วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557

ภษคส : 19 B.





19

B.









                “พรุ่งนี้แล้ว...” คนตัวเล็กพึมพำเบาๆ อยู่บนโซฟา ปลายนิ้วเรียวถูไปมาบนกำไลข้อมือแพตตินั่มที่หกสิบวันที่ผ่านมานี้ดูมีความหมายขึ้นเยอะ เขาอมยิ้มนิดๆ ก่อนจะหลับตาลง


                ชุนจะมามั้ยนะ...

                เอ๊ะ แล้วถ้าชุนไม่มาล่ะ


                “...” แบคฮยอนลืมตาโพลง เพราะจู่ๆ ภาพจินตนาการที่ตัวเองนั่งโดดเดี่ยวเดียวดายไปตลอดชีวิตก็ผุดเข้ามาในหัว เขานั่งมองนาฬิกาที่ติ๊กต่อกอยู่บนผนังบ้านแล้วอยากจะเอาก้อนหินปาทิ้งแม่ง


                ก็นี่พึ่งสองทุ่มเอง

                กว่าจะถึงพรุ่งนี้อีกนานเลย T_T


                “หม่าม๊า โซจูซักหน่อยมั้ยครับ” ลูกชายตัวดีเดินมาจากในครัวและยื่นขวดเขียวๆ ให้เขา แบคฮยอนส่ายหน้ารัวๆ เพราะเขาอยากให้ตัวเองน่ารักที่สุดในวันพรุ่งนี้ >_<

                “ไม่เอาอ่ะ”

                “นิดนึงหน่า พรุ่งนี้จะได้กรึ่มๆ ไงม๊า” ไม่รู้ว่าเซฮุนไปหัดวาทศิลป์มาจากไหน แต่แม่อย่างเขาก็พร้อมทำตามซะงั้น


                แบคฮยอนรับขวดโซจูที่ถูกเปิดแล้วมาไว้ในมือก่อนจะเทใส่แก้วชอทเล็กๆ ไม่ได้ทันสังเกตเลยว่าลูกชายกำลังเดินไปที่โทรศัพท์บ้าน...


                “อื้อหือ! นี่ไม่ใช่โซจูแล้ว!” ทันทีที่กระดกเข้าไป... ลำคอก็ร้อนฉ่าเหมือนไฟไหม้คอ เขารีบหยิบขวดโซจูมาดูให้ชัดและลองดม... 


                นี่มันเหล้าเหี้ยไรวะเนี่ยยยยยยยยยยย!!


                “ฮัลโหลป๊าๆ รีบมาเลย ม๊ากินแล่ว... อือ เดี๋ยวเอาให้กินอีกสองแก้ว... ครับ มาได้เลย” เสียงเซฮุนคุยโทรศัพท์ท้าทายอำนาจหม่าม๊าดังลั่นห้องรับแขก แบคฮยอนที่กำลังน็อคจึงได้แต่หันมาโบกไม้โบกมือใส่ พูดอะไรไม่ได้ละ T_T

                “เดี๋ยวป๊ามานะครับม๊า” เซฮุนเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะเทเหล้าให้อีกแก้ว “กินน้ำก่อนนะ จะได้ไล่เหล้า”

                “อือ” แบคฮยอนพึมพำเบาๆ ก่อนจะรับแก้วเหล้ามาดื่มอีก 

                “...”

                “อื๊อ... หลอกม๊านี่นา นี่ไม่ใช่น้ำเปล่าซะหน่อย~” แบคฮยอนยื่นแก้วเหล้าเปล่าให้ลูกชายก่อนจะฟุบลงกับโซฟา “ฮุนฮุนแกล้งม๊า... ฮุนฮุนแกล้ง...”

                “ม๊าอย่าเรียกผมว่าฮุนฮุนสิ ฮ่าๆๆๆๆ” เซฮุนเริ่มสัมผัสได้ว่าหม่าม๊าของเขาคงเริ่มเมาไปแล้วจริงๆ เพราะเขาไม่เคยได้ยินหม่าม๊าพูดคำว่า ฮุนฮุน มานานมากแล้ว

                “ม๊าจะงอนฮุนฮุน... มอมเหล้าม๊า...” แบคฮยอนพึมพำอยู่กับตัวเองเบาๆ ส่วนลูกชายตัวดีก็รีบรินเหล้าให้อีก

                “กินน้ำก่อนครับ” แบคฮยอนที่มึนตึ้บจึงหยิบน้ำเปล่าปลอมมากินอีกอึก

                “อื๊ออออออ หลอกม๊าอีกแล้วนะ” แบคฮยอนยื่นแก้วเปล่าคืนให้ลูกชายก่อนจะฟุบลงไปกับโซฟา

                “เหล้าสามแก้ว... พอแล้วแหละมั้ง” เซฮุนยืนคำนวนแก้วเหล้าที่เขาพึ่งหลอกหม่าม๊าตัวเอง ก่อนจะเดินไปเปิดประตูบ้าน แหม... อีกไม่กี่วินาทีปะป๊าของเขาก็คงจะมาหาแล้วแหละ


                3

                2

                1


                “บุ๊ค!!!!!!!!!!” ร่างสูงถลาเข้ามาในบ้านและหันไปเจอลูกชายกำลังยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าประตู
 
                “สามแก้วถ้วนครับผม!

                “ดีมากเซฮุน จำแผนพรุ่งนี้ได้ใช่มั้ย”

                “จำได้ครับ ผมจะทำให้ดีที่สุด >__<!!” เซฮุนตะเบ๊ะให้ปะป๊าดูหนึ่งทีจนน่าเชื่อถือ “แต่ตอนนี้ผมคงต้องขึ้นไปนั่งฟังเพลงดังๆ บนห้องแล้วสินะ -.,-

                “ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ T / / / T” ชานยอลตีไหล่ลูกชายแก้เขิน ไม่รู้ใครสั่งใครสอนให้ทำแบบนี้

                “ทำไมม๊าเมาเร็วจังอ่ะ” ก่อนจะขึ้นไปแอบบนห้อง เซฮุนก็ยังคงสงสัยว่าเหล้าห่าเหล้าเหวอะไรทำให้หม่าม๊าของเขาเมาเร็วขนาดนี้

                “อ๋อ... เหล้าลับของตระกูลบยอนเค้าน่ะ ฮ่าๆๆๆๆ เห็นเอาอะไรมาผสมเต็มไปหมด” งานนี้ชานยอลต้องยกความดีความชอบให้พ่อแม่ของแบคฮยอน เพราะทั้งคู่ผสมเหล้าลับของตระกูลมาให้เลยทีเดียว


                แก้วแรกคือมึน แก้วสองคือเมา แก้วสามคือ...


                ชานยอลแทบจะสลัดเอาความคิดหื่นๆ ออกไปไม่ทัน 

                ก็แหม... ประโยคสุดท้ายที่แม่ยายพูดไว้มันส่อมากเลยนี่นา T / / / T
                


                “ผมไปนอนละ ฝากหม่าม๊าด้วยนะป๊า” เด็กน้อยก้าวฉับๆ ขึ้นไปบนชั้นสอง เพราะไม่อยากอยู่รบกวนคนเค้าจะสวีทกัน แต่แอบติดกล้องไว้แล้วแหละ (หืม)

                “บุ๊ค...” ขายาวๆ ก้าวเข้าไปใกล้ร่างเล็กที่คอพับคออ่อนอยู่บนโซฟา เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นและหันมาทางเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์

                “ไรง่ะ~

                “จำเค้าได้ป่าว” เขานั่งชิดกับภรรยาตัวเล็ก และแน่นอนว่าคนที่กำลังเมาต้องเข้ามาซบเขาอยู่แล้ว

                “จำได้... แฟนเก่าเค้า”

                “เฮ้ย!!!!” ชานยอลแทบจะร้องไห้เมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้น

                “เป็นแฟนกันนะ... เป็นแฟนกันใหม่นะชุน...”

                “...”

                “สัญญาว่า~ จะดูแลสามีให้ดีๆ... จะไม่ทิ้งสามีกับลูก... จะไม่หายไปสี่ปี... สัญญา...” แบคฮยอนยื่นนิ้วก้อยมาให้คนตัวสูง และนั่นทำให้เขารู้ว่า...


                โลกทั้งใบของแบคฮยอน... มีแค่เขาคนเดียว


                “ครับ สัญญาว่าจะไม่หายไปไหนอีกแล้ว... จะดูแลบุ๊คและเซฮุน” เขาจุมพิตเบาๆ ที่ปลายนิ้วก้อยเล็กและยื่นนิ้วก้อยตัวเองไปเกี่ยว

                “ทำไมต้องให้ฮุนฮุนมามอมเหล้าบุ๊คด้วยอ่ะ ทำไมอ่ะๆ”

                “ก็อยากรู้ว่าบุ๊คยังรอชุนอยู่มั้ยน่ะสิ... แต่ถ้าบุ๊คไม่เมา บุ๊คก็ไม่พูดความในใจออกมาแน่ๆ” เขาอธิบายทั้งๆ ที่รู้ว่าพูดไปแบคฮยอนก็จำไม่ได้หรอก

                “หรอ... งั้นรู้ไว้เลยนะว่าเค้ารออยู่”

                “รู้แล้ว ^^ ขอบคุณที่รอนะ ขอบคุณที่ยังร...”

                “งื้อ... ร้อนอ่ะ ถอดเสื้อให้หน่อยดิ :3” แบคฮยอนเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน แถมยังเขย่าแขนแกร่งเหมือนเด็กเอาแต่ใจ ร่างเล็กเริ่มถอดเสื้อยืดตัวเองออก 


                แทนที่เขาจะห้าม... ดันยื่นมือไปช่วยถอดด้วยซะงั้น

                จนเห็นตัวขาวจั๊วะน่าเจี๊ยะที่ไม่ได้เห็นมานาน -.,-

                #น้ำลายและเลือดกำเดาไหลออกมาโดยรู้สาเหตุ


                “เอาแล้วไงกู...” ชานยอลแทบจะลมจับ เพราะคำที่แม่ยายพูดไว้มันยังอยู่ในหัว...


                แก้วสามคือ... ร่างกายจะร้อนเป็นไฟจนถอดเสื้อผ้าออกหมดเลย วะฮะฮ่าๆๆๆๆ


                แม่ยายเขาคือนางแม่มดในตำนานชัดๆ -v-
                

                “ถอดกางเกงให้หน่อย เค้าร้อน :3” แฟนตัวเล็กส่งสายตาหวานฉ่ำและมือเล็กนั่นก็จะถอดกางเกงอย่างเดียวเลย ร่างสูงเบือนหน้านีแต่ก็เอามือไปช่วยถอดกางเกงจนได้
 
                “ขอบคุณที่ใส่บ็อกเซอร์นะ =.,=” เขาพึมพำเบาๆ แต่เหมือนคนตัวเล็กอยากจะถอดอีก

                “ร้อนๆๆๆๆ”

                “จะร้อนอะไรนักหนาเนี่ยยยยยยย T0T ไม่ให้ถอดแล้วเข้าใจมั้ย” ชานยอลโวยวาย เขายังไม่พร้อมตอนนี้ เพราะเขากลัวจะไปอม เฮ้ย! หมายถึง... อืม จะไปอม นั่นแหละ T / / / T

                “ก็ได้ (.__.) เดี๋ยวค่อยถอดใหม่เนอะ”

                “ไม่มีถอดใหม่อะไรทั้งนั้นแหละ ไปนอนได้แล้วนะ” เขาช้อนตัวขาวๆ ขึ้นมาในอ้อมอกและสัมผัสได้ว่า... แบคฮยอนผอมลงมาก ผอมมากๆ จนเขาใจหาย

                “...”

                “ทำไมผอมลงล่ะ” เขาถามขึ้นขณะที่กำลังอุ้มร่างขาวเนียนขึ้นบันได แบคฮยอนซุกหน้าอยู่ในอกเขาและตอบอู้อี้

                “ไม่มีคนซื้อช็อกโกแลตปั่นเพิ่มวิปให้กิน...” 

                “เดี๋ยวพรุ่งนี้ซื้อให้เอามั้ย”

                “เอา OwO” แบคฮยอนตาตั้งทันทีที่ได้ยินคำว่า ซื้อให้เขาดีดขาไปมาเหมือนมีความสุขมากและนั่นทำให้ชานยอลรู้สึกดี

                “คืนนี้นอนก่อนนะ... พรุ่งนี้เจอกัน” เขาวางแบคฮยอนลงไปบนเตียงนุ่มและจูบเบาๆ ที่หน้าผาก ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้จูบและอุ้มแบคฮยอนมานานเหมือนกัน
 
                “พรุ่งนี้จะเป็นวันที่ดีของบุ๊คฮยอน :3

                “เป็นวันที่ดีของชุนยอลเหมือนกันครับ” เขายิ้มและจูบที่หน้าผากเนียนอีกครั้ง 

                “บุ๊ครอพรุ่งนี้มาหกสิบเอ็ดวันแล้วอ่ะ... บุ๊คนับถอยหลังตลอดเลยนะรู้ป่าว”

                “...”

                “แต่ถ้าจะให้รอนานกว่านี้บุ๊คก็รอได้... เพราะชุนสัญญาแล้วว่าจะกลับมาไง อิ้อิ้” 

                “สัญญาว่าไม่นานกว่านี้แล้วครับ พรุ่งนี้แน่นอน”


                เขากล่อมให้แบคฮยอนหลับจนได้และรีบขับรถกลับบ้าน...




            ขอให้พรุ่งนี้เป็นวันที่ดี :)








**********







D-0


                “หม่าม๊าไหวมั้ยเนี่ย =0=” ลูกชายตัวดีเอามือมาแตะหน้าผากผมที่ร้อนจี๋ แต่ผมก็ส่ายหน้ารัวๆ

                “ไหวสุดๆ เดี๋ยวม๊าขับรถไปส่งนะ” 


                ผมจำได้ลางๆ ว่าเมื่อคืนผมโดนลูกชายตัวแสบมอมเหล้า แต่ต่อจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้แล้ว... รู้แค่ว่า ผมฝันถึงชุนล่ะมั้ง


                ผมพาลูกไปส่งที่โรงเรียนก่อนจะจอดรถไว้ริมฟุตบาท สองขาพาลูกเข้าไปในโรงเรียนและมือข้างหนึ่งของผมก็จับมือเล็กๆ ของเซฮุนไว้แน่น

                แต่จู่ๆ...


                เด็กน้อยหน้าเดิมๆ ที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นกับเซฮุนมานานก็วิ่งมาหาผม...


                พร้อมดอกไม้หลากสีคนละต้นในมือ


                “พี่แบคฮยอนนนนนนนนนนน~” เสียงเรียกชื่อผมยังคงน่ารักเหมือนเมื่อสี่ปีที่แล้ว แทคยอน จุนซู ซูจองและคนอื่นๆ ต่างก็วิ่งกรูเข้ามา แต่เซฮุนหายไปไหนแล้วไม่รู้

                “ฮ... ฮะ? เกิดอะไรขึ้น?” ผมเลิ่กลั่กไปหมด มองดอกไม้นานาพันธุ์ในมือเด็กๆ แล้วทำตัวไม่ถูก

                “รับไว้เถอะครับ” แทคยอนพูดและทุกคนก็ยัดดอกกุหลาบใส่อ้อมแขนของผม 

                “ถึงหนูจะเป็นแฟนกับลูกของพี่แบคฮยอนแล้ว...” ซูจองกล่าวด้วยสายตาจิกกัด “แต่หนูยังรักคนเดิมอยู่นะคะบอกเลย -^-

                “ครูปาร์คน่ะหรอ O_O!?” ผมร้องลั่น แต่สุดท้ายผมก็ได้รับดอกลิลลี่สีขาวจากซูของอยู่ดี

                “ทางนี้ครับหม่าม๊า~” เด็กน้อยที่ล้อมผมไว้เริ่มกระจายตัวออก และผมก็เห็นลูกตัวเองยืนอยู่ที่หน้าตึกเรียนพร้อมตะกร้าหนึ่งใบ

                “อ... อะไรเนี่ย”

                “ชอบดอกไม้มั้ยครับ” เซฮุนถาม ผมจึงมองดอกไม้กองโตในอ้อมแขนตัวเอง...


                มีแต่พันธุ์หอมๆ และแต่ละพันธุ์ก็มีความหมายดีๆ ทั้งนั้นเลย

                คนให้... จะเป็นคนที่ผมคิดมั้ยนะ


                “ชอบจ้ะ ชอบมากๆ”

                “ใส่ไว้ในตะกร้าก่อนครับ” ผมทำตามคำสั่ง และเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เจอน้องสาวคนเดียวที่ผมเคยมีในชีวิตนี้...

                “จินรี O_O!! มาทำอะไรอีกล่ะเนี่ย!?” ผมร้องลั่นและตั้งใจจะโผเข้ากอด แต่เหมือนน้องนางจะไม่อยากทำเท่าไหร่

                “ไม่มีเวลาแล้วค่ะ ขออนุญาตนะคะพี่แบคฮยอน” จินรีพูดจบก็หยิบผ้าสีดำมาปิดตาผมไว้แน่น แน่นอนว่าผมงงตึ้บและตอนนี้ก็มองห่าไรไม่เห็นละ

                “ค่อยๆ เดินนะคะ เดี๋ยวจะพาไปส่งค่ะ” จินรีพูดข้างหูผมและค่อยๆ จูงมือผมเดินไป ผมไม่รู้หรอกว่าผมเดินไปที่ไหนและผมจะตกหลุมอะไรรึเปล่า...


                แต่ที่แน่ๆ


                “ฮิ้วววววววววววววว~ ขอให้มีความสุขกับครูปาร์คนะคะพี่แบคฮยอนนนนนน~” ผมจำได้ว่านี่ไม่ใช่เสียงลูกศิษย์ที่ผมปั้นมา แต่นี่มันเป็นเสียงของเด็กม.ปลาย T____T

                “ท... ทำไม T^T

                “อย่าอายเลยค่ะพี่แบค เค้ารู้กันทั้งโรงเรียนแล้วว่าผ.อ.จะทำอะไร กิกิ” 



                ผ.อ.

                ครูปาร์ค


                ควรจะมั่นใจได้แล้วสินะว่าจะเกิดอะไรขึ้น T / / / / / / / / T


                “ถึงแล้วค่ะ ค่อยๆ เข้าไปนั่งนะคะ ระวังหัวโขก” จินรีพูดกำกับทุกอย่างจนผมอยากจะขอบคุณเธอ แต่ผมกลับสัมผัสได้ว่าตัวเองกำลังขึ้นไปนั่งบนรถ...


                กลิ่นที่คุ้นเคย


                “ไง...”


                คำทักทาย


                “ขอบคุณที่รอนะ” มือหนาเคลื่อนมาจับที่มือผม... และนิ้วโป้งนั้นก็ถูที่หลังมือผมอย่างละมุนละไม


                ทุกสัมผัส


                “เดี๋ยวจะพาไปนะ... แต่มันใช้เวลาหน่อย”

                “...”

                “รอได้มั้ย”

                “รอมาตั้งหลายปีแล้ว รออีกหน่อยจะเป็นไร” ผมตอบ รู้ตัวว่าเสียงสั่น
                

                ทุกความรู้สึก


                “...”

                “อยากเห็นหน้า... แกะผ้าเลยได้มั้ย” ผมถาม ผมอยากเจอเขา ผมอยากสัมผัสใบหน้าของเขา

                “เดี๋ยวสิ... เดี๋ยวได้เห็นหน้าไปตลอดชีวิตแน่” น้ำเสียงขี้เล่นยังคงเหมือนเดิม ผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ... ไม่รู้สิ มันคิดถึงมากๆ 

                “เมื่อคืนฝันถึงด้วยแหละ” ผมพูดลอยๆ และแสร้งทำเป็นมองออกไปนอกหน้าต่าง ทั้งที่ความจริงก็มองอะไรไม่เห็นอยู่แล้ว

                “หรอ... ฝันว่าอะไรล่ะ” นิ้วโป้งบ้าๆ นั่นยังลูบหลังมือผมไม่หยุด

                “ฝันว่ามาหา... ฝันว่าถอดเสื้อให้ด้วย คิกๆ อ้อ... แถมยังบอกว่าผอมลง เลยจะซื้อ...”


                ผมพูดไม่ทันจบประโยค แก้วน้ำเย็นๆ ก็ถูกยัดลงในมือผม

                ช็อกโกแลตปั่นเพิ่มวิป.


                และนั่นทำให้ผมรู้ว่าเมื่อคืนผมไม่ได้ฝัน



                เขาหยุดรถและหันมาบอกผมว่าติดไฟแดงหนึ่งร้อยวินาที               

                นิ้วโป้งบ้าๆ นั่นก็ยังลูบหลังมือผมไม่หยุด


                “1+1?” เขาถามท่ามกลางความเงียบ ผมรู้ตัวว่าผมอมยิ้มและรอยยิ้มมันกำลังจะฉีกไปถึงหู

                “ปลาโลมา”

                “หึหึ... 2+2?”

                “กรรไกร”

                “ชุน?”
                

                ผมจำได้ว่าไม่มีคำถามนี้ในแบบทดสอบ

                แต่ถ้าเป็นตอนนี้ ผมอยากจะตอบว่า


                My whole world. ผมตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและสัมผัสได้ว่าเขาบีบมือแรงขึ้น

                “...”

                “บุ๊คล่ะ?” ผมใจกล้าถาม แต่เขาไม่ตอบเสียทีเดียว

                เขายกมือผมไปทาบไว้ที่อกและหัวใจของเขาก็เต้นตุบตับออกมาจนสะเทือนมาถึงมือผม



                My heartbeats.







**********






                ผมดูดช็อกโกแลตปั่นเพิ่มวิปครีมจนหมด ไม่ใช่ว่าตะกละตะกรามอะไรแต่ระยะทางมันไกลมาก ไกลจนผมไม่คิดจะไปทำงานต่อแล้วล่ะ ป่านนี้ผมอาจจะไม่ได้อยู่ในเกาหลีใต้แล้วก็ได้มั้ง =_=

                คนข้างตัวปิดแอร์และเปิดกระจกรถมานานแล้ว เหมือนบอกเป็นนัยๆ ว่าตอนนี้เรากำลังเข้าสู่ชนบท

                และนิ้วโป้งนั่นก็ยังลูบหลังมือผมไม่หยุด



                เหมือนรถจะเลี้ยวซ้ายและค่อยๆ เบรกอย่างนุ่มนวล


                “ถึงแล้ว... เดี๋ยวไปเปิดประตูให้นะ” ชุนปลดซีทเบลท์และลงจากรถ ภายในชั่วอึดใจเดียวเขาก็มาเปิดประตูรถให้ผมแล้ว

                “ขอโอบไหล่นะ” เขากระซิบและรอจนผมพยักหน้า มือชุนจับต้นแขนผมเบาๆ เหมือนไม่อยากโดนผมมากนัก แต่สุดท้ายเขาก็พาผมเดินเข้าไปในสถานที่ใดซักแห่งและถอดรองเท้าให้ผมด้วย


                ภายในนี้เงียบกริบ


                ผมรู้สึกหนาวขึ้นมานิดหน่อย เพราะแอร์เย็นเหลือเกิน


                “อยากแกะผ้าปิดตาแล้ว” ผมพึมพำเบาๆ แถมได้ยินเสียงหัวเราะจากอีกฝ่ายด้วย ผมไม่รู้ว่าชุนให้ผมนั่งลงบนเก้าอี้หรือโซฟา แต่ที่รู้ๆ คือความนิ่มระดับล้าน

                “จะถอดแล้วนะ...” เขาพูดข้างหูผมและกำลังแก้ปมผ้า “หลับตาไว้ก่อนแล้วค่อยๆ ลืมตานะ เดี๋ยวแสบตา”


                ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่ใบหูที่แดงขึ้นของผมก็น่าจะทำให้เขารู้ว่าผมชอบทุกคำพูดของเขา


                แสงจ้าๆ เข้ามากระทบกับตาผม ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ดวงตาก็ปรับตัวให้ชินกับแสงสว่างได้ ผมเห็นชุนนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นและมือเขาก็กุมมือผมไว้แน่น


                แต่คุณไม่รู้หรอกว่าผมเห็นอะไร

                “พามาบ้านใครเนี่ย” ผมพึมพำเบาๆ เมื่อรู้ว่าสถานที่กำลังนั่งอยู่คือ บ้าน

                “บ้านบุ๊ค” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่เห็นฟันเขาครบทุกซี่ทั้งที่ความจริงไม่ถึงขนาดนั้นซักหน่อย

                “บ้านบุ๊คบ้าอะไรล่ะ บ้านใคร ตอบมาดีๆ” ผมตีเข้าที่ไหล่ แต่แทนที่ชุนจะตอบ เขากลับหยิบกระดาษราชการออกมาซะงั้น

                “ดูซะ... โฉนดที่ดินห้าไร่ของใคร” มือหนาจับไว้ที่หัวกระดาษและผมก็เห็นชื่อบยอนแบคฮยอนเด่นหราอยู่บนนั้น


                นายบยอนแบคฮยอน... เจ้าของโฉนดที่ดินห้าไร่


                “บ้าแล้ว...”

                “ไม่บ้า... ที่ดินนี้ของบุ๊ค บ้านก็ของบุ๊ค สวนผลไม้กับสวนดอกไม้ก็ของบุ๊ค...”

                “...”

                “คนซื้อให้ก็เป็นของบุ๊ค” เขาพูดพลางยกมือผมขึ้นไปจูบเบาๆ ผมตีไหล่ชุนอีกครั้งและเริ่มใช้สายตากวาดมองรอบๆ บ้าน  


                พื้นไม้ปาร์เก้สีน้ำตาลโอ๊ค ฝาผนังบ้านสีน้ำตาลอ่อนดูคลาสสิก โทรทัศน์จอแบนที่ขนาดใหญ่กว่าตัวผมอยู่ตรงหน้าและโซฟาสีครีมที่ผมนั่งก็ยังคงความนิ่มระดับล้าน 


                ผมแหงนหน้ามองขึ้นไปด้านบน แอบกลัวว่าความเวอร์ของคนตัวสูงจะทำให้ผมเห็นโคมไฟระย้าสีทอง โชคดีที่ไม่เห็น แต่กลับเห็นโคมไฟสไตล์โมเดิร์นที่ท่าทางจะแพงอยู่บนนั้น


                “นี่หรอ... สี่ปีที่หายไป” ผมถาม ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามือตัวเองไปลูบใบหน้านั้นตั้งแต่เมื่อไหร่

                “ก็... ทำนองนั้น แหะๆ” ชุนหน้าเจื่อน

                “...”

                “อยากทำให้เหมือนเรือนหอปราสาททราย... ห้องมุมขวาตรงนั้นก็ของเซฮุนนะ” เขาชี้ไปทางห้องที่อยู่ด้านขวาบน และนั่นทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวเมื่อหลายปีมาแล้วได้...


                ...


                ครูปาร์คกับพี่แบคฮยอนจะก่อปราสาททรายแบบไหนหรอครับ?” เซฮุนเงยหน้าถาม มือสองข้างของเขาถูกจูงโดยพี่แบคฮยอนและครูปาร์คคนละข้าง ทั้งสามคนเดินไปหาที่ทรายแข็งพอเหมาะก่อนจะนั่งลง

            สร้างเรือนหอน่ะฮุนฮุน 55555555ครูปาร์คพูดก่อนจะขำซะเอง

            เรือนหอห่าไร๊ ฮุนฮุนอย่าไปฟัง... จะเป็นปราสาทที่เราอยู่ด้วยกันสามคนไง

            ก็เรือนหอปะล่ะแหมครูปาร์คยังคงเถียงคอเป็นเอ็น เขาเริ่มขุดทรายให้เป็นวงกว้าง น้ำเริ่มเอ่อและขังอยู่ในหลุม นี่เป็นสระน้ำใต้ปราสาทบ้านพวกเรา


            ...



                โอย น่ารัก...
                
 
                “ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้หืม” ผมพึมพำและจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตที่คุ้นเคย 

                “ก็... อยากทำให้เมียมันผิดปะวะ” ชุนเกาหัวและพูดจากวนประสาท

                “ผิด... ผิดที่ไม่บอกเมียไง มาทำคนเดียวแบบนี้ใครมันจะไปรู้ ไอ้เราก็นึกว่าโดนทิ้งสิ” ผมพูดและรู้สึกได้ว่าความน้อยใจลอยขึ้นมาจุกที่ลำคอ 

                “ขอโทษนะ ไม่โกรธใช่ปะ” เขาเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าผมออก

                “โกรธจนเลิกโกรธละกูเนี่ย =_=” ผมยังคงตีเข้าที่ไหล่ของชุน ไหล่มันจะบุบหรือพังก็ช่างเถอะ ทำตัวน่าหมั่นไส้ที่สุด

                “ความจริงมันเสร็จนานแล้วล่ะ แต่มีอีกส่วนนึงที่ยังไม่เสร็จ เลยขอต่อเวลาไปอีกสองเดือน... เสร็จพอดีเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว >_<” 

                “ส่วนไหน”

                “ไว้ดึกๆ แล้วจะพาไปดู ^__^ แต่ตอนนี้ต้องไปดูอะไรบางอย่างก่อน” ชุนลุกขึ้นยืนก่อนจะยื่นมือมาให้ผมจับ เขาพาผมเดินไปที่หลังบ้าน... พร้อมกับเปิดประตูบานใหญ่ออก


                ฉากหลังของบ้านผมคือภูเขาสีเขียวแก่ที่วางทอดยาวเป็นแนว ทำให้ผมรู้ว่าตอนนี้ผมคงอยู่ในเขตชนบทเต็มตัว ภายในอาณาเขตของที่ดินมีไม้ยืนต้นเล็กๆ หลายสิบต้นกำลังซึมซับแสงอาทิตย์กันอย่างสนุกสนาน ด้วยความที่มันยังไม่ออกผล ทำให้ผมไม่รู้ว่ามันคือต้นอะไร 


                “ส้มกับแอปเปิ้ลน่ะ... กูปลูกไว้ให้ บุ๊คมาดูแลต่อด้วยนะ” ผมพยักหน้ารับ ชุนรู้อยู่แล้วว่าผมชอบดอกไม้ใบหญ้า คงสังเกตได้จากการพยายามปลูกดอกไม้ให้ได้มากที่สุดบนระเบียงคอนโด

                “แล้วตรงนั้นล่ะ?” ผมชี้ไปที่สวนดอกไม้มุมขวาของที่ดิน

                “เห็นบุ๊คชอบด่าว่าอีดอก ก็เลยปลูกไว้ให้”

                “ไม่ใช่ละ =_=” ผมคิ้วขมวดกับมุกกากๆ แต่ภายในนี่อยากขำจะแย่

                “ก็เห็นว่าบุ๊คชอบปลูกดอกไม้ไงงงงง~ ต่อให้ดอกไม้ตายกี่รอบก็ไปสรรหามาปลูกอีก... เนี่ย เลยปลูกไว้หลายต้นหลายพันธุ์เลย เผื่อตายจะได้ไม่เสียใจ” ชุนขยี้หัวผมแรงๆ ก่อนจะเดินนำไปที่สวนดอกไม้ 


                และทำให้ผมรู้ว่า

                ดอกไม้ที่เด็กๆ เอามาให้ผมนั้น... มาจากสวนนี้ชัดๆ


                กุหลาบหลากสีอัดแน่นอยู่ตรงกลางและถูกล้อมรอบด้วยลิลลี่ขาวกับชมพูที่กำลังผลิบานอย่างไม่มีใครยอมใคร ดอกไม้ทั้งสองต่างแข่งกันส่งกลิ่นหอมมาเตะจมูก ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และรู้ว่าดอกกุหลาบกับดอกลิลลี่ไม่ได้เป็นคนทำให้มีกลิ่นหอมนี้

                แต่เป็นต้นไลแลค ต้นไม้สูงตระหง่านที่มีดอกไม้สีม่วง เปรียบเสมือนเหมือนรั้วล้อมสวนดอกไม้ไว้
 
                “กูชอบดอกไลแลค” ผมพูดเบาๆ และเดินไปดมมันใกล้ๆ

                “อืม เห็นชอบฉีดน้ำหอมที่มีกลิ่นดอกไลแลค เลยเอามาให้เป็นพิเศษ”


                โดนเอาใจใส่อีกแล้วแฮะ


                “เอ๊ะ... ไม่เห็นมีสระน้ำใต้ปราสาทเลย คิกๆ” ผมเด็ดดอกไลแลคมาหนึ่งช่อและยื่นให้ชุน 


                กะจะทำให้โรแมนติค 

                แต่แม่งเสือกปาดอกไลแลคใส่หน้าผม


                “มีเว่ย!

                “ไหนล่ะ!?” ผมชักจะหงุดหงิด อิห่านี่จะให้บรรยากาศมันโรแมนติกหน่อยไม่ได้เลยจริงๆ

                “มึงมานี่เลย ดูถูกกูนัก ไอ้สระน้ำใต้ปราสาทนี่กูเสียเวลาทำเป็นปีเลยนะ” มันโวยวายและลากผมกลับไปที่ตัวบ้าน 

                “จะพาไปข่มขืนใช่มั้ย หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ >__<!!” ผมแกล้งทำเป็นดิ้น ไหนๆ จะเอาฮาแล้วก็มาเล้ย กูพร้อมฮาเสมอ

                “เออ ข่มขืนแม่งไอ้เหี้ย” ชุนพาลงไปชั้นใต้ดิน นี่กูจะบ้า มึงมีชั้นใต้ดินด้วยเรอะ T_T


                แต่ไม่ทันจะได้แซะมันต่อ ผมก็เห็นสระว่ายน้ำสีฟ้าอ่อนเด่นหราอยู่ตรงกลาง ราวตากผ้าขนหนูสีขาวอยู่ริมห้องและมีสไลเดอร์อันเบ้อเริ่มด้วย 


                แต่สิ่งที่ผมไม่คาดคิดคือแม่งมีทีวี สเตอริโอและตู้เย็นพร้อมสรรพ


                “เวอร์เหี้ยๆ” ผมแซะและนั่นคงเป็นคำสุดท้ายที่ชุนอยากได้ยินจากปากผม...



                เพราะมันผลักผมลงไปในน้ำ


                “แค่กๆๆๆๆๆๆๆ ไอเหี้ยยยยยยยยยย กูเกลียดมึ๊งงงงงง” น้ำแม่งขึ้นจมูกผมจนผมอยากจะเอาขี้มูกเหนียวๆ ไปป้ายหน้ามัน นอกจากจะไม่ช่วยให้ผมขึ้นไปบนฝั่งแล้ว ยังมีหน้ามาแลบลิ้นปลิ้นตาอีก

                “คุณเจ้าของที่ดินช่วยประเดิมสระว่ายน้ำหรอครับบบบ~

                “กวนตีน! บันไดอยู่ไหนวะเนี่ย!” ผมหันรีหันขวาง เห็นบันไดสระว่ายน้ำอยู่ริมขอบนู๊นนนนนนน

                “เดี๋ยวกูลบทิ้งเหมือนในซิมส์ดีมะ มึงจะได้ตายห่าคาสระไปเลย”

                “ไอเหี้ยชุนนนนนน กูจะร้องไห้แล้วนะ!!” ผมเกาะขอบสระไปเรื่อยๆ ยังไม่อยากโชว์ท่าว่ายน้ำอะไรตอนนี้ มันไม่ใช่เวลาไงเหี้ยเอ๊ย

                “ชอบบ้านนี้มั้ย?”

                “ชอบมาก!!

                “...”

                แต่ชอบมึงมากกว่า!! เอากูขึ้นจากสระเดี๋ยวนี้เลยนะะะะะ TT0TT

                “อุ๊ยพูดดี” มันทำท่าเหมือนถูกใจคำพูดผมมาก ความจริงผมก็ไม่ได้อยากจะพูดหรอก แต่กลัวตายคาสระซะก่อน 


                และสุดท้ายมันก็ยื่นมือมาให้ผมจับ



                และผลักผมลงน้ำไปอีกรอบ







               

กลางดึก


                ชุนมาหาซื้อที่ดินได้ที่คังวอนโด เมืองที่หนาวที่สุดในเกาหลี T_T พวกเราจึงต้องขับรถไปรับลูกชายตัวแสบมาจากโซล มันก็ไม่ได้ไกลเท่าไหร่นัก แต่ใช้เวลาประมาณเกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึงตัวเมือง


                เซฮุนก็ดูเหมือนจะชอบบ้านหลังใหม่มากๆ เขาเดินไปหาเพื่อนบ้านโดยรอบและทำความรู้จักเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันจนครบ แถมยังอาสาว่าจะเป็นคนดูแลไร่แอปเปิ้ลกับส้มด้วยตัวเอง ส่วนผมก็ดูแลสวนดอกไม้ต่อไป


                ผมปรึกษากับชุนเรื่องการเรียนของลูก ชุนบอกว่าไม่ต้องห่วง เพราะมันมาทำโรงเรียนสาขาอยู่ใกล้บ้านแค่หนึ่งร้อยเมตร -0- นี่ก็รอบคอบจนหาช่องว่างให้ด่าไม่เจอจริงๆ



                “อิเหี้ยชุน ไม่ต้องมานอนแผ่เลย เขยิบไป” ผมที่พึ่งจะออกมาจากห้องน้ำ เห็นสามีนอนแผ่อยู่กลางเตียงจีบรีบดันมันให้ไปนอนริมฝั่งนู้น

                “กระโดดมาทับเค้าจิ -w-

                “ไม่ต้องมาแอ๊บแบ๊ว เขยิบไปเลยเร็วๆ” ผมดันตัวหนักๆ ของชุนไปนอนอีกฝั่ง เตียงนี่ก็จะใหญ่เยอะแยะทำไมไม่รู้ (แต่ที่แน่ๆ ยังมีผ้าห่มลายชุนบุ๊คอยู่เลย )

                “ง่วงแล้วอ่อ”

                “อืม ทำไมอีกเนี่ย” ชุนลุกจากเตียงก่อนจะยิ้มเขินๆ มันจับมือผมไว้แล้วพาเดินออกมาจากห้องนอนไปยังห้องๆ หนึ่งในชั้นเดียวกัน

                “ห้องนี้เป็นความลับของเราสองคนนะ... แม้กระทั่งลูกก็รู้ไม่ได้” ชุนกระซิบเบาๆ และยิ้มมีเลศนัย ผมพยักหน้าก่อนจะบิดลูกบิดเข้าไปในห้องนั้น


                แต่ห้องนี้เป็นห้องมืดๆ ที่มีบันไดต่อขึ้นไปด้านบน


                “จะพากูไปข่มขืนหรอ”

                “ไอห่านี่ก็ชอบถามอย่างงี้จัง อยากให้ข่มขืนจริงๆ ใช่มั้ยห้ะ =__=” ชุนเขกหัวผมเบาๆ ก่อนจะจับมือผมพาเดินขึ้นไปด้านบน มือเปียกเหงื่อของมันทำเอาผมอยากจะขำ... มันนั่นแหละที่ประหม่าที่สุดในโลก


                เมื่อขึ้นไปสุดปลายบันได... เหมือนผมอยู่ในห้องมืดๆ ห้องหนึ่งที่ไม่มีอะไรเลย


                “นอนตรงนี้” ชุนสั่งก่อนจะชี้ไปที่โซฟาเอนนอนตัวหนึ่งที่อยู่ใจกลางห้อง ผมจึงต้องทำตามอย่างเงอะๆ งะๆ 


                มันเดินมาจูบหน้าผากผมก่อนจะเดินหายไปไหนไม่รู้


                “หลับตาก่อนนะ”

                “ชุน...” ผมชักจะกลัว ไม่ค่อยถูกกับความมืดเท่าไหร่ แต่ก็ยอมหลับตาตามคำสั่ง


                ผมสัมผัสได้ว่ามีลมเข้ามาทางด้านบนเหมือนหลังคาถูกเปิด ยังไงก็เถอะ ผมขอฝ่าฝืนคำสั่งที่ให้หลับตาและลืมตาขึ้นมาโดยไม่ต้องรอให้ชุนอนุญาต



                ภาพที่ผมเห็นคือดาวนับล้านดวงอยู่บนท้องฟ้า... ดาวที่ยากที่จะเห็น


                แต่ผมก็ได้เห็นแล้ว


                “ห้องดูดาวน่ะ ชอบมั้ย” ชุนพูดจากมุมห้องและเดินเข้ามาหาผม มันเอนตัวลงนอนที่โซฟาข้างๆ ก่อนจะปล่อยให้แสงดาวและแสงจันทร์ทำหน้าที่ให้แสงสว่าง

                “ชอบ...” ผมตอบสั้นๆ แต่นั่นคือความรู้สึกของผมจริงๆ

                “สองเดือนที่ขอไว้คือเอามาทำห้องนี้น่ะ หลังคาเปิดปิดมันทำยาก...” ชุนพูดยิ้มๆ และรอยยิ้มเวลาชุนภูมิใจอะไรบางอย่างคือรอยยิ้มที่เท่ที่สุดในโลก

                “...”

                “อยากให้บุ๊คเห็น ท้องฟ้าไปตลอด แค่นั้นเอง...” 

                “จ้ะ” ผมตอบรับก่อนจะหอมแก้มมันเบาๆ “แต่รู้มั้ยว่าบุ๊คไม่ชอบดูดาวหรอก”

                “...”

                ฮุนฮุนน่ะสิ... ชอบดูดาวเหนือ อิอิ” ปลายจมูกผมเกลี่ยที่แก้มชุนเบาๆ และผมก็หอมแก้มมันอีกทีให้แน่ใจว่าผมชอบห้องนี้จริงๆ

                “ไปได้ละ ให้ดูแค่นี้แหละ” ชุนดันตัวผมให้ลุกขึ้นจากโซฟา แต่ก็บังคับให้ผมนั่งต่อ

                “ห้ะ อะไร” ผมถามงงๆ เพราะชุนลงมานั่งคุกเข่าตรงหน้าและผมก็เริ่มจะทำตัวไม่ถูก

                “เดี๋ยวจะมีอะไรตกมาจากฟ้า” ชุนพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ในมือมันมีเชือกหนาๆ เส้นหนึ่งและมันก็กระตุกเชือกเบาๆ



                ป๊อง!

                เหมือนมีห่าอะไรบางอย่างตกลงมากระแทกหัวผม =O=!!



                แต่ชุนก็รับไว้ทัน!!!!!!


                “หู้ววววว ท่านี้กูซ้อมแทบตาย โชคดีรับทัน” มันเอามือทาบอกอย่างโล่งใจและยิ้มให้ผมเหมือนเดิม 

                “...”

                “บุ๊ค” ชุนหยิบมือผมขึ้นมาเบาๆ และเอาไปลูบที่หน้าตัวเอง ริมฝีปากที่ผมอยากจูบตลอดเวลาบดเบียดลงบนหลังมือผมอย่างเอาใจ

                “จ๋า”

                “... แต่งงานกันนะ ครั้งนี้ชุนขอแต่งงานเอง แต่งด้วยใจ”


                ผมไม่รู้ว่าโลกหยุดหมุนตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผมรู้ว่าโลกทั้งใบของผมยังเป็นของชุนอยู่ดี


                “...”

                “ไม่ใช่แต่งงานเพราะสงสารหรือรำคาญอะไรทั้งนั้น แต่เป็นรักล้วนๆ... รักยี่สิบปีน่ะ ความรู้สึกมันยังเหมือนเดิมทุกอย่างไม่เปลี่ยนเลยว่ะ” ชุนหัวเราะเบาๆ และแบมือให้ดูของที่อยู่ในมือมัน


                แหวนเพชร
                

                “...” เหมือนชุนจะเห็นหน้าช็อคๆ ของผม มันจึงรีบพูดต่อ

                “กูไม่รู้จะหาอะไรมาคู่ควรกับบุ๊คได้นอกจากเพชรแล้วล่ะ... ไม่ต้องคิดมากนะ ^_^” พูดจบก็ส่งยิ้มใจดีมาให้ผม และค่อยๆ ใส่แหวนในนิ้วนางข้างซ้ายของผมที่ว่างมาตลอด

                “...”

                “ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรอ เขินนะ ฮ่าๆๆๆๆ” 

                “คิก...” ผมหลุดหัวเราะออกมาก่อนจะกระซิบอะไรบางอย่างข้างหูชุน


                กระซิบในสิ่งที่ผมบอกพวกคุณไม่ได้


                แต่มันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจผมมาตลอดเวลา

                ซึ่งมีห้าพยางค์เท่านั้น




                ประธานคือ บุ๊ค

                กริยาคือ รัก

                กรรมคือ ชุน

                คำวิเศษณ์คือ มากๆ เลย



                ไปคิดกันเอาเองละกันนะ :)

               
               

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น