วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2557

ภษคส : 16 B, I think we're 'the experts' now. (+nc)



16

B, I think we’re ‘the experts’ now.

(บี, กูว่าตอนนี้เราเป็น ผู้เชี่ยวชาญแล้วแหละ)






                “ฮุนฮุน ตื่นได้แล้ว เร็วๆ เดี๋ยวพี่จะได้ไปทำข้าวเช้าให้กิน” เสียงนาฬิกาปลุกทำให้คนเป็นพี่ลุกขึ้นมาก่อน เขาปีนบันไดจากเตียงชั้นบนลงมาชั้นล่างและปลุกให้น้องตัวเล็กที่กำลังเอานิ้วโป้งอมไว้ในปากรีบตื่น

                “งืออออออออ ฮุนฮุนอยากกินข้าวไข่ข้นแฮมจี๊ด”

                “แฮมชีสครับ เดี๋ยวพี่ทำให้นะ ไปอาบน้ำก่อน” คนตัวสูงที่ได้รับหน้าที่แก้คำผิดให้น้องรีบดันหลังเด็กน้อยให้เข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะออกไปที่ห้องครัว แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นผู้ใหญ่สองคนกำลังวุ่นวายอยู่ในห้อง...

                “พี่มินซอกกกกกกกกก!! พี่ใส่น้ำปลาเยอะเกินไปแล้วนะ! เดี๋ยวลูกพวกมันเป็นโรคไตตายขึ้นมาทำไง จะบริจาคไตให้พวกมันคนละข้างมั้ยห้ะ!?

                “ถ้ากูบริจาคไตให้พวกมันคนละข้างกูก็ไม่เหลือไตในตัวกูเลยสิ =_=

                “งั้นเดี๋ยวผมบริจาคไตผมให้พี่อันนึงก็ด้ะ -0- เฮ้ยยยยยย! ยังจะใส่น้ำปลาอีกว่ะ คนไรวะพูดไม่ฟัง”

                “คนที่เป็นผัวมึง”

                “เมียดิ”

                “เออนั่นแหละ เหมือนกัน”

                “ไม่เหมือน!!! อ้าว! ลู่หานนา~ มาพอดีเลย น้ามินซอกศิษย์เจ๊จวงกำลังทำผัดผักให้กินอยู่นะ ไปอาบน้ำกับน้องก่อนไป” จงแดหันมาเจอลู่หานจนได้

                “ในนั้นมีผักอะไรบ้างอ่ะครับน้าจงแด”

                “แครอท ผักกาดขาว เห็ดเข็มทอง แล้วอะไรอีกนะ... อ๋อ หัวไชเท้า!” เด็กหนุ่มที่แอบหัวเราะกับบทสนทนาเมื่อกี้ยิ้มรับรายชื่อผักในอาหารก่อนจะเดินกลับไปอาบน้ำ

                “ฮุนฮุน~ พี่เข้าไปอาบด้วยได้มั้ยครับ”

                “ดั้ยๆ” เด็กน้อยตะโกนออกกลับมา ลู่หานจึงบิดลูกบิดประตูเข้าไปในห้องน้ำอย่างระวัง เห็นเซฮุน (ตัวขาวจั๊วะ) กำลังนั่งแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำกับเป็ดสีเหลืองสามตัว เขาจึงค่อยๆ ถอดชุดนอนและเดินไปแช่ตัวด้วย

                “ข้าวไข่ข้นแฮมจี๊ด”

                “แฮมชีสครับ” ลู่หานถอนหายใจออกมา ไม่อยากจะเชื่อว่าน้าบุ๊คทนแก้คำผิดของฮุนฮุนมาตลอด “ไม่ได้กินแล้วนะ น้าจงแดกับน้ามินซอกกำลังทำผัดผักให้กิน”

                “ฮุนฮุนไม่ชอบกินผัก”

                “แครอท ผักกาดขาว เห็ดเข็มทอง หัวไชเท้าครับ”

                “ฮุนฮุนไม่ชอบซักกาอย่าง” เด็กน้อยเบะปากก่อนจะเอามือตีน้ำเพราะไม่ได้ดั่งใจ

                “ต้องเลือกมาสองอย่างครับ ไม่งั้นพี่ฮานฮานจะเปลี่ยนชื่อเป็นลู่หานนะ” 

                “... แคเหราะกับเข็มทองก็ด้ะ (.___.)” ไม่รู้ทำไมขู่ด้วยประโยคนี้ฮุนฮุนก็จะยอมเสมอ

                “แครอทกับเห็ดเข็มทองต่างหาก เอ้า... ขึ้นจากน้ำได้แล้วนะ เดี๋ยวเป็นหวัด” ฮานฮานลุกขึ้นจากน้ำก่อนและอุ้มฮุนฮุนให้ออกมาจากอ่าง มือหนาหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดตามลำตัวเล็กอย่างเบามือก่อนจะพาไปแปรงฟันที่หน้ากระจก


                เด็กน้อยยังแปรงฟันได้ไม่เก่งนัก ลู่หานจึงต้องบีบยาสีฟันและนั่งยองๆ แปรงให้น้องอย่างนุ่มนวล ในมือเซฮุนมีเป็ดน้อยสองตัวที่หยิบมาจากในอ่างอาบน้ำ เขาเอามันมาเคาะเล่นบนไหล่พี่ชายจนมีเสียงดังปี๊บๆ ตลอดเวลา


                “เอิ๊กๆๆๆๆ” เด็กน้อยหัวเราะชอบใจ

                “อย่าหัวเราะสิ เดี๋ยวสำลักหรอก”

                “ง่าาา~” ฮุนฮุนส่งเสียงขัดใจก่อนจะยอมอ้าปากนิ่งๆ ให้พี่แปรงฟัน

                “พี่ไม่ดุไปใช่มั้ย...” คนตัวสูงค่อยๆ เอาแปรงสีฟันออกจากปากน้องก่อนจะหยิบแก้วน้ำให้น้องบ้วนปาก เซฮุนไม่ตอบอะไรพลางบ้วนปากจนฟองหายหมดปาก

                “ฮุนฮุนเข้าใจ >___<” เด็กน้อยยิ้มตาหยีก่อนจะพูดต่อ “เพราะพี่ฮานฮานกลัวว่าจะทำให้ป๊ากับม๊าฮุนฮุนผิดหวังใช่ม้า อิอิ”

                “ฮึ่ย รู้ตัวก็ดีแล้ว~” คนเป็นพี่เอามือขยี้หัวน้องจนยุ่งเหยิงไปหมด ก่อนจะเนียนๆ ลงไปหอมแก้มฟอดใหญ่ 


                พอดีเป็นคนรักเด็กนะครับ (. / / / / / / / / / / / / .)


                ...

                แต่เหมือนเด็กจะไม่รัก 5555555555555555555555555



                เมื่อสองพี่น้อง (?) อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ออกมาที่ห้องครัว ซึ่งภาพที่เห็นคือน้าจงแดกำลังใช้กำลังคร่อมน้ามินซอกอยู่บนโซฟา แต่เหมือนน้ามินซอกจะไม่ได้เกิดความรู้สึกหมดหนทางสู้ กลับทำสีหน้าเย้ยหยันซะด้วยซ้ำ


                “ปิดตาไว้ฮุนฮุน” พี่ฮานฮานเอื้อมตัวจากด้านหลังมาปิดตาน้องทันที

                “ไม่ถึงขั้นนั้นเว่ยฮานฮาน! ไอ้บ้าน้ามินซอกแม่งกวนตีนน้าเฉยๆ” จงแดรีบลุกขึ้นจากตัวมินซอกก่อนจะจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย

                “ฮุนฮุนหิว” เด็กน้อยที่ไม่ได้สนใจเรื่องราวอะไรเดินไปที่โต๊ะอาหารก่อนจะมองกับข้าวบนโต๊ะ

                “สัญญาอะไรกับพี่ไว้”

                “แคเหราะกับเข็มทอง” ฮุนฮุนพูดพลางเขี่ยผักไม่พึงประสงค์ที่เหลือออกอย่างไม่ไยดี 

                “อ่ะเด็กๆ กินเร็วๆ เดี๋ยวพวกน้าจะไปส่งที่โรงเรียน”

                “ฮุนฮุนจะซ้อนท้ายพี่ฮานฮานไปโยงเยียน”

                “โรงเรียนครับ” ฮานฮานแก้ก่อนจะหันไปพูดกับผู้ใหญ่ทั้งสอง “คือ... ผมปั่นจักรยานไปให้ได้ครับ ไม่เป็นไร”

                “ไม่เป็นไรได้ไง พ่อไอ้ฮุนฮุนมันไม่ไว้ใจฮานฮานน่ะ =___= แล้วถ้าสองคนนี้เป็นไรไปขึ้นมาพวกน้าซวยเลย” มินซอกรีบบอก เพราะภาพที่ชานยอลเดินมาขอร้องกึ่งบังคับยังคงอยู่ในหัว...


                ถ้าลูกผมเป็นอะไรไป ผมคงจะ... จะไม่ไว้ใจพี่อีกเลย (.__.)’


                เออ ไอควาย คราวหลังเอาปืนมาจ่อขมับกูแล้วสั่งให้กูมาดูแลลูกมึงก็ด้ะ



                “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมอายุสิบสองแล้วนะ จะขึ้นม.หนึ่งแล้วนะครับ นี่ก็ใกล้จะเวลางานแล้วด้วย... รีบไปทำงานเถอะครับ” ลู่หานหว่านล้อมทุกอย่าง ก็แหม... อยากให้น้องมานั่งซ้อนท้ายนี่นา แต่เหมือนเด็กเขี่ยผักจะไม่สนใจ ก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเดียว

                “งั้น... ขับดีๆ นะ 5555555555555555555555 บั๊ย” จงแดกับมินซอกรีบถลาออกไปจากห้องทันที เพราะพวกเขาจะเข้างานสายแล้วจริงๆ ลู่หานจึงหันมามองเซฮุนที่กำลังเดินไปวางจานข้าวที่อ่างล้างจาน

                “กินข้าวเสร็จแล้วต้องทำอะไรต่อครับ?”

                “อึอึ๊”

                “ถ้าอึ๊ไม่ออกมาบอกพี่นะ เดี๋ยวพี่ให้กินน้ำส้ม” ลู่หานพูดก่อนจะก้มหน้าก้มตากินผัดผักให้หมด ความจริงเขาก็ไม่ใช่คนชอบกินผัก แต่เมื่อกลายเป็นพี่คนจึงต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้อง



                ไม่นานนักเซฮุนก็เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมรอยยิ้มแป้นแล้น คงจะอึออกสบายดี ลู่หานจึงรีบล้างจานให้เสร็จและทั้งคู่ก็พากันเดินออกมาจากคอนโด 


                จักรยาน Samchuly สีแดงรุ่นมีเบาะซ้อนท้ายจอดรออยู่ในช่องจอดจักรยานของคอนโด ลู่หานเอากระเป๋านักเรียนของตัวเองไว้ในตะกร้า ก่อนจะกวาดขาขึ้นไปนั่งที่เบาะคนขับ เด็กน้อยจึงรีบกระโดดขึ้นซ้อนท้ายพลางคว้าเอวพี่ลู่หานไว้เต็มๆ

                “ฮุนฮุนห้ามทำให้พี่วอกแวกนะ ห้ามจี้เอวพี่ด้วย” ลู่หานหันมากำชับ

                “ก๊าบ”

                “กอดพี่ไว้แน่นๆ ด้วยนะ แล้วถ้ามีอะไรก็โดดลงจากจักรยานเลย เข้าใจรึเปล่า”

                “ก๊าบ”

                “แล้วฮุนฮุนอาจจะไม่ได้ยินที่พี่พูดนะ แต่พี่ได้ยินที่ฮุนฮุนพูด เข้าใจมั้ย แล้วถ้า...”

                “รู้แล้วก๊าบ ฮุนฮุนจะพูดคนเดียว จะไม่เซ้าซี้ จะเกาะเอวพี่ฮานฮานอย่างเดียวเลย” เด็กน้อยพูดจบก็เอาใบหน้าแนบกับแผ่นหลังของคนเป็นพี่ ลู่หานพยายามกลั้นรอยยิ้มกว้างไว้ก่อนจะค่อยๆ ออกรถ


                ร่างสูงพยายามปั่นอย่างมีสติไปตามทางจักรยาน มีบางครั้งที่ฮุนฮุนเผลอร้องตื่นเต้นออกมา เพราะเด็กน้อยไม่ค่อยได้ออกมากินลมชมวิวแบบนี้เท่าไหร่นัก


                “พี่ฮานฮาน ฮุนฮุนมีอะไรจะบอกแหละ...”

                “...” เขาเงียบรอฟัง รู้ว่าตะโกนแข่งกับเสียงลมและเครื่องยนต์ไม่ได้ช่วยอะไร

                “ที่ฮุนฮุนพูดผิดบ่อยๆ เพราะฮุนฮุนไม่อยากให้ตัวเองเป็นคนจบบทสนทนาน่ะ...”

                “...”

                “ฮุนฮุนชอบมองหน้าคนแก้คำผิด... ทุกคนเบื่อ แต่ก็มีรอยยิ้มเล็กๆ เหมือนกำลังมีความสุขที่ได้เป็นผู้ใหญ่กว่า ฮุนฮุนชอบดูหน้าคนพวกนั้น สนุกดี~” คนฟังได้แต่ยิ้มตาม... เพราะเท่าที่สังเกต ฮุนฮุนจะพูดคำผิดเฉพาะป๊าม๊าตัวเอง...


                ... และพี่ฮานฮานเท่านั้น


                คนฟังไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป แต่รีบปั่นให้ถึงโรงเรียนให้เร็วที่สุด เขารีบจอดในที่จอดจักรยานก่อนจะนั่งยองๆ คุยกับน้องฮุนฮุน



                “ถึงโยงเยียนแย้วนะฮุนฮุน”


                “พี่ฮานฮานอย่ามาเลียนแบบฮุนฮุนเจ่ะ!!!” เด็กน้อยเอามือเล็กๆ ทุบไหล่คนขี้แกล้งเบาๆ ก่อนจะเบะปากแสนงอน

                “ไม่ได้เลียนแบบซักกะหน่อย เอาเป็นว่าเลิกเรียนแล้วต้องทำยังไง”

                “อยู่กับครูจินรีแล้วก็แทคยอน” เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าศัตรูอย่างแทคยอนและเซฮุนกลายเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ได้ยินมาว่าซูจองเริ่มสนิทกับเซฮุนมากขึ้น นี่คงเป็นเหตุผลที่แทคยอนเข้ามาตีสนิทเซฮุนล่ะมั้ง

                “แล้วฮุนฮุนต้องรอพี่เลิกเรียนถึงกี่โมง?”

                “สามโมง” เด็กน้อยตอบฉะฉาน 

                “ผิด...”

                “...”



                ฉามโมงตะหาก”

                “พี่ฮานฮานอย่ามาเลียนแบบฮุนฮุนได้มั้ยยยยยยยยยยยยย!!” เด็กน้อยตั้งใจจะกระโดดเตะเต็มที่ ทำเอาพี่ฮานฮานวิ่งหนีไม่ทัน แต่เมื่อเห็นว่าน้องเลิกเตะแล้วจึงหันมาบ๊ายบายก่อนจะขึ้นชั้นเรียน


               
                จะแกล้งไปจนกว่าจะรักเลยคอยดู




 **********





หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป


---------- เมื่อเคะคุยกัน ----------


                “ตกลงว่าคืนนั้นใครหลับก่อน =___=

                “กู! แต่กูก็ยอมเป็นฝ่ายแพ้นะ... อย่างน้อยมันก็ไม่เบื่อกู กิกิ”

                “ดีจ้าดี เชอะ”

                “เอ้า ทำไมพูดงี้ล่ะ... ตัวเองไม่โดนอะไรหรอ...”

                “เออเสะะะะะะะ!!!! แม่งพากูไปเดินแรดๆๆๆๆ ในอิตาลีทั้งวันเลยห่า แล้วตอนกลางคืนแม่งก็เหนื่อยสายตัวแทบขาด ไม่ได้ทำอะไรกันเลยอ่ะมึงเอาจริง”

                “แหม มึงไม่อ้อนมันเองนี่หว่า กูนี่อ้อนสุดตัวเลยนะ แต่ไม่บอกหรอกว่าทำไร (. / / / / / / / / .)

                “ไม่ต้องบอกหรอกอิห่า”

                “มึงต้องอ้อนมันเลยเว่ยยยยยยยย ช่วงแรกๆ ก็ทำเป็นงอนก่อน พยายามหาคำพูดมาตัดพ้อแม่ง เดี๋ยวซักพักมันก็ทนไม่ไหว ปล้ำมึงเองแหละ”
                

                ...

                เดี๋ยวก็ทนไม่ไหวหรอ...
               




---------- เมื่อเมะคุยกัน ----------


                “พี่โด้ไม่ยอมคุยกับผมมาตั้งแต่กลับจากอิตาลีอ่ะ TT___TT สามวันละพี่”

                “เอ้า เที่ยวหนักเกินอ่ะเด้”

                “ผมเหนื่อยชิบหายอ่ะพี่เอ๊ยยยยย กลัวพี่โด้เค้าจะเหนื่อยด้วย ก็เลยไม่กล้าทำอะไร เดี๋ยวโดนถีบตกเตียงขึ้นมาซวยเลย”

                “กูก็เหนื่อย บุ๊คก็เหนื่อย แต่ตอนจบแม่งก็ยั่วกู เอ็กซ์เหี้ยๆ กูเลยไม่ทน ปล้ำแม่ง”          

                “พี่ไม่ต้องใส่อารมณ์ขนาดนั้นก็ด้ะ =__= หมั่นไส้นะ”

                “เอ้า... มึงยอมได้ไงวะจงอิน คืนนี้เอาเลย”

                “คืนนี้เลยอ่อ...”

                “คืนนี้เล๊ยยยยยยยยย กูรู้อีแรดนั่นก็รออยู่ เชื่อกู เล่นท่าพิสดาร รับรองหายโกรธ”


                ...

                รับรองหายโกรธ...



**********




                เมื่อตัดสินใจวางแผนพิสดารเรียบร้อยแล้ว คุณเจก็รอจังหวะให้คุณเคหลับก่อน...

                ... แล้วค่อยปลุก -_-;



                “คุณเคๆๆๆ ตื่นเร็ว มีเซอร์ไพร์สๆๆ” เขาเขย่าตัวคุณเคอย่างกวนส้นตีนมากๆ คนถูกปลุกพลิกตัวกลับมาหาก่อนจะชกเข้าให้ที่แก้มดำๆ

                “กว่ากูจะหลับได้ ไอห่า นี่กี่โมงกี่ยามแล้วห้ะ”

                “โอย ตีหนึ่งแล้ว เร็วหน่า มีเซอร์ไพร์สๆๆ” จงอินยังยืนยันคำเดิมแม้จะเจ็บแก้มนิดหน่อยก็เถอะ เขารู้ว่าหมัดนี้เป็นหมัดอ่อนๆ ถ้าหมัดจัดเต็มอาจจะเจ็บจนร้องไห้ได้


                 จงอินลากคยองซูที่ใส่ชุดนอนลงมาข้างล่างคอนโด และพาไปที่สวนสาธารณะที่เดิม เขาหยิบเสื่อมาด้วย แต่ไม่ได้ตั้งใจจะมาตื๊ดตื๊ดกันตรงนี้หรอกนะ กลัวยามเป่านกหวีดไล่ เขาวางแผนไว้พิสดารกว่านั้น...


                “คุณเคไม่คุยกับคุณเจมาสามวันติดแล้วนะครับ” จงอินพูดก่อนจะปูเสื่อให้นั่งกลางสนามหญ้า บนท้องฟ้าไม่ได้มีดาวอะไรหรอก แต่ท้องฟ้ามืดๆ อย่างนี้ก็สวยไปอีกแบบ

                “ขี้เกียจคุยกับคนไม่มีแรง” คำตอบสั้นๆ แต่เหมือนหมัดฮุคเข้าที่หน้าท้อง

                “โหยยยยยยย คุณเจต่างหากกลัวคุณเคไม่มีแรง”

                “คนไม่มีแรงมีแรงพูดด้วยหรอ” โอโห แต่ละอย่าง แกพูดแต่ละอย่างเหมือนแกอยากจะได้อยากจะโดนซะตอนนี้

                “ตอนนั้นคุณเจก็มีแรง แต่คุณเจกลัวคุณเคไม่มีแรงต่างหาก ที่พูดไปฟังรู้เรื่องมั้ยเนี่ยยยยย T0T

                “คุณเคน่ะหรอจะไม่มีแรง มีเก็บไว้ให้คุณเจตลอดแหละ” คนตัวเล็กกว่าบ่นอุบอิบ สายตาทำเป็นแหงนหน้ามองฟ้า แต่ข้างในกลับปั่นป่วนอยู่ลึกๆ... 


                ที่พูดอะไรแรดๆ ออกมาได้เพราะเพื่อนแนะนำหรอกนะ


                “จริงหรอ...” จงอินเลื่อนตัวเข้ามาใกล้... รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาบนใบหน้าอย่างหยุดไม่อยู่

                “อือ” คยองซูเริ่มสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก เขานั่งกอดเข่าก่อนจะเอาใบหน้าซุกกับเข่าตัวเอง แต่ก็มิวาย... โดนจูบเบาๆ ที่ใบหูอีก T / / / T

                “คืนนี้... ได้มั้ยครับ” แบคฮยอนบอกให้เขาอ้อน แต่เขากลายเป็นฝ่ายถูกอ้อนซะเอง

                “อือ” เขาตอบสั้นๆ แต่คนฟังก็พอจะรู้ว่าคำว่า อือของคนๆ นี้... ยิ่งใหญ่และต้องใช้ความกล้าหาญมาตอบมากแค่ไหน

                “งั้นกลับห้องกัน...” จงอินยิ้มบางๆ ให้ก่อนจะจูงมือพาคนตัวเล็กกลับไปที่ห้อง... เขาไม่คิดว่าจะง้อง่ายขนาดนี้เลยเอาเสื่อมาด้วย กะจะปูนอนยาวเลยด้วยซ้ำ 


                สุดท้าย จงอินก็ไม่ได้พาคยองซูขึ้นลิฟต์คอนโด แต่กลับพาขึ้น...

                บันไดหนีไฟที่ปราศจากกล้องวงจรปิด



                คืนนี้จะได้ไปถึงห้องนอนเร้อ...




                แน่นอนว่าไปไม่ถึง...

                เพราะ บันไดหนีไฟเป็นสถานที่พิสดารอันดับแรกในหัวของเขา



                “ลิฟต์เสีย” เขาตอแหล

                “เมื่อกี้ยังลงมาได้อยู่เลย =__= นี่ต้องขึ้นบันไดสี่ชั้นเลยหรอ” คยองซูเองก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาจับมือคนตัวสูงไว้และพากันเดินขึ้นไปพร้อมๆ กัน มีบ้างที่จงอินเป็นฝ่ายดึงขึ้นมาเพราะคนตัวเล็กเหนื่อยหอบอยู่กลางบันได

                “อยากเหนื่อยกว่านี้ป่าว” เขาถามลองเชิงขณะที่กำลังใกล้จะถึงชั้นสี่อยู่รอมร่อ


                อยากจะทำตั้งแต่ชั้นหนึ่งละ แต่กลัวว่าคุณเคหาว่าโรคจิต (.__.)


                “นึกว่าจะไม่ชวน...” คนตัวเล็กโน้มคอคนตัวสูงลงมาใกล้ใบหน้าตัวเอง แต่ก็แกล้งยั่วด้วยการหยุดอยู่ให้ปลายจมูกโด่งได้สัมผัสกันเท่านั้น ก่อนที่ร่างเล็กจะผละออกและวิ่งหนีขึ้นบันไดต่อ 


                แต่ก็ไม่รอดเงื้อมมือ #มารหื่นกามที่รอเวลานี้มานานนับพันปี


                ทันทีที่เขาคว้าเอวบางไว้ได้ ร่างหนาก็ดันคนตัวเล็กให้ติดกับผนังก่อนจะก้มลงไปจูบอย่างหนักหน่วงที่ริมฝีปากได้รูป คยองซูเองก็ไม่ยอม เขาจูบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ลิ้นเล็กตวัดสู้แรงลิ้นร้อนที่กำลังบุกรุกเข้ามาก่อนจะเป็นฝ่ายจับใบหน้าร่างสูงให้เอียงไปตามทิศทางที่ต้องการ


                “อืม...” จงอินครางออกมาเบาๆ ก่อนที่มือหนาจะเร่งปลดกระดุมเสื้อนอนของคนตัวเล็ก ถึงจะมีกระดุมแค่ห้าเม็ดบนเสื้อ แต่ในเวลาคับขันแบบนี้กลับเหมือนมีกระดุมสิบพันล้านเม็ดเสียแล้ว


                เมื่อกระดุมทั้งสิบพันล้านเม็ดถูกปลดออกภายในห้าวินาที คนตัวเล็กก็รู้หน้าที่โดยการถอดเสื้อนอนตัวเองทิ้ง ริมฝีปากทั้งคู่ยังคงแลกลิ้นและทวีความร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เสียด้วยซ้ำ 


                มือหนาไล้เข้าไปในเสื้อนอนตัวบางและความร้อนของมือที่ปะทะกับเอวคอดทำให้คนถูกสัมผัสขนลุกเบาๆ เขาลูบไล้ไปตามร่างกายเล็ก จนสุดท้าย... ก็จงใจใช้มือสอดลงไปในกางเกงนอนและปัดป่ายอยู่แถวก้นนิ่ม บีบคลึงเพื่อเรียกอารมณ์คนตรงหน้าให้พลุ่งพล่าน 


                ก่อนจะถลกมันออกจนกางเกงลงไปกรอมอยู่ที่ปลายเท้า


                “อ๊ะ...” คยองซูผละจากริมฝีปากร้อนทันทีที่รู้สึกเย็นวูบวาบที่ช่วงล่าง เขาเงยหน้ามองคนตรงหน้าสู้แสงไฟสลัว แต่กลับทวีอารมณ์พลุ่งพล่านในตัวเขามากขึ้นเท่านั้น...


                เพราะคนตัวสูงกว่ากำลังใช้สายตาโลมเลียเขาไปทั่วร่างกาย แถมยังเลียริมฝีปากเหมือนรอกินขนมหวานชิ้นใหญ่


                “จ... จงอิน ตรงนี้เลยหรอ...” คยองซูเงยหน้าเลิ่กลั่ก กลัวว่าจะมีคนมาเห็นเข้า

                “ไม่มีกล้องวงจรปิด... ไม่มีใคร...” ร่างสูงอยากจะทำทุกอย่างเสียตอนนี้และ...

                ตรงนี้

 
                เขาถอดเสื้อยืดตัวเองออกอย่างรีบร้อน แต่ภาพนั้นยิ่งทำให้คนตัวเล็กแทบจะเป็นลมเพราะมันช่างเซ็กซี่และร้อนแรงเหลือเกิน เขาปล่อยให้คนตัวสูงก้มลงมาซุกไซ้ที่คอตัวเองและดูดดึงจนเป็นรอยแดง ความรู้สึกเสียวซ่านที่ไม่ได้รับมานานห้าปีก็ย้อนกลับมาใหม่อีกครั้ง


                คยองซูรู้ตัวเองแล้วว่าตอนนี้ไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือ จึงต้องยอมให้เรื่องดำเนินต่อไป... ด้วยการถอดรองเท้าและกางเกงจากปลายเท้าตัวเองพร้อมกัน มือเล็กลูบไล้หน้าท้องเป็นลอนทั้งที่ตัวเองก็ลำบาก เพราะเจ้าของหน้าท้องลอนกำลังดูดคอ ขบใบหูและมือนั่นก็อยู่ไม่สุข...


                กำลังกอบกุมส่วนสำคัญของเขาไว้เบาๆ และกำลังเคลื่อนไหวขึ้นลงช้าๆ


                “ม... ไม่เอานะจงอิน...”

                “ขอโทษครับ...” เขาตกใจที่ได้ยินคำปฏิเสธและมือหนาก็รีบปล่อยทันที แต่คนตัวเล็กกลับส่ายหน้ารัวๆ

                “ไม่ใช่อย่างนั้น พี่... พี่หมายถึง...”

                “...”

                “ไปพร้อมกัน เสร็จด้วยกัน...” คยองซูเขย่งขึ้นไปจูบที่ต้นคอร่างสูงและยิ้มให้เขินๆ ถึงแสงไฟจะสลัวมากเพียงใดแต่จงอินก็ยังเห็นใบหน้าสีแดงระเรื่อเด่นชัด

                “คุณเคใจดีที่สุดเลยครับ” ร่างสูงก้มลงสูดกลิ่นแชมพูอ่อนๆ ของคนตัวเล็กอย่างรักใคร่ มือหนาถอดกางเกงนอนของตัวเองลงแค่ บางส่วน ก่อนที่แขนแกร่งจะอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมาจนตัวลอย ขาเรียวเล็กเกี่ยวรอบเอวแกร่งอัตโนมัติและเริ่มสัมผัสได้ว่ามีอะไรทิ่มต้นขาของเขาอยู่

                “อื๊อ...” คนตัวเล็กเชิดคอหนีเมื่อจงอินฝังปลายจมูกที่ต้นคอเนียนพร้อมๆ กับเบียดแทรกปลายแท่งเนื้อร้อนเข้ามาในลำตัวของเขา 

                “เจ็บหรอ...”

                “ไม่... ไม่เจ็บ” คุณเคโกหก

                “ขอโทษนะ... แต่คุณเคก็รู้ใช่มั้ย...”

                “...”

                “เดี๋ยวความเจ็บก็จะกลายเป็นสวรรค์” ร่างสูงหลับตาพริ้มก่อนจะบดเบียดความเป็นชายเข้าไปทีเดียวมิดด้าม

                “อึก! อ๊ะ... อื๊อ...” ความอึดอัดและจุกหน่วงที่ถาโถมเข้ามาทำเอาคยองซูตัวลอย ใบหน้าน่ารักเอื้อมไปแลกลิ้นร้อนกับคนตัวสูงเพื่อจะได้ลืมความเจ็บด้านล่าง 


                สะโพกแกร่งขยับเข้าออกไม่หยุดจนคนตัวเล็กต้องเชิดคอสูงด้วยความเสียวซ่าน กรงเล็บจิกที่แผ่นหลังกว้างเสียจนเป็นรอยแดง แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เขาเกิดอารมณ์พลุ่งพล่านจนเร่งสะโพกมากกว่าเดิม


                “อ... อ๊ะ... ต... ตรงนั้น... อื้มตรงนั้น” เหมือนจงอินจะจับจุดได้ เขาจงใจใช้ส่วนหัวครูดที่ผนังอ่อนนุ่มด้านในตรงจุดที่คนตัวเล็กต้องการ เสียงเล็กแหบพร่าและนั่นทำให้ร่างสูงเริ่มสับสนว่าใครเป็นฝ่ายเซ็กซี่กว่ากันแน่

               
                ปัง!!!!!!!


                เสียงประตูบันไดฉุกเฉินปิดดังลั่น แต่มาจากชั้นไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าทำให้คนสองคนที่กำลังเสพสมกันอยู่นั้นสะดุ้งเฮือกและมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก



                “จ... จงอิน...”

                “ชู่ว...” คนตัวสูงสั่งให้เงียบ ทั้งที่เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังกว่าเสียงที่คยองซูเรียกเขาซะอีก



                ตึก... ตึก... ตึก...


                เสียงฝีเท้าที่ไม่ต่ำกว่าหนึ่งคู่กำลังเดินขึ้นมาจากด้านล่างช้าๆ แต่คนสองคนตรงนี้กำลังเร่งสปีดกันอย่างเต็มกำลัง จนในที่สุดสายธารสีขาวขุ่นก็พุ่งออกมาจนเลอะเปรอะหน้าท้องของจงอิน คนตัวสูงสอดเข้าสอดออกอีกสองสามครั้งก็ปล่อยน้ำรักเข้าไปในร่างกายของคยองซูเช่นกัน 


                จงอินค่อยๆ อุ้มคยองซูออกจากแกนกายของตัวเองและวางคนตัวเล็กที่ไม่มีแรงบนพื้น เขาชะโงกหน้าไปดูที่ราวบันไดก็เห็นว่ามีใครบางคนกำลังขึ้นมาจริงๆ และใกล้เข้ามาทุกที...


                 คุณเคแสนใจดีของเขากำลังอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ร่างขาวเนียนไม่สนใจเสียงคนเดินอะไรทั้งสิ้น แทบจะหลับคาพื้นอยู่ตรงนั้น จนเขาต้องตาลีตาเหลือกวิ่งมาหา


                “คุณเค... อยู่นิ่งๆ นะ เดี๋ยวใส่เสื้อผ้าให้นะครับ” เขากระซิบข้างหูก่อนจะรีบหยิบกางเกงนอนและเสื้อนอนมาสวมให้อย่างระมัดระวัง... แข่งกับเสียงฝีเท้าที่กำลังขึ้นมาทุกขณะ

                “อื๊อ...” คุณเคพยักหน้ารับก่อนจะยกตัวมาจูบริมฝีปากหนาเบาๆ 

                “แรงก็ไม่มียังจะมาจูบเค้าอีกนะ หึ...” จงอินหัวเราะเบาๆ พลางอุ้มตัวคุณเคไว้ในอ้อมอกและรีบพาออกจากทางเดินหนีไฟก่อนที่เสียงฝีเท้านั่นจะมาถึง


                คยองซูปิดเปลือกตาลงอย่างแผ่วเบา รู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่ได้ซบอยู่บนแผงอกคุ้นเคย


                “ยังมีแรงป่าว” จงอินถามลองเชิงอีกรอบก่อนจะไขกุญแจเข้าไปในห้องของตัวเอง คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักทั้งที่ยังหลับตา

                “ไม่ไหวก็บอกเฮอะ~” คนตัวสูงเย้ยหยัน แต่ก็วางคยองซูไว้บนเตียงนุ่มและจัดให้คนตัวเล็กมานอนอยู่บนไหล่ของตัวเอง

                “ติดไว้... พรุ่งนี้นะคุณเจ” เจ้าของเสียงงัวเงียเขยิบเข้ามาชิดกับร่างกายอุ่นมากขึ้น 

                “ค้าบบบบบบบบ” 

                “งือ... รักเจ...”

                “หื้มมมมมมมมมมมมมม” จงอินหันหน้าไปมองคนตัวเล็กดังขวับ เพราะนานน๊านนนนนนนน จะได้ยินคำบอกรักจากปากรูปหัวใจนั้น 

                “...”

                “เจไหน ถ้าบอกว่าเจปาร์คจะตีให้ตายเลยนะ”



                “... เจวายพี”

                “ลุงผักอ่ะนะะะะะะะ โนวววววววววววววววววววววววว”





**********





                รุ่งเช้าก็ไม่มีอะไรมาก แค่ปวดก้นนิดหน่อย ส่วนขาก็ล้ากันไปทั้งคู่ ลูกชายตัวดีก็ปักหลักอยู่กับลูกชายห้องตรงข้ามซะน่าหมั่นไส้ พวกเขาจึงเดินไปบอกลูกว่าจะไปเที่ยวกันนิดหน่อยและแน่นอนว่าลูกชายยินดีจะอยู่บ้าน (กับน้องชาย) มากกว่าไปเที่ยวกับพ่อแม่


                “เที่ยวไหนวะคุณเจ” คยองซูถามก่อนจะรัดซีทเบล์ท คนข้างๆ ไม่ตอบอะไรแต่กลับยิ้มสบายๆ เขาขับรถพาคยองซูไปห้างใหญ่ห้างหนึ่งและพาเดินไปที่ร้านอาหารหรู

                “พ่อผมคงมาแล้วแหละ”

                “พ่อ O[]O!!!!? นี่ไอ้คุณเจ! มึงพากูมาหาพ่อมึงช่วยบอกล่วงหน้าได้มั้ยห้ะ” คยองซูถอยกรูดทันที มือเล็กรีบจัดเสื้อผ้าหน้าผมตัวเองให้เรียบร้อย แต่ปากเล็กๆ ก็ยังแว้ดไม่เลิก

                “เอ้า พี่ก็สนิทกับพ่อผมไม่ใช่หรอ อย่าลืมดิว่าผมลูกใคร” จงอินจับมือคยองซูเข้าไปในร้านก่อนที่คยองซูจะนึกขึ้นได้...


                พ่อจงอิน = ประธานบริษัท


                “มึง... คือสนิทเว่ย แต่ตอนนั้นลูกชายเค้ายังไม่เป็นผัวกูไง๊ ใจเย็นอีคุณเจใจเย็นโว้ยยยยย” คยองซูพูดลิ้นพันกันไปหมดเมื่อจงอินดึงให้เขาเข้าไปในร้านลึกขึ้นเรื่อยๆ

                “พ่อผมไม่ว่าหรอกหน่า ผมบอกเรื่องพี่ไปตั้งนานแล่ว”

                “ห๊าาาาา O[]O!! นี่...”

                “คยองซูอย่าดุลูกผมแบบนั้นสิ ฮ่าๆๆๆ” เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นจนคยองซูหันขวับ ก็เห็นท่านประธานบริษัทกำลังนั่งรออยู่ที่โต๊ะด้านในสุดของร้าน เขาเดินเข้าไปหาอย่างนอบน้อมก่อนที่ทั้งคู่จะเข้าไปนั่งด้วย

                “คือผม...”

                “ผมรู้เรื่องของคุณหมดแล้วน่ะ อย่าคิดมากเลย” ท่านประธานพูดด้วยน้ำเสียงใจดี

                “ครับ (.___.)

                “แต่ตอนนั้นผมก็แอบโมโหนะว่าทำไมต้องเป็นคุณ ทำไมมันต้องมาขอเป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชีเพื่อที่จะได้อยู่กับคุณ...”

                “...”

                “อ่า ตอนนั้นผมโมโหมากเลยแหละ โมโหจนไล่มันออกจากบ้านไปเลย ฮ่าๆๆๆ” คำพูดของท่านประธานทำเอาคยองซูหันไปมองหน้าจงอินด้วยแววตาสงสาร แต่คนที่ถูกกล่าวถึงกลับก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่สนใจ

                “แล้ว...”

                “แล้วมันก็มีภาษีคนโสดขึ้นมาพอดี ผมเลยตามตัวมันกลับมา... หาผู้หญิงสวยๆ ให้เป็นสิบแต่มันก็ไม่เอา บอกว่าถ้าจะแต่งงานหนีภาษีกับใครซักคนก็ขอให้คนนั้น...”

                “...”

                “เป็นคุณ” ท่านประธานชี้นิ้วมาทางคยองซูก่อนจะยิ้มสบายๆ เหลือบมองลูกชายแล้วก็นึกขำ “ดูมันทำเข้าสิ ป่านนี้คงโกรธที่ผมมาเล่าเรื่องน่าอายให้ฟัง กินเอาๆ เลยนั่น”

                “ไม่ได้โกรธซักหน่อย =^=” ร่างสูงเบะปาก

                “แล้ววันนี้มีอะไรหรอครับ...” คยองซูถามก่อนจะเริ่มลงมือกินข้าวบ้าง

                “เอ้อ... คือผมคุยกับจงอินเรื่องนี้มานานแล้ว เขาก็โอเค แต่ผมไม่รู้ว่าคุณจะโอเครึเปล่า” ท่านประธานที่ยิ้มมาตลอดเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียด

                “...”


                “ผมว่าจะให้จงอินไปคุมบริษัทที่อเมริกาเดือนหน้า”


                “ครับ O_O?” คยองซูทวนถามด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก

                “แต่ไม่ต้องห่วง ผมจะให้คุณกับลู่หานไปอยู่ที่นั่นด้วยกัน ผมไม่ใจร้ายพรากผัวพรากเมียหรอกนะ ฮ่าๆๆๆๆ” ท่านประธานหัวเราะร่า แต่ก็ต้องหยุดลงเมื่อเห็นสีหน้าคนทั้งคู่ “ทำไมหรอ... ไม่ชอบใจอะไรตรงไหน?”

                “คืองี้นะครับท่านประธาน” คยองซูพูดขึ้นด้วยสีหน้าลำบากใจ

                “...”

                “ไอ้พวกผมน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่คุณกำลังพรากผัวพรากเมียอีกคู่นึงเนี่ยสิ...”





**********





                “ผมไปได้ครับ” ทันที่กลับมาจากทานมื้อเที่ยงกับท่านประธาน คยองซูและจงอินก็ไปลากคอลูกชายให้กลับมาที่ห้องตัวเองและบอกข่าวให้ฟัง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นรีแอ็คชั่นที่นิ่งเฉยซะงั้น

                “แล้วฮุนฮุน?”

                “ก็... น้องเค้ายังเด็กเกินที่จะรับรู้ความรู้สึกผมน่ะครับ ทำดีไปก็เท่านั้นแหละ” ลู่หานพูดก่อนจะนั่งก้มหน้าเล่นมือตัวเอง หลังจากที่ไปเล่นด้วยบ่อยๆ ก็ทำให้รู้ว่าน้องคิดกับเขาแค่พี่ชายจริงๆ และน้องก็ยังเด็กเกินที่จะรู้จักความรักด้วย

                “เด็กเกินอะไรล่ะ ไอ้ชานยอลรักแบคฮยอนตั้งแต่ป.หนึ่งละ ก็ไม่ต่างอะไรจากฮุนฮุนหรอก” คยองซูเถียงขวับ เขาอยากให้ลูกลองสู้ดูซักตั้ง

                “มันอาจจะเป็นแค่ความชอบก็ได้ครับ... แล้วยิ่งโตก็ค่อยพัฒนา เด็กแค่นั้นไม่รู้จักความรักหรอก” ลู่หานส่ายหน้าช้าๆ อย่างเหนื่อยใจ เขาเอนตัวลงกับโซฟาก่อนจะยิ้มให้ป๊ากับม๊าของตัวเอง

                “ไปได้จริงหรอ” จงอินถามบ้าง

                “ไปได้จริงๆ ครับ เชื่อผมสิ ผมจะได้พูดได้ตั้งสามภาษาแน่ะ จีน เกาหลี อังกฤษ โห... เท่เป็นบ้าเลยนะป๊า” ลู่หานพูดพลางยิ้มจริงใจ เขาเขย่าขานิดหน่อยเหมือนประหม่า... ในการพูดโกหก

                “แล้วจะบอกพวกนั้นดีมั้ย”

                “พี่ชานยอลกับพี่แบคฮยอนน่ะบอกไปเถอะ เดี๋ยวไม่บอกก็โกรธอีก” จงอินพูดหน้าเซ็งก่อนจะหันมามองลูกชาย “แล้วฮุนฮุนล่ะ จะให้บอกมั้ย?”

                “...”

                “อย่าบอกฮุนฮุนดีกว่าครับ แหะๆ ^^;






**********





                “สงสารลูกมึงนะ” แบคฮยอนพูดพลางตบบ่าคยองซูหลังจากที่ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด เหลือบไปเห็นฮุนฮุนกำลังนั่งเล่นเลโก้ไม่สนใจใครก็แอบคิดหนักเหมือนกัน

                “เดี๋ยวลูกกูก็ไปหาสาวฝรั่งนมใหญ่ตูดบิ๊กได้เองแหละ ไม่ต้องมากระแดะห่วง” คยองซูทำเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

                “เออ เห็นอีจีฮเยเล็งลูกกูอยู่ กูก็กะจะยกให้มัน” แบคฮยอนประชดกลับบ้าง

                “เลว”

                “เออนี่... เมื่อคืนเนี้ย จู่ๆ ชุนก็ปลุกกูตอนตีหนึ่งกว่า” แบคฮยอนกระซิบข้างหูคยองซูเพื่อไม่ให้ฮุนฮุนได้ยิน

                “แล้วไง”

                “มันบอกว่าจงอินกับมึงคงกำลังตื๊ดตื๊ดกันอยู่ซักที่ในคอนโด พวกกูเลยออกตามหา...”

                “ห... ห้ะ O[]O

                “เดินหาตั้งแต่ดาดฟ้ายันบันไดหนีไฟก็หาไม่เจอ เลยสรุปว่าพวกมึงคงสุขีกันอยู่ในห้อง” แบคฮยอนทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะดีดมะเหงกใส่คยองซูไปทีนึง



                ข... ขอบคุณที่พวกมึงไม่เห็นพวกกูนะฮือออออออ TT________TT
               

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น