว่าจะไม่มีคนมองใช่มะ”
“เออหน่ะ
เดี๋ยวตอนจบเค้าก็มองเราอยู่ดี >_<”
จงอินพูดมีเลศนัยก่อนจะก้มหน้าลงไปใกล้ๆ
มือขวาจับปลายคางมนให้เชิดขึ้นและจุมพิตเบาๆ ลงบนริมฝีปากน่าหลงใหล
ส่วนมือซ้าย...
ก็ควานหาอะไรกระดาษในกระเป๋าเสื้อด้านใน
“อื้อ พอ”
คยองซูรีบถอนริมฝีปากออกเพราะสัมผัสได้ถึงลิ้นชื้นที่กำลังบุกรุกเข้ามา
เขาเท้าสะเอวก่อนจะแบมือ “ไหน จบแล้วอ่อ แค่นี้อ่ะนะ =__=”
“ยังครับ”
จงอินยิ้มกว้างก่อนจะหยิบกระดาษโน้ตให้อีกแผ่น
คยองซูเลิ่กลั่กเงยหน้ามองบนท้องฟ้า
โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าคนตรงหน้า ‘คุกเข่า’ ลงไปแล้ว...
“ไม่เห็นมีอะไรเลยไอบ้า...”
คยองซูที่กวาดสายตามองรอบตัวจึงหันมาพูดกับแฟนหนุ่ม
แต่ภาพที่เขาเห็นคือแฟนหนุ่มคนนั้นลงไปนั่งคุกเข่าและกำลังยิ้มจนตาปิด
“พี่คยองซูครับ...”
“จงอิน... เดี๋ยวนะ...”
“ถึงพี่จะไม่พร้อม
แต่จงอินพร้อมมานานแล้วครับ”
“...”
“แต่งงานกันนะ” ร่างสูงพูดพลางหยิบกล่องกำมะหยี่ในกระเป๋าเสื้อที่ซ่อนไว้ออกมา
เขาค่อยๆ บรรจงเปิด และแสงอาทิตย์ก็เข้ามากระทบกับแหวนแพตตินั่มสิบแปดกะรัตจนแสบตา
“อื้อ แต่ง”
คยองซูพยักหน้าก่อนจะยิ้มกว้างจนริมฝีปากนั้นเป็นรูปหัวใจ
เขาลงมานั่งคุกเข่าตรงหน้าจงอินและเอื้อมตัวไปจุมพิตเบาๆ ที่ปลายจมูกโด่ง
“ใส่แหวนเร็ว”
แฟนรุ่นน้องคะยั้นคะยอเพราะกลัวว่าแฟนรุ่นพี่จะเปลี่ยนใจ
เขาวางกล่องแหวนลงบนพื้นหญ้าก่อนจะหยิบแหวนวงเล็กกว่าที่สลัก KS
& JI อยู่ด้านนอก (แหม่ งานนี้ต้องให้ชื่อเมียอยู่หน้านะครับ)
“ขอบคุณนะจงอิน
ขอบคุณที่ตามหาพี่อีกครั้ง”
“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณพี่...
ขอบคุณที่ให้โอกาสอีกครั้งนะครับ” จงอินพูดยิ้มๆ ก่อนจะบรรจงสวมแหวนสีเงินเกลี้ยงเข้าไปในนิ้วนางข้างซ้ายของอีกฝ่าย
มือหนาสั่นเบาๆ...
ไม่รู้ว่าเพราะความตื่นเต้นที่จะได้แต่งงาน
หรือ เป็นเพราะความรู้สึกรักที่ยังสดใหม่ตลอดเวลา
เป็นแฟนกันแล้ว แต่งงานกันแล้ว...
แต่ก็ยังตื่นเต้นเหมือนเห็นหน้าครั้งแรก
“มา เดี๋ยวพี่ใส่แหวนให้บ้างนะ ^^” คยองซูพูดเสียงเบาก่อนจะหยิบแหวนวงที่เหลือมาใส่ให้ คนตัวสูงหน้าบึ้งตึ้งจนเขาต้องแอบเหลือบมอง
“...”
“ยิ้มหน่อยดิ
นี่โดนใครบังคับมาให้แต่งปะเนี่ยไอบ้า”
คยองซูพูดพลางหัวเราะก่อนจะโผเข้ากอดจงอินหลังจากสวมแหวนเสร็จ ริมฝีปากหนาบรรจงจูบที่ต้นคอของคยองซูเบาๆ
พลางกระซิบอยู่ข้างหู
“อยู่อย่างนี้ซักพักนะ...”
คยองซูนิ่งไป...
ถ้ามันบอกให้นิ่งเขาก็จะนิ่ง
แต่ทำไมมันไม่นิ่ง...
ทำไมตัวมันสั่น
“จงอินนา...”
“อย่า...”
เสียงเด็กขี้แงร้องห้ามไว้ก่อนจะกอดคยองซูหนักกว่าเดิม พยายามกัดปากกลั้นเสียงสะอื้นไว้แต่ก็เหมือนจะเอาไม่อยู่
คยองซูยิ้มเบาๆ ก่อนจะลูบหัวเด็กน้อยขี้แงอย่างเบามือ
“ไอบ้าเอ๊ย...
ร้องไห้หาพ่อมึงหรอ... หื้ม? ฮ่าๆๆๆๆ”
“ฮึก... พี่โด้ใจร้าย แกล้งผัว”
มันยอมผละจากอ้อมกอดทั้งที่หน้าตาเปรอะเปรื้อนไปด้วยน้ำตา
“ไอ้ทุเรศศศศศศศ ใครให้แกแทนตัวแบบนั้นห้ะจงอิน
ติดนิสัยมาจากไอ้ชานยอลมันใช่มะ”
“จั้ย
แล้วเราจะแทนตัวเองว่าอะไรกันล่ะ ก็เราเป็นผัวเมียกันแล้วจริงๆ นี่นา...”
แล้วมันก็ยังโทษคนอื่นซะงั้น ทั้งที่ความจริงอยากพูดสรรพนามนี้จะตายห่า
“คุณเจของคุณเค >_____<” ถึงจะไม่เต็มใจจะเป็น ‘คุณเจ’ ของ ‘คุณเค’ ซักเท่าไหร่นัก
แต่เมื่อเห็นหน้าภรรยาแกอยากเรียกจนตัวสั่นก็ช่วยไม่ได้
“โอเคครับคุณเค”
“...”
“ถ้าอย่างงั้นผมเรียกพี่ว่า ‘เมียคุณเจ’ ได้ปะ...”
“มึงอยากไปนอนในทะเลสาบมั้ยอีคุณเจ”
“ขอโทษครับ”
**********
จงอินพาคยองซูกลับมาที่ห้องบนคอนโดตามเดิม
พี่จงแดแกจะไปอยู่ไหนแล้วก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้เขามีอีกเรื่องที่จะเซอร์ไพร์สคุณเค
“คุณเคมาห้องคุณเจก่อนแป๊บนึง”
จงอินเรียกคนตัวเล็กที่กำลังแตะคีย์การ์ดเข้าห้องตัวเอง
คยองซูเดินเข้ามาในห้องเขาก่อนจะมองไปรอบตัว
“อะไรอีกอ่ะ”
“ผมไม่รู้ว่าพี่ชอบรึเปล่านะ...
แต่ว่า...”
“...”
“เห็นพี่ให้เรียกว่า ‘ม๊า’ พี่ก็น่าจะถูกใจเด็กคนนี้อยู่บ้างแหละ”
จงอินยิ้มก่อนจะดันหลังคยองซูให้เดินเข้าไปในห้องนอน
เห็นเด็กชายตัวสูงกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ของจงอินอย่างขะมักเขม้น
“ฮานฮาน...”
คยองซูเรียกชื่อเด็กน้อยคนนั้นทั้งรอยยิ้ม
ลู่หานเงยหน้าขึ้นก่อนจะยิ้มกลับเช่นกันและเดินเข้ามาหาอย่างนอบน้อม
“ม๊า... ฝากตัวด้วยนะครับ”
“นี่ไปเอาตัวมาตั้งแต่เมื่อไหร่...”
คยองซูหันมาถามคุณเจที่แม่งเจ้าวางแผนเหลือเกินวันนี้
“เมื่อวานน่ะ
ทำเรื่องกับป้าเอยองเรียบร้อยละ ถ้าเราไปจดทะเบียนสมรสก็พาฮานฮานไปด้วย
จะได้ลงชื่อเป็นเด็กบุญธรรมเลย”
“เฮ้ย คุณเจ...
ช่วงนี้คุณทำตัวมีสมองแปลกๆ ว่ะ” ไม่รู้ว่าคุณเคแกชมหรือแกด่า
แต่ตอนนี้ไอ้บ้าคุณเจก็ยิ้มแก้มปริไปเรียบร้อยแล้ว =_=
“ม๊า... แล้วให้ฮานฮานนอนไหนง่ะ”
ตกดึก
“ชุนนนนนนนนน มานี่เร็วววววว
อย่างอนกูเสะ มานี่!”
แบคฮยอนตบเตียงรัวๆ เพราะคุณสามีแกไม่ยอมเข้ามานอนซักที
มัวแต่เป็นห่วงลูกชายตัวเองในห้องนอนอีกฝั่งหนึ่ง
“มึงนั่นแหละ
เอาไอ้ฮานฮานมานอนกับฮุนฮุนทำไม” ชานยอลหันมาแขวะ ก็แหงล่ะ พอโด้มาปรึกษาเรื่องที่นอนของฮานฮานว่าจะให้นอนกับตัวเองหรือนอนกับจงอินดี
ก็ได้ข้อสรุปว่า...
‘มานอนกับลูกกูแม้ะ *__*?’
“เอ้า
แล้วมึงจะมีเตียงชั้นบนไว้ให้ผีมานอนรึไง ก็ต้องให้คนมานอนเด๊” แบคฮยอนเถียง
แต่เมื่อชานยอลแม่งไม่ยอมเข้ามานอนซักทีจึงเดินไปลากตัวมาที่เตียง
“โอยยยยยย
ถ้าลูกเราพลาดท่าไปจะทำยังไงงงงง”
“พลาดท่าอะไร
ฮานฮานมันชักว่าวเป็นรึยังก็ไม่รู้ อย่าคิดมากได้ปะ” แบคฮยอนกดคนตัวสูงให้นอนลง
แถมยังเอามือปิดปากมันอีก รำคาญ ขี้เกียจฟัง
“นี่! อย่าดูถูกเด็กป.หกนะ!”
ชานยอลแกะมือที่ปิดปากเขาออกก่อนจะเถียงต่อ “ตอนป.หกกูชักเป็นแล้ว!”
“อิห่า มันใช่เรื่องมาอวดมั้ยห้ะ =__=
นอนเดี๋ยวนี้เลย ฮุนฮุนไม่เป็นไรหรอก”
แบคฮยอนจับท่อนแขนแกร่งให้ออกมาเป็นหมอนก่อนจะวางหัวตัวเองลงบนนั้น
“ฮึ่ย... มาให้จูบดิ๊”
ไอ้คนตัวสูงแม่งแพ้แล้วพาลมากๆ เขาอุ้มคนตัวเล็กให้มานอนทับตัวเองอย่างง่ายๆ เหมือนผอมมาก
“อื๊ออออออ เค้าจะนอนแล้วนะะะะะ
อย่าแกล้งงงง TwT”
แบคฮยอนดิ้นไปมาอยู่บนตัวมันนั่นแหละ นี่รู้มั้ยว่าอะไรต่อมิอะไรมันตื่น
อย่าดิ้นดิเห้ย
“จูบก่อนเร็วๆ
ถ้าไม่อยากโดนตีก็จูบบบบบบ เร็วววววววว” ชานยอลดิ้นบ้าง
ร้องงอแงเหมือนเด็กอยากได้ขนม แบคฮยอนจิ๊ปากรำคาญแต่ก็ยอมก้มหน้าลงไปจูบแรงๆ
ที่ปากหนา
“เสร็จแล้ว! ปล่อยเลย!”
“ไปฮันนีมูนกัน”
“ห้ะ?” แบคฮยอนทวนถามอย่างตกใจ...
เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ
“บอกว่าไปฮันนีมูนกัน
เลือกมาที่นึงบนโลกใบเนี้ย” คนด้านล่างพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แต่ถ้าคนด้านบนก้มลงมาฟังที่หัวใจซักนิดจะรู้เลยว่านี่มันเรื่องใหญ่ระดับชาติ
หัวใจเต้นแรงเหมือนจะไปออกรบกับเกาหลีเหนือ
“เก๊าอยากไปมัลดีฟ •w•”
“โอเค มัลดีฟ อาทิตย์หน้าเจอกัน”
“ล... แล้ว...”
แบคฮยอนตะกุกตะกัก รู้ว่าเรื่องที่จะพูดไม่ค่อยสมควรแต่ก็อยากจะถามนิดนึง
“...”
“ฮันนีมูนมันต้องมีอะไรกันด้วยหนิ...
ใช่ปะ (._.)”
“อืม” เขาตอบสั้นๆ
เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอีกละ แต่ความจริงแม่ง ซื้อเจลหล่อลื่นแล้ว,
เสิร์ชกูเกิ้ลหาท่าเสียวๆ แต่เจ็บน้อยที่สุดแล้ว และ... พร้อมมานานแล้วเหมือนกัน
“งื้อ... อาทิตย์หน้าหรอ...
เลื่อนเป็นชาติหน้าเลยได้มั้ยง่ะ กลัวง่ะ TT___TT” แบคฮยอนพูดก่อนจะเอาตัวซบลงบนหน้าอกแกร่ง เพราะไม่อยากสู้หน้า... อาย...
“กูเคยบอกว่าอะไร...”
“ถ้าอยู่กับชุนไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”
“ก็จำได้นี่หว่า แล้วกลัวทำไมหืม”
คนตัวสูงพูดพลางขยี้ผมเขาเบาๆ
“ก็นี่มันครั้งแรกของกูอ่ะ กูกลัวเป็นแค่เด็กอ่อนแอที่ทำอะไรไม่เป็น
กลัวทำไม่ถูกใจชุน กลัวทำให้ชุนเบื่อ...” เด็กน้อยอ่อนประสบการณ์ (หรอ)
พูดพึมพำอยู่บนตัวของชานยอล
คนฟังหัวเราะในลำคอเบาๆ
ก่อนจะจับตัวเด็กน้อยให้ลงมานอนบนเตียงอีกรอบ แต่เจ้าเด็กดื้อก็เอาตัวมุดเข้าไปในผ้าห่มไม่กล้าสู้หน้า
“นี่...”
ร่างสูงยิ้มก่อนจะแกะผ้าห่มที่ปิดหน้าแบคฮยอนออก
“TwT”
“มึงก็เป็นคนแรกของกูเหมือนกันนะ...
มาค่อยๆ มีความสุขด้วยกันดีกว่ามั้ย...”
“สอนด้วยนะ
เค้าทำอะไรไม่เป็นเลยจริงๆ นะTwT”
“ครับผม”
...
อีบุ๊ค อย่าให้กูเห็นว่ามึงเก่งกว่ากูนะ
T0T!!!
**********
หนึ่งวันก่อนไปฮันนีมูน
“ถ่ายรูปฟินๆ
มาให้ฮุนฮุนดูด้วยนะกั๊บ” เด็กน้อยนั่งโยกขาตัวเองเล่นพลางหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
“แล้วเมื่อไหร่จะไปบอกน้าโด้กับน้าจงอินว่าจะฝากฮุนฮุนไว้ง่ะ”
“เนี่ย
ป๊าว่าจะไปบอกมันตอนนี้แหละ” ชานยอลพูดกับเรดาร์หาความฟินก่อนจะเดินออกจากห้อง
เคาะประตูเรียกเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามแรงๆ
“อะไร” คยองซูโผล่มาแค่หัว
เหมือนไม่อยากให้เข้าไปดูข้างในซักเท่าไหร่
“พรุ่งนี้กูไปฮันนีมูนกับบุ๊ค
ฝากฮุนฮุนด้วย”
“ว่าไงนะ =[]=!!!? แล้วพึ่งมาบอกอะไรวันนี้ไอหอกชานยอลลลลล!”
คยองซูร้องลั่นแถมเผลอเปิดประตูออกจนคนตัวสูงสามารถเห็นด้านในห้อง...
จงอินกำลังเอาเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง...
“ไอควาย
มึงจะไปฮันนีมูนเหมือนกันรึไงเนี่ยยยยยย T0T” ชานยอลแทบจะลมจับเมื่อเห็นภาพแบบนั้น แต่คยองซูก็ดูไม่ยี่หระเท่าไหร่
“พวกกูไม่ได้ไปที่เดียวกับมึงหรอกวางใจได้
-^-”
“ไอสัส บอกมา มึงจะไปไหน”
“ไปยุโรปเว่ย!”
“โอเค๊ -0- กูไปมัลดีฟ”
เขาพูดอย่างโล่งใจก่อนจะกลับไปกังวลต่อ “แล้วมึงปล่อยฮานฮานไว้หรอ”
“ก็กะจะให้ฮานฮานไปอยู่กับมึงเนี่ยยยย
=__=
จะไปฮันนีมูนพร้อมกันหาพ่อมึงรึไง”
“เอ้า แล้วนี่จะทำยังไง
กูไม่ปล่อยให้ลูกกูอยู่กับลูกมึงสองต่อสองแน่” ชานยอลแสดงความไม่ไว้ใจอย่างเปิดเผย
แหม่ เค้านอนด้วยกันทุกคืนยังไม่ไว้ใจอีกเร้อ
“ก็มึงไม่มาบอกกูตั้งแต่แรกวะ =O=
เอาเป็นว่าฮานฮานคงพาฮุนฮุนไปโรงเรียนได้แหละ
เดี๋ยวให้ฮานฮานปั่นจักรยานพาฮุนฮุนซ้อนท้าย อ้อ...
เดี๋ยวกูให้เงินค่าข้าวไว้ด้วย”
“ควาย อันตราย
ลูกมึงเป็นแชมป์จักรยานโลกไง๊สัส ไว้ใจจัง”
“ไม่ใช่แชมป์จักรยานแต่ก็เป็นคนเดียวที่จะเลี้ยงดูลูกมึงได้น่ะอีเหี้ย!
หุบปากแล้วกลับห้อง ก่อนที่กูจะเรียกเมียมึงมาลากกลับไป”
คยองซูปิดประตูกระแทกหน้าชานยอลจนเขาต้องยอมเดินกลับห้อง
“ว่าไงบ้าง”
เมียที่กำลังนั่งมาส์กหน้าให้ลูกหันมาถามเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา
“มันก็ไปฮันนีมูนเหมือนกัน
แต่ไปยุโรป... แล้วนั่นมึงกำลังทำอะไรกับลูกกู =___=” ชานยอลเดินเข้ามาใกล้ก็ยิ่งลมจับหนักกว่าเดิม
เพราะคุณลูกชายก็ดูเคลิบเคลิ้มที่ได้มาส์กหน้า T__T
“เดี๋ยวฮุนฮุนไปเจอพี่ฮานฮานแล้วหน้าไม่เด้งนี่แย่เลย”
เมียพูดยิ้มๆ ก่อนจะเกลี่ยมาส์กให้ทั่วหน้าลูกชาย “นอนนิ่งๆ นะลูก
เดี๋ยวอีกสิบห้านาทีม๊าจะพาไปล้าง”
ความจริงลูกกูก็ไม่เคะหรอก
แต่เมียกูดันเสือกเป็นตัวสนับสนุนซะนี่
“ชุนเอาหน้ามานี่หน่อย
มาส์กมันเหลือ”
“จ้ะ”
และเมะตัวโตๆ
อย่างเขาก็ต้องเชื่อฟังเมียทุกประการสิหน่า TT______TT
---------- มัลดีฟส์ ----------
“เย่ถึงแล้ววววววววววว >O<!!!!” แบคฮยอนกระโดดหย็องๆ เมื่อเรือสปีดโบทมาเทียบท่ารีสอร์ทหรู
ทรายสีขาวนิ่มๆ ที่ปลายเท้าสัมผัสยิ่งทำให้ทั้งคู่รู้สึกฟินอย่างบอกไม่ถูก
“เดี๋ยวคืนนี้รับประทานอาหารเย็นแล้วเข้านอนเลยนะครับ”
พนักงานเดินมาบอกพวกเขาเป็นภาษาอังกฤษ แต่สองคนนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเรียนเก่งกันทุกวิชาอยู่แล้วแม้กระทั่งภาษาอังกฤษ
=_=
“อยากเล่นน้ำ •w•”
“ดื้อ”
คนตัวสูงจูงมือก่อนจะจูบที่ขมับของเด็กดื้อแรงๆ ก็ดูสิ...
พระอาทิตย์กำลังจะตกดินอยู่แล้วยังมีหน้ามาเล่นน้ำ
เมื่อกี้พนักงานเค้าก็ไม่ได้กำหนดโปรแกรมให้ไปเล่นน้ำซักหน่อย
“งั้นพรุ่งนี้จะได้เล่นน้ำป่าว”
“ได้”
“อ่ะเก สบายใจ”
คนตัวเล็กพูดปลอบใจตัวเองก่อนจะเดินนำไปที่ห้องพัก
ทั้งคู่จองห้องล่วงหน้าแค่อาทิตย์นึงเท่านั้น แต่โชคดีที่ช่วงนี้ไม่ใช่ High
Season ราคาจึงไม่แพงหูฉี่แม้รีสอร์ทจะหรูมากแค่ไหนก็ตาม
หลังจากที่กินข้าวเย็นกันอิ่มหนำสำราญ
ทั้งคู่ก็กลับไปนอนในห้องอย่างอ่อนเพลียเพราะเวลาของมัลดีฟส์กับเกาหลีต่างกันถึงสี่ชั่วโมง
ตอนนี้ก็คงจะห้าทุ่มกว่าของเกาหลีแล้ว
แบคฮยอนกังวลอะไรบางอย่าง
แต่สุดท้ายก็ผล็อยหลับไป...
คืนนี้ชุนคงจะเหนื่อยล่ะมั้ง
คืนพรุ่งนี้ก็ยังมี
วันรุ่งขึ้นก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ
ทั้งคู่ไปดำน้ำด้วยกันและยังทำกิจกรรมผาดโผนหลายอย่าง
ผาดโผนที่ว่าก็คือเล่นกระดานโต้คลื่น, พายเรือแคนูและเล่นวินด์เซิร์ฟน่ะ -0-;
เล่นจนเหนื่อยและเพลียมาก
คนตัวเล็กนั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง
มองคนตัวสูงที่กำลังหลับอยู่บนเตียงตั้งแต่สามทุ่มอย่างเหนื่อยใจ เขาพูดตรงๆ
เลยว่าแอบไปค้นเจอเจลหล่อลื่นในกระเป๋าเดินทางและเขาก็อุตส่าห์เอามาตั้งโชว์ที่หัวเตียง
แถมยังแซวชานยอลเรื่องนี้ไปแล้วด้วย
แต่มันคงจะเหนื่อยมาก
เหนื่อยจนลืมไปแล้วว่า...
มึงมาฮันนีมูนนะครับ
ไม่ได้มาเข้าค่ายลูกเสือไอสัส
แต่คนตัวเล็กก็ขี้คร้านจะปลุกมาด่า
ยังไงซะก็เหลืออีกตั้งสองคืน...
ตั้งสองคืน...
หรือแค่สองคืน...
คืนสุดท้าย
...
“กูอาบน้ำก่อนนะ ง๊วงง่วง” ชานยอลพูดพลางเดินเข้าไปในห้องน้ำทันทีที่กลับมาจากด้านนอก
วันนี้พวกเขาไปเล่นโยคะกับพิลาทิสมา
จึงไม่ค่อยเหนื่อยมากแต่คืนนี้ท่าทางจะหลับสบาย
“ง่วงอีกละหรอ...”
เสียงเล็กพึมพำเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้คนซื่อบื้อได้ยิน
แบคฮยอนเดินไปนั่งที่โซฟาก่อนจะกดเปิดทีวี แต่ซักพักก็กดปิดเพราะเบื่อ
“เสร็จละ ไปอาบไป”
ชานยอลนุ่งผ้าขนหนูสีขาวผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำและไปส่องกระจกอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง
คนตัวเล็กจึงลุกจากโซฟาและเดินปึงปังไปที่ห้องน้ำ
แถมยังปิดประตูห้องน้ำดังลั่นจนเขาสะดุ้งโหยง
“เป็นไรของมันวะ...
หรือเราอาบก่อนเลยโกรธ -_-?”
ชานยอลพึมพำกับตัวเองก่อนจะใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวและลงไปนอนลืมตารอแบคฮยอนอยู่บนเตียง
ถึงเขาจะง่วงหรือเหนื่อยขนาดไหนแต่เขาก็อยากให้เด็กดื้อเป็นฝ่ายหลับก่อน
ไม่นานนักเขาก็ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิด
แต่เด็กดื้อยังไม่ยอมออกมา...
ตึงๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงเด็กดื้อที่ว่ากำลังวิ่งมาที่เตียงก่อนจะนอนทับร่างสูง...
... ด้วยร่างกายเปลือยเปล่า
“เฮ้ย!!
ไปใส่เสื้อผ้า!!”
คนตัวสูงที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกตะโกนเสียงดัง แต่ถึงปากจะขัดขืนอย่างไร
มือหนาทั้งสองก็โอบที่สะโพกนิ่มไว้เรียบร้อยแล้ว
“พรุ่งนี้กลับแล้ว...” คนตัวเล็กที่ตอนนี้เนื้อตัวแดงเพราะความเขินพูดพึมพำเบาๆ
ตอนนี้สิ่งเดียวที่กั้นความเตลิดได้ก็มีเพียงบ็อกเซอร์ของร่างสูงเท่านั้น
“พรุ่งนี้กลับแล้วทำไม!
ไปใส่เสื้อผ้า!”
“จะไม่มีอะไรกันจริงๆ หรอ”
ร่างเล็กถามขึ้นอย่างเหนื่อยใจ เมื่อกี้รวบรวมความกล้ามากเท่าไหร่คนตัวสูงไม่เคยจะรู้เลยรึยังไง
“ค่อยกลับไปทำที่เกา...”
“เอางั้นก็ได้”
แบคฮยอนพูดพลางผละออกจากร่างสูงและลงไปนอนตะแคงบนเตียง
คนตัวสูงเองก็เกิดอาการซื่อบื้อขึ้นมากะทันหัน
รีบคว้าผ้าห่มไปห่มให้เพราะเนื้อขาวๆ นั่นไม่ทำให้น้องชายของเขาอยู่สุขเท่าไหร่
“ห่มผ้าก่อนนะ...”
“ไม่ต้องมาแตะ!” เสียงเล็กตวาดลั่นและนั่นทำให้คนตัวสูงชะงัก...
ชิบหายแล้วววววววววววววววววววววววววววววววววว
“บุ๊ค ห่มผ้าก่อนนะ
เดี๋ยวไม่สบา...”
“ไม่เอา”
ร่างเล็กยังคงตอบกลับด้วยคำปฏิเสธจนคนตัวสูงไม่สบายใจ
รีบคว้าร่างเล็กเข้ามาแนบอกตัวเอง
“เป็นอะไรหื้ม...”
ชานยอลจูบที่ต้นคอของแบคฮยอนเบาๆ แต่มือเล็กก็ยันหัวเขาไว้
“ไม่ชอบกูก็บอก...
ไม่ต้องมาเอาใจอย่างนี้หรอก”
“เฮ้ย ทำไมพูดแบบนี้”
เขาจับคนตัวเล็กให้หันมาหาตัวเองดีๆ แต่พอเห็นน้ำตาที่คลอเบ้าอยู่ในตาก็ต้องถอนหายใจออกมา...
แบคฮยอนเป็นคนชอบคิดเป็นตุเป็นตะล่วงหน้าเสมอ
“ถ้ามึงเหนื่อย
ก็ไม่ต้องมีอะไรกันก็ได้นะ... แหะ ^^” พอพูดประโยคคนดีจบ ก็จะยิ้มทั้งที่น้ำตาคลอเบ้า... เป็นอย่างนี้ทุกที
“ที่กูไม่ทำอะไร
เพราะกูกลัวมึงเหนื่อยจนไม่อยากมีอะไรกับกู” ร่างสูงพูดความจริง เขากลัวว่าถ้าแสดงความหื่นมากเกินไปอาจจะโดนถีบตกเตียง
จึงไม่ได้ทำอะไรเกินเลยมาตลอดสามวันที่ผ่านมา
“แค่อยู่กับมึงก็ไม่เหนื่อยแล้ว
ไม่เคยเหนื่อ...” พูดไม่ทันขาดคำก็ถูกปิดปากด้วยจูบหนักๆ จากคนตัวสูง
เขาพลิกให้ร่างตัวเองอยู่ด้านบนก่อนที่มือขวาจะไล้ไปตามร่างกายเนียนนิ่ม
ลิ้นร้อนรุกเข้าไปในโพรงปากเล็กก่อนจะดูดดึงและเกี่ยวตวัดปลายลิ้นดื้ออย่างแรง
เขาผละจากริมฝีปากเล็กและใช้ปลายลิ้นลากเลียไปที่ปลายคางมน จุมพิตเบาๆ ที่ต้นคอขาวและจูบซ้ำๆ
จนเป็นรอยแดง ร่างสูงพรมจูบตั้งแต่ต้นคอ ไหปลาร้า หัวไหล่ และจูบเบาๆ
ที่ไฝเม็ดเล็กๆ บนหน้าอกขาวอีกด้วย
“ชุน...”
“หืม”
เสียงทุ้มตอบรับขณะที่มือยังวุ่นวายกับการบีบคลึงสะโพกนิ่ม
“รักชุนนะ...” ประโยคสั้นๆ
แต่ก็ทำให้คนตัวสูงหัวปั่น นี่จะยั่วกันไปถึงไหน
“รักบุ๊คเหมือนกันครับ”
เขาตอบก่อนจะใช้ปลายลิ้นชื้นเขี่ยเล่นที่ยอดสีชมพูที่กำลังแข็งเด่นขึ้นมา ริมฝีปากหนาห่อตัวก่อนจะดูดดึงยอดนั้นราวกับผึ้งกำลังดูดเกสรดอกไม้สีชมพู
ลิ้นหนายังคงดูดดึงและโลมเลียไปทั่วร่างกายเนียนขาวไม่รู้เบื่อ
ก็เขาเป็นยามเฝ้าร่างกายนี้มาตลอดยี่สิบปี... เขาก็ต้องเป็นคนเดียวบนโลกใบนี้ที่จะครอบครองมันได้
แต่เขากำลังทำให้คนตัวเล็กตายเสียก่อน
เพราะปลายลิ้นเริ่มไล้ลงไปลึกขึ้นทุกที
เขาเลียท่อนเนื้อร้อนของแบคฮยอนที่กำลังสั่นระริก
และตวัดลิ้นเข้าไปในช่องทางรักเบาๆ
มิหนำซ้ำยังจูบที่ต้นขาด้านในของคนตัวเล็กจนเป็นรอยแดงไปหมด
“อ๊ะ... อ... อื๊อ...”
ร่างเล็กบิดเร่าด้วยความทรมาน เพราะคนด้านล่างทำอะไรต่อมิอะไรตามใจตัวเอง
จนมือเล็กเผลอขยุ้มที่ผมของคนด้านล่างเบาๆ
“อืม...”
แต่การขยุ้มปลายผมก็เหมือนเป็นการกระตุ้นให้ชานยอลยิ่งเกิดอารมณ์มากขึ้นเท่านั้น
เขาเอื้อมตัวไปหยิบเจลหล่อลื่นที่อยู่บนหัวเตียงก่อนจะบีบมันมาทาที่นิ้วของตัวเอง
และค่อยๆ สอดนิ้วสองนิ้วเข้าไปในช่องทางวาบหวาม
“เอาเลย... ไม่ต้องนิ้วแล้ว”
แต่เหมือนร่างเล็กจะไม่อยากเสียเวลา
แขนเล็บโอบรอบลำคอคนตัวสูงก่อนจะจับให้โน้มตัวมาจูบตนอีกครั้ง
จากนั้นจึงเปลี่ยนจากจับคอเป็นจับบ็อกเซอร์ของชานยอลและดึงมันลงขณะที่ริมฝีปากทั้งคู่ยังติดเกี่ยวตวัดกัน
“หืม... ดีมากครับ”
เมื่อริมฝีปากทั้งคู่ผละออกจากกัน คนตัวสูงก็เอ่ยปากชมทันที เขายกขาทั้งสองข้างของแบคฮยอนมาเกี่ยวที่เอวของตัวเอง
ก่อนที่มือหนาจะบีบคลึงก้นนิ่มและยกสะโพกแบคฮยอนให้เชิดขึ้น ร่างเล็กหลับตาปี๋เพราะมีอะไรบางอย่างกำลังแตะอยู่ที่ช่องทางรักของเขา...
และกำลังค่อยๆ
ลึกเข้ามาในร่างกายเขามากขึ้นทุกที
“อึก... จุกง่ะ...”
แบคฮยอนพูดออกมาตรงๆ มือเล็กขยุ้มผ้าปูที่นอนเสียจนแทบขาด
เขายันตัวเองขึ้นมาจากเตียงเพื่อมองแกนกายของคนตัวสูงที่กำลังบดเบียดความอึดอัดเข้ามาในร่างกายเขา
“มองอะไรหื้ม”
ชานยอลเอ่ยปากถามก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์
เห็นคนตัวเล็กหน้าแดงขึ้นมาวาบหนึ่งพลางล้มตัวลงไปนอนกับเตียงต่อ
“อ๊ะ... ก... ก็อยากรู้นี่...”
เสียงเล็กพึมพำก่อนจะยอมปล่อยให้คนตัวสูงดันแกนกายใหญ่เข้ามาในร่างกายตัวเอง เจลหล่อลื่นที่ติดอยู่นิดหน่อยในช่องทางรักเหมือนทำให้คนตัวเล็กรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก
ร่างสูงปล่อยให้ช่องทางรักคับแคบของแบคฮยอนขมิบตอดแกนกายตัวเองจนพอใจ
ในที่สุดเขาก็เริ่มขยับสะโพกเป็นจังหวะช้าๆ
มองเห็นคนตัวเล็กกำลังหลับตาแน่นจึงรีบเรียกให้ลืมตา
“บุ๊ค... มองกูสิ” คนตัวเล็กค่อยๆ
ปรือตามอง ดวงตาเรียวเล็กมองตั้งแต่ใบหน้าหล่อคมที่กำลังยิ้มมุมปาก...
เส้นผมและลำคอที่เปียกเหงื่อชื้นทำให้ดูเซ็กซี่เป็นเท่าตัว... ไหล่กว้างและท่อนแขนกำยำที่กอดกี่ครั้งก็อุ่น
สายตาไล้ลงมาจนถึงหน้าท้องที่มีซิกแพ็กน้อยๆ กำลังดี และกระดูกเชิงกรานตรงสะโพกที่ดูเซ็กซี่กว่าอะไรทั้งหมด
คนตัวเล็กรีบเบือนหน้าแดงๆ หนี...
เห็นแล้วมันเขินชะมัด
“ชุนเป็นของบุ๊คแล้วนะ...
ทุกอย่างนี่ของบุ๊คหมดเลยรู้มั้ย”
“ร... รู้แล้ว”
คนตัวเล็กแอ่นอกอย่างเสียวซ่าน เพราะประโยคที่ว่านี่ไม่ได้พูดธรรมดา...
แต่ก้มลงมากระซิบข้างหูแล้วจูบเบาๆ ที่ใบหูอีกต่างหาก
“องค์ชายน้อยอยากได้อะไรครับ...
เดี๋ยวองครักษ์จะทำให้ทุกอย่าง”
ร่างสูงพูดก่อนจะถอนแกนกายตัวเองออกเหลือแค่ครึ่งเดียว ยิ่งทำให้คนถูกสอดใส่บิดเร้าเพราะเสียวแทบขาดใจ
“องครักษ์... ช่วยหน่อย...”
“ครับ?”
“ช่วย... อึก... ลึกๆ”
องครักษ์ชุนไม่ต้องตอบอะไรให้มากความ
เขาดันแกนกายของตัวเองเข้าไปในช่องทางรักที่ตอดเขาจนมิดหายไปทั้งด้าม สะโพกแกร่งยังคงขยับไม่หยุดและเพิ่มจังหวะมากขึ้นทุกที
“เจ็บมั้...
เจ็บมั้ย”
“อ... อ๊า... อ๊ะ... ชุน...
ไม่ต้อง... อึก... ยั้ง...” ภรรยาครางเสียงหวานแถมยังอนุญาตให้สามีทำอะไรได้ตามใจชอบ
ได้ยินแบบนั้นก็รีบเดินเครื่องจนสุดแรงจนสายธารสีขาวขุ่นก็ออกมาพร้อมๆ กัน
“อา~ เหนื่อยแต่สุขใจเหี้ยๆ”
คนตัวสูงถอนแกนกายตัวเองออกก่อนจะล้มลงไปนอนบนเตียง
คว้าเสื้อกล้ามสีขาวที่วางอยู่ล่างเตียงขึ้นมาและหยิบให้ภรรยา
“เอามาทำ... เฮ้อ... ไม...”
แบคฮยอนยังเหนื่อยอยู่จึงพูดไปหอบไป
“ใส่ซะ... เดี๋ยวป่วย”
ถ้าเขามีแรงกว่านี้ก็ตั้งใจจะเดินไปหยิบเสื้อแขนยาวมาให้ใส่หรอก
แต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้วจริงๆ อยากจะหลับเสียให้ได้ตรงนี้
“ครั้งเดียวเองหรอ...”
แบคฮยอนลุกขึ้นมานั่งมองหน้าสามีก่อนจะใส่เสื้อกล้ามตามคำสั่ง
คนตัวสูงจึงลืมตาขึ้นไปสำรวจความเรียบร้อย
แล้วนั่นกำลังทำอะไร...
ดึงเสื้อกล้ามมาปิดส่วนลับแล้วนั่งพับเพียบโชว์ขาขาวๆ
ตาแป๋วๆ นั่นก็เหมือนกำลังจะอ้อนเขาให้ลุกขึ้นมาทำอีกครั้ง
“ง่วงแล้วง่า...”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือเล็กคล้ายๆ จะขอโทษ
ร่างสูงหลับตาลงช้าๆ และตั้งใจจะเข้าสู่ห้วงนิทรา
แต่ก็หลับไม่ลง
เพราะเขากลับได้ยินเสียงครางกระเส่าอยู่ไม่ไกล
“อื๊อ... ชุน... ลึก...
อ๊ะตรงนั้น... อ... อ๊ะ” ร่างสูงรีบลืมตาเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง
และภาพที่เห็นคือ...
เมียสุดที่รักนั่งชันเข่าแหกขาอยู่บนเตียง
แถมนิ้วสามนิ้วของคุณเมียก็กำลังชักเข้าชักออกอยู่ตรงช่องทางรักนั้น!
“ชิบหายเอ๊ย”
ชานยอลสบถออกมาเพราะตาก็อยากจะปิด
แต่น้องชายดันอยากจะไปเปิดช่องนั้นให้กว้างกว่าเดิมซะให้ได้
เขาลุกขึ้นก่อนจะดันคนตัวเล็กให้ลงไปนอนบนเตียงอีกครั้ง
แต่เจ้าเด็กดื้อก็ไม่ยอมปล่อยนิ้วออกจากร่างกายตัวเองซักที
“อึก... นอนไปเซ่! ไม่ต้อง... อ๊ะ...” คนตัวเล็กหมายจะช่วยตัวเองประชดสามี แต่สามีไม่ทนละ
“เอามือออก” เขาสั่ง
เพราะตอนนี้แกนกายอันร้อนระอุของเขากำลังจะระเบิดในไม่ช้า
“ไม่!” ร่างเล็กดื้อจนวินาทีสุดท้าย แต่ชานยอลก็ไม่ยอมง่ายๆ
เขายกขาข้างหนึ่งของแบคฮยอนมาพาดบ่าและค่อยๆ
ดึงนิ้วทั้งสามที่ผลุบหายเข้าไปในช่องทางรักให้ออกมา
ก่อนจะยัดท่อนเนื้อใหญ่โตให้เข้าไปในนั้นอย่างคล่องแคล่ว
“อึก... คนบ้า! ง่วงก็ไปนอนเด้!”
แบคฮยอนปีกกล้าขาแข็งตะโกนด่าชานยอลปาวๆ
ใบหน้าน่ารักเหยเกเพราะขนาดที่ใหญ่ของชานยอลจนทำให้เขาจุกอีกรอบ
“ไม่ง่วงแล้วโว้ย!
เมียเอ็กซ์แตกขนาดนี้ให้กูไปชักว่าวต่อในฝันไง๊!” คนตัวสูงชักจะของขึ้น แหม ตอนอยู่เกาหลีบอกให้สอน
แต่เอาเข้าจริงแม่งเป็นฝ่ายสอนกูซะงั้น
“อ๊ะ... ลึกหน่อย... อ... อ๊า~” เสียงหวานยังคงครางกระเส่าอยู่ตรงหน้า
ร่างสูงฮึมฮัมในลำคอก่อนจะขยับสะโพกแรงและรัวจนในที่สุดคนตัวเล็กก็ปล่อยน้ำรักออกมาจนหมด
“ต่อนะ”
“ไม่ต่อแล้วไอเหี้ยชุน มึงนอนเลย ปวดขาแล้วเนี่ย!” แบคฮยอนดันอกแกร่งให้ออกไปจากตัวเอง ก่อนจะตะแคงข้างหนี
คนตัวสูงหัวเราะเบาๆ เป็นการยอมจำนนพลางล้มตัวลงไปนอนกอดคนตัวเล็กไว้แน่น
แต่คงลืมไปว่า...
ท่อนล่างไม่ได้ใส่อะไรทั้งคู่อู้วอู้วอู้วอู้ว...
“ฟัค...” แบคฮยอนสบถออกมาเบาๆ
เมื่อรู้ว่ามีอะไรมาดันก้นเขาอยู่
“ขออีกทีได้ปะ”
กลายเป็นว่าแบคฮยอนเริ่มจะง่วงนอน แต่ไอ้คนบ้าแถวนี้เสือกตื่นทั้งร่างกายและร่างแกน
(?)
“ไม่-เอา •w•” แบคฮยอนพลิกตัวกลับมาก่อนจะทำหน้าตามุ้งมิ้งใส่
“(._.)”
“ไม่-เอา-ที-เดียว •w•”
“ฮืม...”
...
งานนี้ใครหลับก่อนแพ้อ่ะจ้า
กิกิ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น