วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557

ภษคส Ending 1: We never care about this crazy TAX.



Ending 1: We never care about this crazy TAX. 

(เราไม่สนใจภาษีบ้าๆ นั่นอยู่แล้ว)




ที่ผับแห่งหนึ่งในโซล


                “ทำไมเมาแบบนี้วะจงแด!” ผมได้ยินเสียงคุ้นเคยดังแว่วเข้ามาในหู ความจริงตอนนี้จังหวะบีทหนักๆ ของเพลงที่ผับเปิดมันก็กระแทกหูผมอยู่แล้ว

                “คัยวะ...” ผมพึมพำและปรือตาขึ้นไปมอง 

                “กูมินซอก ไอ้ห่า ไหนบอกจะเลิกยุ่งกับกูแล้วไง โทรมาทำไม” จริงครับ จริงอย่างที่พี่เค้าว่า... ตั้งแต่วันที่พวกเราไปบ้านใหม่แบคฮยอน ผมก็ประกาศว่าจะเลิกยุ่งกับพี่มินซอกอีก


                แล้วนี่ผมโทรไปหรอ...

 
                “ผมไม่ได้โทร!” ผมยืนกราน... ถึงเมาแต่ก็มีสติอยู่ละม้างงงงงง~

                “มึงโทร =_= แล้วทำไมเมาแบบนี้ เป็นเหี้ยไร” มืออุ่นๆ จับที่ไหล่ผมและผมก็ชอบสัมผัสแบบนี้ที่สุด

                “พี่... พี่รักผมใช่มั้ย พี่รักผมแน่ๆ...” ผมไม่รู้ตัวหรอกว่าเพ้ออะไรออกไป แต่ก็ไม่รู้สึกเสียดายที่ได้พูด

                “...”

                “พรุ่งนี้ครบรอบปีที่สี่แล้วนะ... ผมขอพี่เป็นแฟนทุกปีจำได้รึเปล่า...”

                “อย่ามาถามตอนนี้ได้มั้ย สร่างเมาก่อนแล้วค่อยคุยกัน”

                “ถึงผมไม่เมาพี่ก็ไม่คุยอยู่แล้วปะวะ!” ผมโวยวาย เห็นสีหน้าพี่มินซอกดูเลิ่กลั่กก็ยิ่งตลก แกคงอายที่ผมเสียงดัง แต่ช่างเถอะ ผมไม่ทนอีกต่อไปแล้ว
 
                “งั้นไปสร่างเมาก่อน สัญญาว่าจะคุยด้วย จริงๆ” เสียงพี่เค้าอ่อนลงและผมก็แอบยิ้มลึกๆ กับคำพูดแบบนั้น สุดท้ายผมก็หยิบปากกามาจากในกระเป๋าและยื่นให้พี่เค้า

                “อ่ะ เขียนบนเสื้อผม... สัญญาว่า ถ้าคิมจงแดสร่างเมา คิมมินซอกจะยอมสารภาพรัก... เขียนเร็ววววว” ผมพูดอ้อแอ้ แต่ประโยคที่อยากให้พี่มินซอกเขียนชัดเจนขึ้นมาทันที

                “บ้าชิบเป๋ง” พี่เค้าด่ามา แต่ก็ยอมหยิบปากกาไปเขียนขยุกขยิกบนหลังเสื้อเชิ้ตสีขาวของผม 


                ผมหันหลังไปให้บาร์เทนเดอร์ดูว่าพี่เค้าเขียนว่ายังไง และบาร์เทนเดอร์ก็พูดประโยคนั้นอายๆ แต่เอาเป็นว่า พี่เค้าเขียนถูกต้องทุกประการ... อืม ดี

                สร่างเมาเมื่อไหร่...


                .

                .

                .


                “นี่พี่จะมอมหล้าวโผมปายถึงหนายยยยยยยยยยย” รู้ว่าเสียงตัวเองอุบาทว์ขนาดไหน แต่พี่มินซอกแม่งเล่นรินเหล้าให้ผมไม่หยุด ถ้าผมจะสร่างเมาแกก็จะยัดเหล้าใส่ปากทันที

                “ไม่พร้อมนี่หว่า”

                “ม่ายพร้อมอาร๊ายยยยยย คนเคยๆ กัลลลลล~ ” 

                “ทุเรศว่ะไอ้ห่านี่ สร่างเมาเมื่อไหร่จะสารภาพรักจนอ้วกแตกไปเลย” พี่มินซอกพูดจบก็หอมแก้มผม

                ...

                มีอะไรแปลกๆ รึเปล่าวะเมื่อกี้

                พี่มินซอกพูดจบ... ก็ หอมแก้ม ผม


                “ไอเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย พี่มินซอกแม่งพรากความบอรีสูดของแก้มกูวววววว” ผมโวยวาย วิ่งพล่านไปทั่วผับจนคนเค้าหันมามอง แต่สุดท้ายพี่มินซอกก็ใช้กล้ามแขนคว้าคอผมไว้แล้วลากออกจากร้าน

                “หุบปากแล้วรีบกลับไปสร่างเมาที่บ้านซะไอเหี้ย!


                ว่าที่เมียกูโหดแสสสสสสสสสสสสสสสสส TwT



               
บ่ายวันรุ่งขึ้น


                “... เชี่ย” ผมพึมพำออกมาเพราะรู้สึกหนักหัวเหมือนมีก้อนขี้สิบตันมาทับไว้ แต่เอาเถอะ ผมยอมยกก้อนขี้พวกนั้นทิ้ง เพราะลืมตาขึ้นมาแล้วรู้ว่าเป็นห้องนอนของพี่มินซอก

                “สร่างยัง” พี่มินซอกเดินถือน้ำอุ่นเข้ามาในห้อง ใส่เสื้อกล้ามสีดำกับบ็อกเซอร์สั้นๆ แล้วแบบ... ควายยยยยยยย อ่อยกูตั้งแต่แรกลืมตาเลยสาส

                “สร่างตั้งแต่เมื่อคืนล้า” ผมพูดตอแหล ถึงจะยังไม่สร่างดีแต่ก็รู้นะครับว่าเมื่อคืนสัญญาอะไรไว้

                “ทุเรศ” พี่มินซอกพูดจบก็ยื่นแก้วน้ำให้ผม และพอผมดื่มเสร็จก็ตาสว่าง...

                ตาสว่างว่า...

                กูไม่ได้ใส่เสื้อ!!!


                ผมไม่คิดว่าพี่มินซอกปล้ำผมหรอก เพราะท่อนล่างผมยังอยู่ครบและตูดก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร แต่ปัญหาที่แท้จริงคือ...

                คำสัญญาที่เขียนไว้บนเสื้อ...


                “พี่มินซอก เสื้อผมไปไหน”

                “เสื้ออะไรหรอ *_*?” ดูคนเรา เดี๋ยวนี้หัดทำตาบ้องแบ้ว คิดว่าน่ารักมากดิ...

                “เสื้อผมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!

                “สร่างเมารึยังล่ะ...” แกพูดยิ้มๆ ก่อนจะเขยิบเข้ามาใกล้ผม “ถ้าสร่างแล้วก็คุยเลย...”

                “ด... เดี๋ยว ขอผมไปแปรงฟันแป๊บ ปากเหม็นขนาดนี้ไม่โอเค” ผมรีบลุกจากเตียงไปห้องน้ำทันที ได้ยินเสียงพี่มินซอกหัวเราะดังลั่นแต่ผมไม่สนใจหรอก 


                เรื่องสำคัญแบบนี้ผมต้องพร้อมเด้!


                พอผมแปรงฟันเสร็จก็ออกมาเจอแม่เสือสาวสมิงพรายนอนคว่ำเล่นมือถืออยู่บนเตียง ด้วยความหื่นเกินอัตราที่มนุษย์ควรจะหื่นได้ ผมเลยวิ่งเข้าไปนั่งทับตูดแม่งทันที...


                “กวนตีนละไอเหี้ย! ลงเลยยยยย! ลง!!” พี่มินซอกโวยวายเสียงดังจนผมยอมลงจากตูดแก ความจริงคือน้องผมเริ่มมีปฏิกิริยาแล้วแหละ...

                “มาคุยกันเถอะ ^__^” ผมพูดยิ้มๆ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้ามันจะดราม่าแล้วต้องเลิกยุ่งกันไปผมก็ยอม 

                “คุยสิ...”

                “ก็... ผมบอกก่อนเลยว่า ผมรักพี่นะ ถึงพี่จะไม่ค่อยเชื่อก็เหอะ ฮ่าๆๆๆ” ผมพูดไปเกาหัวไป “ที่ผมยอมมีอะไรกับพี่ ยอมตามจีบพี่ต้อยๆ มาสี่ปีก็เพราะรักอ่ะ”

                “อืม”

                “มัน... อาจจะดูเวอร์ไปหน่อย แต่ผมไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลยนะ พี่ควรจะภูมิใจ” 

                “อืม”

                “พี่... ไม่ต้องรักผมก็ได้ แต่เป็นแฟนผมได้มั้ย ให้ผมมีสิทธิ์หวงและหึงได้อย่างเต็มรูปแบบ... ขอแค่นั้นได้รึเปล่า” ผมพูดและครั้งนี้ก็ส่งสายตาจริงจังไปให้เต็มที่ 


                ขอล่ะ...


                “ไม่รักแล้วจะเป็นแฟนกันได้ไงล่ะ...”

                “ก็ผม...” เอาแล้วกู ผิดหวังอีกแล้ว ขอแม่งสี่รอบสี่ปีแล้ว... แม่งก็...

                “แต่กูรักมึงไง เลยเป็นแฟนกันได้”

                “... คือพี่รักผม?” ผมแทบจะสะบัดความเศร้าทิ้งไม่ทัน

                “โอ๊ย ถ้าไม่รักกูก็ไม่ปล่อยให้มึงจีบทุกวันหรอกสัส!

                “...”

                “เฮ้อ ไม่เสียแรงที่เล่นตัวตั้งสี่ปีแน่ะ กรั่กๆๆๆๆๆๆๆๆ”


                ไอ้พี่คิมมินซอกแม่งกวนตีนระดับจักรวาล


                “ใช่เรื่องเล่นปะะะะะะ!!!! แล้วผมขอเป็นแฟนทุกปีนี่ไม่คิดจะสงสารกันบ้างเลยรึไงงงงง!!!” ผมโวยวายแถมยังกระทืบขาไปมาอยู่บนเตียง

                “ไม่สงสารเว่ย! กูคิดถึงตัวเองแล้วรู้สึกว่าตัวเองน่าสงสารกว่าเยอะ!” มันก็จริง T__T

                “แล้วตกลงใครจะรุกใครจะรับ...” คำถามโลกแตกของเราสอง =_=

                “ผลัดกันก็สนุกดีหนิ ฮ่าๆๆๆๆๆ” แกหัวเราะร่า และผมก็รู้สึกอยากได้แกมากเหลือเกิน หลังจากที่อดทนไม่เอาใคร (และชักว่าวด้วยตัวเอง) เป็นเวลาสี่ปีเต็ม

                “งั้นตอนนี้พี่รับไปก่อนนะ... หึ” ผมผลักคนเล่นตัวลงบนเตียงและพี่เค้าก็ยิ้มแก้มปริ

                “เสร็จแล้วให้กูรุกกลับบ้างนะ”
                

                ตอนแรกก็ว่าจะปฏิเสธนะ...

                แต่ผลัดกันมันก็สนุกจริงๆ นี่หว่า 555555555555555555555555555





**********





ที่บ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งใน แคนาดา


                “พี่คริสขา~ อี้ชิงอยากไปทำนม...” พูดตรงๆ เลยว่าฉันจะทำนมให้ได้ หลังจากได้ข่าวว่าอีแบคมันมีบ้านใหม่หลังโต ฉันก็ต้องไปทำนมบ้าง (ไม่เกี่ยว)

                “ไม่เอาอ่ะ พี่ชอบแบบนี้” คุณแฟนก็ไม่ได้สนใจเล้ย T_T

                “แต่เค้าก็ตัดทิ้งแล้วน้า เค้าควรจะมีนมสิ” 

                =_=” แฟนรูปหล่อดังเทพอะพอลโลหันมาเหล่ค่ะ

                “นะพี่คริสน้าาาาา~” ฉันเข้าไปเกาะแขนแล้วจูบต้นคอแฟนให้เสียวเล่น

                “สัญญากับพี่ก่อน...”

                “...”

                “ว่าจะทำแบบบีบได้ =.,=

                “อย่าบีบแรงละกันนะ T / / / / / T” 

                “เสียเท่าไหร่ก็ยอมละครับงานนี้ ลุยโล้ดดดดดดดดดด!” เมื่อคุณแฟนประกาศกร้าวขนาดนี้... ดิฉันก็คงจะได้ทำนมแล้วล่ะค่ะ!!!





**********







ที่บ้านหลังหนึ่งในโซล


                “พี่จุน ตื่นเร็ว จุนจีร้อง” ผมสะกิดคนข้างตัวเบาๆ และจูบที่หัวไหล่ให้สยิว จะได้ตื่นง่ายๆ หน่อย

                “จุนจีร้อ... ร้องหรอ O[]O!!” พี่เค้าลุกขึ้นมาขยี้ตาก่อนจะวิ่งพรวดพราดไปห้องนั่งเล่นเมื่อได้ยินเสียงแผดร้องชัดเจน ผมจึงเดินตามหลังไปเพราะผมไม่รู้จะเลี้ยง ลูก ของเรายังไง T__T


                หลังจากที่พวกเราแต่งงานกันตามกฎหมาย ผมก็ไปที่สถานสงเคราะห์ของป้าเอยองเพื่อหาลูกบุญธรรม และภาพที่เห็นตอนเปิดประตูเข้าไปคือ...

                ป้าเอยองกำลังเลี้ยงเด็กเล็กคนหนึ่งอยู่


            ยัยหนูนี่ชื่อ จุนจีจ้ะ... แม่คลอดเสร็จก็ทิ้งเลย ตอนนี้ขวบกว่าแล้วจ้ะ


                ผมแอบหงุดหงิดที่เด็กนี่ชื่อจุนจี... เพราะมันไม่ใช่จุนจื่อ =___= แล้วทำไมต้องเป็นจีด้วยก็ไม่เข้าใจว่ะ แต่พี่จุนถูกใจเด็กคนนี้มากและเด็กคนนี้ก็ยิ้มตลอดเวลาที่เห็นหน้าพี่จุน... พวกเราก็เลยตกลงรับมาเลี้ยง


                “ไงจ๊ะจุนจี~ แม่จุนมาแล้วน้า ร้องทำไมเอ่ย พ่อจื่อแกล้งใช่ป่าว ฮึ่ยๆๆๆ” พี่จุนยิ้มและหอมแก้มซ้ายขวาลูกอย่างสนุกสนาน และดูเหมือนจุนจีจะเงียบทันทีที่เห็นหน้าพี่จุน =[]=

                “เออ ยอมรับก็ได้ว่าเมื่อกี้แกล้งหลอกผี” ผมเกาหน้าท้องเซ็งๆ ทำไมต้องจับไต๋ได้ก็ไม่รู้

                “หมั่นไส้อะไรลูกอีกล่ะ แกล้งทุกวันจนลูกกลัวแล้วเนี่ย” พี่จุนหันมาพูดก่อนจะเอานิ้วมาดีดหัวผมดังปั้ก T^T

                “เปลี่ยนชื่อลูกเฮอะ กราบล่ะ”

                “พูดเรื่องนี้อีกแล้วนะ” พี่จุนดูหงุดหงิดทันทีที่ได้ยินผมพูดเรื่องนี้ แต่ผมก็หงุดหงิดทุกครั้งที่ได้ยินคำว่า จุนจีเหมือนกันนั่นแหละ

                “พี่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบ”

                “นี่...” พี่จุนผละออกจากลูกก่อนจะหันมาหาผมเต็มตัว “คิดก่อนสิว่าจีฮเยเป็นใคร...”

                “เป็นจีของพี่จุน จีรักพี่จุนมาตั้งแต่ป.หนึ่งแล้ว บลาๆๆๆ-_-^” 

                “ไม่ใช่...” พี่เค้าพยายามอธิบายให้ผมฟังอย่างใจเย็น

                “...”

                “ถ้าจีฮเยไม่หย่าให้... เราสองคนจะเป็นยังไง”


                จุกครับ


                “เรา... เราก็คงจะ...”


                ภาพที่พี่จีฮเยเปิดประตูรั้วให้ผมเข้าไปหาพี่จุนในวันแรกเข้ามาในหัวเมื่อไหร่ไม่รู้

                ... กลายเป็นผมที่รู้สึกผิด


                “ผมขอโทษนะ...” ผมก้มหน้าพูดด้วยความรู้สึกที่กดทับอยู่บนหัว

                “จื่อไม่ผิดหรอก... ก็จื่อหึงใช่มั้ยล่า~ พี่ชอบนะ แต่อย่าหึงบ่อย ฮ่าๆๆๆ” พี่จุนลูบหัวผมก่อนจะหัวเราะร่า... คนนี้ไม่เคยโกรธใครจริงๆ นะ

                “พี่โกรธผมบ้างก็ได้นะ... งอนบ้างก็ได้”

                “ไม่เอาหรอก โกรธไปก็ใจขุ่นเปล่าๆ จะโกรธทำไม ฮ่าๆๆๆ มานี่เร็ว... มาโอ๋ลูกหน่อย” พี่จุนจับข้อมือผมให้ถลาไปหาจุนจี และลูกก็ตกใจจนร้องไห้อีกรอบ

                “ลูกเกลียดผม T[]T

                “ก็ลูกรู้ไงว่าพ่อไม่ชอบชื่อลูก ^__^

               
                จุกอีกรอบ


                ถึงพี่จุนไม่คิดจะโกรธใคร... แต่แม่งกัดเจ็บชิบหาย =__=
       
        
                “โอ๋ๆ พ่อจื่อขอโทษนะจุนจียา~ พ่อจื่อรักหนูนะกุกุกิกิ” ผมหยิกแก้มจุนจีเบาๆ ก่อนจะหอมแก้มอย่างใจจริง ดูแกจะช็อคอยู่ไม่น้อยที่ผมทำตัวคิกขุแบบนี้

                “...”

                “เพราะหนูเป็นตัวแทนของผู้มีพระคุณที่สุดในชีวิตพ่อจื่อเลยนะ..”


                .

                .

                .

               
                ปัง!!
                

                “สวัสดีค่าทู้กคนนนนนนนนน~ เหยยยยยยยย นี่แกจะกินตับลูกตัวเองรึไงยะ!!? ช่วยด้วยค่าาาา~ อีห่ารากนี่จะแดกลูกตัวเอ๊งงงงง”


                ประตูบ้านผมเปิดออกพร้อมแขกรับเชิญที่แบบ...

                ตอนแรกก็ซึ้งอ่ะ ตอนนี้แม่งเหี้ยสุด


                “จีกินข้าวเที่ยงด้วยกันมั้ย?” พี่จุนนี่ก็ต้อนรับอย่างดียิ่ง

                “กินค่ะ~ พอดีจีหิวข้าวเลยขับรถมาให้พี่จุนทำกับข้าวให้กินหน่อย อิอิ” พี่จีฮเยแกนั่งลงบนโต๊ะกินข้าวละ เดี๋ยวนะ... คือหิวแล้วทำไมต้องมากินบ้านนี้ด้วยไม่ทราบ!

                “ฮ่าๆๆๆ วันนี้มีของโปรดจีพอดีเลยแหละ... จาจังมยอนนนน! เดี๋ยวพี่ไปทำให้ในครัวนะ” จู่ๆ แกก็เดินไปทำกับข้าวในครัวเฉย =__= 


                ทิ้งผมไว้กับจุนจีและ... จี


                “เป็นไงบ้างยะ ตายยัง” แกหันมาถามผม

                “ยังครับ ยังมีชีวิตหล่อๆ อยู่”

                “ตอบกวนตีนนักเดี๋ยวเอาส้อมทิ่มตาซะเลย” พี่จีฮเยพูดขู่ก่อนจะเดินมาหาลูกผม “ไงจ๊ะจุนจี~ น้ามาหาแล้ว คิดถึงมั้ยเอ่ย”

                “หนูไม่คิดถึงป้าแก่หรอก” ผมตอบแทนลูก แต่เหมือนผมจะโดนพี่จีฮเยตีหัว

                “หาเรื่องกูตั้งแต่เข้าบ้านละนะ ทำตัวแบบนี้คือเป็นพระเอกซีรี่ย์แล้วจะมาจีบกูหรอ บอกเลยว่ามีผัวหล่อและรวยมากอยู่แล้ว ไม่ต้องมาจับตัวชั้นนะ! โอ้วไม่! ปล่อยชั้น!” พี่จีฮเยพูดเป็นชุดๆ ก่อนจะแสดงบทบาทสมมติทั้งที่ผมยังไม่ได้โดนตัวซักกะแอะ

                “พี่เคยปวดหัวกับตัวเองมะ”

                “ไม่เคย สนุกดี” พี่แกตอบก่อนจะหันไปหอมแก้มลูกผม “จุนจีแก้มป่องจังเลย แดกลูกโป่งเป็นอาหารหรอคะลูก~

                “พี่...”
 
                “ไรยะอีควายเผือก”

                “พี่เคยคิดมั้ยว่าชื่อลูกผมมันพอดี๊พอดี...” ผมลองถามดู ความจริงพี่จีฮเยก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ผมก็ยังจะขุด

                “... แค่ได้ยินครั้งแรกกูก็คิดเหมือนกันแหละ”

                “...”

                “เฮ้อออออ แต่ว่านะ... กูก็ไม่ได้รักพี่จุนแล้ว มึงก็แต่งงานกับพี่จุนไปแล้ว แถมกูยังมีผัวเป็นตัวเป็นตน... ลูกสองอีกต่างหาก...”

                “...”

                “จะให้กูมานั่งคิดตอแหลว่า ว๊ายตาย บังเอิญจังเลยยยย~ เป็นเนื้อคู่กันแน่ๆ~ แบบนี้มันก็ไม่ถูกปะวะ...” ผมรู้สึกดีที่ได้ยินคำตอบจากโหมดจริงจังของพี่จีฮเย และผมก็รู้ว่าพี่เค้าพูดจริง

                “...”

                “แต่ดวงเราสามคนคงจะผูกกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนแล้วแหละ”

                “...”

                “ชาตินี้มึงได้พี่จุนไป แต่ชาติหน้ากูขอนะ ตกลงมั้ย? กรั่กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” พี่จีฮเยปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะตามแบบฉบับเจ๊แก ก่อนจะเดินเข้าครัวไปหาพี่จุนของผม




                ขอโทษนะครับพี่จีฮเย

                แต่ทั้งชาตินี้และชาติหน้า... ยังไงผมก็ไม่ให้พี่แดกพี่จุนหรอกครับ
               
               
               



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น