วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557

ภษคส : 21 B, you keep me warm.



21

B, you keep me warm.



 

                “ชุนตื่นเย็ว :3” 

                “มาตื่นยงตื่นเย็วอะไรล่ะ ตื่นเร็วต่างหาก” ร่างสูงแก้คำผิดแต่กลับพลิกตัวตะแคงหนีไปอีกทาง วันนี้วันอาทิตย์... ไม่อยากตื่นเลย (อยาก-นอน-กก-เมีย)

                “วันนี้ทุกคนมาเที่ยวบ้านนะเว่ย ตื่นเร็ว~~” แบคฮยอนก้มลงไปหอมแก้มทีนึงเพื่อเพิ่มกำลังใจในการลุกจากเตียง แต่เหมือนจะเป็นกำลังใจให้... กกเมียมากกว่า

                “ขอกอด”

                “ไม่เอา นี่เที่ยงแล้วนะ ตื่นสายอย่างงี้เดี๋ยวฟ้องป๊าเลย”

                “ทีเดียว... แค่กอดเฉยๆ ไม่ทำอย่างอื่น” ชานยอลยังคงหลับตาเพราะเปิดเปลือกตาไม่ขึ้น คนตัวเล็กจึงยอมเข้าไปขดตัวอยู่ในแขนนั้นและสัมผัสได้ถึงแรงกอดแน่นๆ จากเขา

                “อรุณสวัสดิ์นะ ^3^” สุดท้ายเขาก็ตื่นเต็มตาเพราะกอดนิ่มๆ ของแบคฮยอน >_<


                ปัง!!!!!


                “ไม่อรุณสวัสดิ์แล้วครับไอเหี้ยคุณเพื่อน พระอาทิตย์จะตกดินอยู่ละฟายยยยยยยยย!!” จู่ๆ จงแดก็ถีบประตูห้องนอนเข้ามา 

                “อ้าว...”

                “ถ้ากูไม่โทรเข้าบ้านแล้วอิโด้ไม่รับสาย กูคงมาไม่ถึงบ้านนี้อ่ะครับ ซับซ้อนชิบหาย นี่คราวหลังไปสร้างบ้านในเขาวงกตไป๊” เขายังบ่นไม่หยุด “แล้วนั่นจะกอดกันอีกนานมะ เห็นแล้วหงุดหงิด”

                “ปล่อยซี่” แบคฮยอนสลัดตัวเองออกจากแขนหนักๆ ของชานยอลก่อนจะลุกขึ้นมาต้อนรับเพื่อน “มึงมาก็ดีแล้ว พี่มินซอกล่ะ?”

                “เล่นกับลูกมึงอยู่ข้างล่าง” 

                “เออไปกัน ปล่อยไอ้บ้านี่นอนไป” แบคฮยอนตีก้นคนตัวสูงเป็นการปลุกครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินตามจงแดลงไปด้านล่าง เห็นแก๊งเด็กกำลังนั่งจีบกัน ส่วนแก๊งผู้ใหญ่ก็คุยกันเรื่องตลาดหุ้นอยู่ได้ 

                “มึง...” เขากระซิบเพื่อน “กับพี่มินซอกไปถึงไหนละ”

                “อย่าถามได้ปะ =__= แม่งไม่ถึงไหน พี่เค้าไม่จีบกูมาตั้งแต่ตอนนั้น แล้วกูก็จีบฝ่ายเดียว...”

                “...”

                “พี่เค้าก็ไม่ใจอ่อนซักนิดเลยด้วย” จงแดพูดพลางถอนหายใจ 

                “มึงรู้สึกยังไงกับเค้าล่ะ?”

                “ถ้ากูไม่รู้สึกอะไร...”

                “...”

                “กูไม่ยอมให้แม่งเอากูหรอกสัส” เขาเดินลงบันไดเป็นการตัดบท ไม่ค่อยอยากจะพูดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่นัก เพราะตอนนั้นเขาเมาแค่นิดเดียวและเห็นหน้าพี่มินซอกเป็นคยองซู


                แต่เขาก็จำได้ทุกท่วงท่า ทุกการกระทำ... แถมยังครางออกมาเป็นชื่อมินซอกด้วยนะ


                ส่วนพี่มินซอก... เขาไม่รู้ว่าตอนนั้นพี่มินซอกเมาแค่ไหน แล้วที่ทำๆ ไปจำได้รึเปล่า...

                อยากรู้แต่ไม่กล้าถาม


                “อ้าวแบคฮยอน ย้ายมาอยู่บ้านนี้แล้วดูคุณนายขึ้นเยอะนะ 5555555555555” มินซอกทักทายเพื่อนรุ่นน้องอย่างสดใส เพราะไม่ได้เจอแบคฮยอนมาหลายเดือน

                “มึงลาออกนี่พวกกูเหงาสุดๆ อ่ะ” จงแดตบบ่าแบคฮยอนอย่างใจหาย เขาทำงานคนเดียวไม่สนุกเลย แถมยังต้องวิ่งตามมินซอกตลอดเวลาด้วย

                “ก็บ้านมันไกลจากบริษัทตั้งสองชั่วโมง ให้กูทำไงล่ะ ฮ่าๆๆๆ”

                “แล้วชานยอลมันดูแลดีรึเปล่า ถ้ามันดูแลไม่ดีกูจะได้หาเรื่องฆ่ามัน” คยองซูเอ่ยปากอย่างหงุดหงิด พูดเรื่องที่แบคฮยอนถูกทิ้งทีไรก็ของขึ้น

                “ดูแลดีเหอะสาสสสสสสสสส” เสียงทุ้มๆ ตะโกนตอบมาจากด้านบน สงสัยคงจะตื่นแล้วจริงๆ 

                “แล้วนี่สองคนนี้เป็นแฟนกันรึยัง ^__^?” แบคฮยอนแกล้งจงแดอีกครั้งด้วยคำถามที่ปราศจากคำตอบ จงแดนี่แทบจะร้องไห้ แต่มินซอกกลับเฉยๆ

                “ยัง” เขาตอบมานิ่งๆ แค่นี้

                “แล้วทำไมพี่ไม่ขอซะทีล่ะ”

                “ก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนกัน แล้วจะเป็นแฟนกันทำไมล่ะ” คำตอบนั้นทำเอาคนฟังจุกกันเป็นแถบๆ แอบเห็นคยองซูกระซิบกับจงอินว่าพี่มินซอกเคะขึ้นเยอะนะ แต่จงอินก็ไม่ได้ตอบอะไร


                แบคฮยอนเองก็ถึงกับเงิบ งานนี้คงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากจงแดจะทำให้พี่มินซอกใจอ่อนเอง
                




                ไม่นานนักจุนมยอนก็มากับแฟนรุ่นน้อง... จื่อเทา ส่วนจีฮเยก็หอบหิ้วลูกแฝดมาด้วย แน่นอนว่าเด็กแฝดเป็นที่จับตามองของเซฮุนและลู่หานเป็นอย่างมาก


                “น้องชื่ออะไรหรอครับน้าจี”

                “บีกับซีจ้ะ กรั่กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” น้าจีฮเยหัวเราะสะใจ ไม่ใช่อะไรหรอก คืออยากจะให้ความฟินในตัวชุนบุ๊คไปลงทีลูก ก็เลยตั้งชื่อซะเลย

                “โห ชื่อเหมือนป๊าม๊าผมเลย”

                “อืม ถูกละ 555555555555555555” น้าจีฮเยปล่อยให้ลูกคนอื่นเล่นกับลูกตัวเองได้ซักพักก็เดินไปหาพี่จุนมยอน ชายแสนดีเบอร์หนึ่งในใจของเธอ

                “พี่จุน จีมากราบค่ะ” 

                “กราบทำไม T_T” จุนมยอนผละหนี เพราะเขาเองก็รู้สึกผิด

                “กราบที่พี่เลิกกับหนูสิคะ ไม่งั้นหนูคงไม่รวยขนาดนี้ หึหึ”

                “นี่ว่าพี่จนสินะ T0T ก็ดีเหมือนกันที่จีฮเยเลิกกับพี่... เพราะพี่มีจื่อเทาแล้ว หึหึ” จุนมยอนลากแขนจื่อเทามากอดก่อนจะยืดอกภูมิใจสุดๆ

                “หนูมีความลับจะบอกพี่แหละ...” จีฮเยยิ้มหวาน ยิ้มสวยที่สุดเท่าที่ผู้ชายที่รู้จักเธอจะเคยเห็น 

                “...”

                “หนูเคยชอบพี่ ชอบพร้อมกับที่ชานยอลชอบแบค... ชอบจนขอพี่แต่งงาน”

                “จี...”

                “แต่พี่ไม่ต้องห่วงนะ ตอนนี้จีมีสามีแล้วและเขาก็ดีมากๆ ด้วย ^__^” พูดจบจีฮเยก็ก้มลงไปกราบจุนมยอนจริงๆ เพราะนั่นเป็นความรู้สึกดีๆ ทั้งหมดที่เธอเคยมอบให้


                ตอนเด็กๆ พี่จุนมยอนดูแลเธอเหมือนน้องสาวแท้ๆ คนหนึ่ง ดูแลดีไม่ต่างจากแบคฮยอน (แต่ต่างจากชานยอลนิดนึงเพราะพี่จุนหมั่นไส้ที่มันแอบชอบน้องตัวเอง) ดังนั้น เพราะจุนมยอนดูแลเธอดีมาก มันจึงไม่ยากเลยที่จีฮเยจะตกหลุมรักตั้งแต่ตอนนั้น


                ถึงเธอจะแกล้งบอกชอบพี่จุนมยอนไปกี่ครั้ง พี่จุนมยอนก็จะยิ้มให้แล้วขยี้หัวเธอเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

                เป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกของจีฮเย

                เพื่อนชายทุกคนก็นิสัยดีหมด แต่ทุกคนไม่มีใครดีทัดเทียมพี่จุนได้เลย


                “ขอบคุณนะคะที่ดูแลหนู... หนูไปทำบุญทีไรก็อธิษฐานให้ชาติหน้าได้เป็นเมียพี่น่ะค่ะ”

                “พี่จี =___=” นังหนูหวงจื่อเทาดักคอไว้ซะก่อน พลางลากแฟนตัวเองไปให้ห่างจากพี่ผู้หญิงคนนี้ สองขายาวรีบพาแฟนตัวเองไปนั่งที่อื่นทันที

                “พี่จุนอย่าไปคุยกับพี่จีมากสิ” 

                “อะไรอ่ะ ก็จุนกับจีไง น่ารักดีออก >__<” จุนมยอนตอบฉะฉาน

                “จุนกับจีอะไรล่ะ จุนกับจื่อตะหาก -3-” จื่อเทาเอาคางไปเกยบนไหล่แฟนรุ่นพี่ และถือโอกาสนี้เอาปลายจมูกโด่งของตัวเองเกลี่ยไปที่แก้มเนียน

                “จื่อดื้อกับทุกคนเลยอ่ะ”

                “แต่จื่อก็ดีกับพี่คนเดียวนะ”

                “ดีที่ไหนล่ะ” จุนมยอนหยิกปลายจมูกขี้เล่นนั้นเบาๆ “คนเนี้ยดื้อดื้อดื้อดื้อ!

                “อือออออออไม่ดื้ออออออ”




                จีฮเยที่กลายเป็นหญิงเพียงคนเดียวได้แต่ยืนเคว้งอยู่ท่ามกลางผู้ชายมากมายที่นั่งกันเป็นคู่ๆ อยากจะอ้วกแตกแต่ก็กลั้นใจได้เพราะชินซะแล้ว
                

                “ถ้ากูโสดกูคงฆ่าตัวตายแม่งตรงนี้...” เสียงลอยลมของจีฮเยก็เหมือนลมที่พัดผ่านตัวพวกเขา ไม่มีใครฟังหรอก
                

                เพราะทุกคนต่างรีบซึมซับความทรงจำตรงหน้า

                และวินาทีตรงหน้าให้ได้มากที่สุด








                ตกเย็น ทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้านของตัวเองยกเว้นคยองซู จงอินและลู่หานที่จะอยู่ที่บ้านนี้ต่ออีกหนึ่งอาทิตย์ ร่างสูงเห็นภรรยาตัวเองนั่งเหม่อลอยอยู่ริมระเบียงยามค่ำคืนจึงเดินเข้าไปหาเงียบๆ


                “จ๊ะเอ๋คุณเค” เขากระซิบเบาๆ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตกใจ

                “มีไร... ถ้าบอกให้ไปนอนนี่ไม่เอานะ ขอยืนดูดาวแป๊บนึง” คยองซูหันไปตอบก่อนจะยืนมองดาวบนท้องฟ้าอีกครั้ง

                “คุณเค... คุณเจมีอะไรจะบอก”

                “ไม่คุยเรื่องสร้างบ้านนะ” เขารีบตัดบท

                “ผมจะคุยกับพี่เรื่องนี้พอดี” จงอินเปลี่ยนสรรพนาม... เขาเพิ่มระดับความจริงจังจนคยองซูยอมผละจากดวงดาวระยิบระยับมาฟังเขาเต็มๆ หู

                “...”

                “ทำไมพี่ไม่อยากให้ผมสร้างบ้าน”

                “...” คยองซูไม่รู้จะพูดอะไร สิ่งที่เขาคิดมันไกลเกินกว่าฝัน

                “หน้ากังวลเชียว...”

                “พี่...” เขาแทรกขึ้นมา สีหน้ากังวลยังชัดเจน “พี่อยากให้...”

                “...”

                “พี่อยากให้สร้างที่เกาหลี... อยู่ใกล้บ้านนี้ได้ยิ่งดี” เขาหลบตาต่ำ รู้ว่าที่พูดไปไม่สามารถทำได้ เพราะหน้าที่การงานอยู่ที่อเมริกาและลูกชายก็กำลังไปได้สวยกับชีวิตที่นั่น

                “ก็เอาสิ ที่ดินแถวนี้ก็ไม่แพง... ถัดจากนี่ไปอีกสองกิโลก็ยังมีที่ดินกว้างๆ อยู่”

                O_O

                “เมื่อเช้าตอนพี่หลับ... ผมลองออกไปหาที่ดูน่ะ ^^; แถวนี้อากาศดีด้วย...”

                “แล้วงานที่นู่นล่ะ? ชีวิตของลูกด้วยนะ...”

                “พอลู่หานเรียนจบเกรดสิบสอง ผมก็กะจะขอพ่อกลับมาทำงานที่นี่... ไม่ต้องไปทำงานที่บริษัท แค่เข้าประชุมอาทิตย์ละครั้งก็พอ แล้วพี่ก็ไม่ต้องทำงานเหมือนพี่แบคด้วย” จงอินพูดแผนการทุกอย่างในสมอง เมื่อคืนเขาคิดไม่ตกและนี่คือสิ่งที่เขาคิดว่าสมบูรณ์แบบที่สุด

                “...”

                “ผมรู้ว่าพี่อยากทำงาน แต่งานของพี่คืออยู่บ้านและเป็นเมียผมก็พอ”

                “หยาบคาย - / / -” ด่าเขา แต่ก็เอามือไปตีที่อกแกร่งเบาๆ

                “ตกลงเอานะ?” คนตัวสูงหยิบมือเล็กขึ้นมาจับ บรรจงสอดแทรกความอุ่นจากมือลงไปเพื่อให้รู้ว่าตัวเองจริงจังและจริงใจแค่ไหน 

                “... ตามใจ” คยองซูพูดอ้อมแอ้ม เขารู้ว่าทุกสิ่งที่เขาขอ... จงอินจะหามาให้ทุกอย่าง เขาจึงไม่กล้าขออะไรมากเกินกว่าที่จะได้อยู่ข้างกันไปแบบนี้

                “พี่อยากได้อะไรอีกมั้ย?”

                “ไม่แล้วล่ะ ไม่ต้องเวอร์ด้วยนะ” คยองซูพูดยิ้มๆ พลางเขยิบตัวเองเข้าไปใกล้คนรัก 

                “พี่แบคยังมีสวนดอกไม้กับไร่ผลไม้เลย พี่เอาอะไรดี จะได้อยู่บ้านไม่ว่างมือ” จงอินยังคะยั้นคะยอให้เขาคิด... 


                รู้ว่าที่ขอมันมากเกินไป... แต่มันเป็นความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัว

                จะขอละนะ...


                “อยาก...”

                “...”

                “อยากมีน้องให้ลู่หาน...”

                “คิก...” ร่างสูงหลุดขำ เพราะคุณเคดูตัวเล็กไปถนัดตา “อยากมีลูกเพิ่มหรอ?”

                “อื้อ! ขอมากไปใช่ป่าว (._.)

                “ไม่เลย... ผมชอบนะ ผมก็อยากมีเหมือนกัน”
 
                “...”

                “แต่ว่า... พี่ต้องให้ผมเอาพี่ครบหนึ่งร้อยครั้ง ผมถึงจะยอมไปหาลูกบุญธรรมมาเลี้ยงนะ กรั่กๆๆๆๆๆๆๆๆ” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจงอินมันฉวยโอกาสขนาดไหน

                =_____________________=

                “ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้น จะเอาไม่เอา? ไม่เอาผมไปละนะ...” เขาแกล้งทำเป็นเดินหนี แต่คนตัวเล็กก็ดึงชายเสื้อไว้ทัน

                “... อ... เอาก็ได้” 

                “งั้นคืนนี้เอาร้อยครั้งเลยดีปะ พรุ่งนี้จะได้ไปหาลูกบุญธรรมเลย...”

                “ไอบ้าาาาาาาา!!!


                ถึงตอนจบจะด่าเค้า

                แต่คืนนั้น... ก็ทำให้เหลือแค่เก้าสิบครั้งเองนะ (//////)





หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป

                เจ็ดวันที่ผ่านมา... เป็นแค่เจ็ดวินาทีที่ผ่านไป

                กว่าจะรู้ตัว พวกเขาทั้งคู่ก็มานั่งเคว้งคว้างอยู่กลางสนามบิน ตั๋วเครื่องบินในมือของคนเป็นพี่หนักอึ้งยิ่งกว่าก้อนหิน ทั้งสองคนนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นเย็นเฉียบและทำได้เพียงจ้องตากันเท่านั้น


                “จะมาอีกเมื่อไหร่” เซฮุนเป็นคนทำลายความเงียบในที่สุด

                “ไม่รู้... พี่มาคนเดียวไม่ได้ พ่อกับแม่ไม่ให้มาเอง” เขารู้ว่าตัวเองเสียงอ่อนแอแค่ไหน และถึงแม้เด็กตัวเล็กตรงหน้าจะดูเข้มแข็งเพียงใด... ก็ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง

                “งั้นเดี๋ยวฮุนฮุนจะขอป๊ากับม๊าให้พาไป”

                “ไม่ต้องหรอก... ลำบากซะเปล่า เสียเวลาด้วย”

                “จะเสียเวลาได้ยังไง ตอนไม่เจอกันเนี่ยโคตรเสียเวลา ตอนเจอกันสิ...”

                “...”

                “เวลาโคตรจะมีค่า” เด็กน้อยยกขาสองขาขึ้นมากอดพลางฝังหน้าหล่อๆ ลงไปในนั้นราวกับจะปิดบังสีหน้าที่แท้จริง 

                “... โตไปจะประกวดพูดสุนทรพจน์ปะ ถ้าประกวดนี่ชนะแน่ๆ” 

                “ขำจัง” เซฮุนเงยหน้าขึ้นและจิกตาให้ทีนึงในมุกที่ไม่ขำของลู่หาน คนเป็นพี่ได้แต่ยิ้มแห้งๆ เขาไม่อยากให้เรื่องมันแย่ไปกว่านี้นี่นา...

                “ฮุนฮุน... เลิกกันก่อนมั้ย ไว้โตแล้วค่อยกลับมาคบกันก็ได้”

                “ไม่” เด็กน้อยปฏิเสธทันควัน “พี่ฮานฮานไม่ชอบฮุนฮุนหรอ”
 
                “ชอบ... แต่มัน...”

                “...”

                “แต่พี่ไม่รู้ว่าฮุนฮุนจะเบื่อพี่มั้ย... ฮุนฮุนจะรำคาญพี่รึเปล่า พี่พูดมากนะ เล่นมุกก็แป้ก... เวลาเราก็ไม่ตรงกัน พี่กลัว...” ลู่หานพูดจนหายใจไม่ทัน 
 
                “เลิกพูดเหอะ”

                ...

                “ฮุนฮุนไม่เบื่อพี่ฮานฮานอยู่แล้ว มีแต่พี่นั่นแหละจะเบื่อเด็กอย่างฮุนฮุน” เด็กน้อยได้ทีก็รีบตัดพ้อ ต่างฝ่ายต่างหนักใจที่ได้ยินแบบนั้น... 

                “...”

                “งั้นเราเลิกกันก่อนก็ได้นะพี่ฮานฮาน...” เด็กน้อยพูดเสียงเบา และเพราะความเป็นเด็กจึงไม่สามารถระงับอารมณ์เด็กๆ ในใจไว้ได้

                “...”

                “ไว้ฮุนฮุนขึ้นม.หนึ่ง... ฮุนฮุนจะตามไปเรียนที่นู่น”

                “...”

                “ถึงตอนนั้นเราก็ยังไม่คบกันหรอกนะ เพราะฮุนฮุนยังเด็กเกินไป อาจทำให้คนอื่นมองพี่ไม่ดี”

                “...”

                “ฮุนฮุนจะเรียนมหาลัยก่อน แล้วเราค่อยคบกัน” เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นจากความมืดมิดในหัวใจ เพราะอายุทำให้ทุกอย่างดูยากขึ้น แต่โชคดีที่เขามีความคิดแบบผู้ใหญ่อยู่มาก

                “งั้นฮุนฮุนสัญญากับพี่ข้อนึงได้มั้ย... ข้อเดียว พี่ไม่ขออะไรมากกว่านี้...”

                “...”

                บอกรักพี่ทุกวัน... นะ” ลู่หานรู้ว่าตัวเองเสียงสั่นเหมือนจะไปพรีเซนท์งานหน้าชั้นเรียน 

                “งั้นพี่ก็ต้องบอกรักผมทุกวันนะ” 

                “อื้อ” ลู่หานตอบอย่างเต็มหัวใจ มือเล็กของเด็กวัยสิบขวบเอื้อมมาจับมือเขาและนั่นก็ทำให้เขารู้ว่ามือนี้จะเติบใหญ่... และมือนี้จะทำให้เขามีความสุขในอนาคต

                “งั้นวันนี้บอกเลยละกันนะ...”
 
                “...”

                “ฮุนฮุนรักพี่ฮานฮานที่สุดเลย”


                ยังไม่ทันจะบอกรักน้องกลับ... หน้าเขาก็แดงเป็นมะเขือเทศไปซะแล้ว - / / / / / / / -
                



**********





                ไม่กี่วันถัดมา ผมก็หนีสามีและลูกที่ต่างคนต่างอยู่ที่โรงเรียนไปทำอะไรบางอย่าง รถเบนซ์คันเดิมจอดอยู่ที่เชิงเขาและผมก็หยิบช่อดอกไม้กับโซจูสองขวดติดมือไปด้วย


                “ป๊าหวัดเด” ผมยิ้มนิดๆ และวางช่อดอกไม้พร้อมๆ กับเปิดขวดโซจู

                “ป๊า...” ไม่มีใครมาต่อบทสนทนาของผม เพราะงานนี้ผมมาคนเดียว “บุ๊ค... อยากจะขอบคุณป๊าทุกสิ่งทุกอย่าง”

                “...”

                “ที่ป๊าบังคับให้พวกเราบอกชอบกันก่อนที่ป๊าจะเสีย... นั่นน่ะ ตอนนั้นป๊าคงจะฟินน่าดูเลยดิ” ผมแค่นหัวเราะก่อนจะหยิบผ้ามาเช็ดถูป้ายหลุมศพหินอ่อน

                “...”

                “ตอนนั้นผมชอบมันแล้วนะ... ชอบมันตั้งแต่อยู่ม.สองแล่ว” ผมก้มหน้าเขินๆ ขนาดไม่มีใครได้ยินก็ยังทำให้หูผมร้อนขึ้นมาได้

                “...”

                “ถึงมันจะหายไปสี่ปี แต่บุ๊คก็ยังชอบลูกป๊าเหมือนเดิมนะ เหมือนเดิมทุกอย่างเลย >___<

                “...”

                “ขอบคุณที่สอนชุนมาดีครับ” ผมยิ้มกับป้าย ปาร์คชานโฮและภาพของพ่อเพื่อนที่ยิ้มเป็นมิตรตลอดเวลาก็แวบเข้ามาหัวผม...


                ตอนเด็กๆ ผมโคตรชอบรอยยิ้มของพ่อชุนเลย เพราะมันอบอุ่นมากๆ

                และมันก็ทำให้ผมรู้ว่า... รอยยิ้มของพ่อเหมือนชุนขนาดไหน



                ผมลุกขึ้นจากพื้นและเดินกลับมาที่รถ แต่ก็ต้องประหลาดใจและตกใจที่เห็นรถเก่าๆ ที่คุ้นเคยจอดอยู่ข้างๆ

                เหี้ยชุน... รู้ทันกูทุกอย่าง



                “มาทำอะไรแถวนี้จ๊ะสาวสวย~ แถวนี้เปลี่ยวน้า~ เดี๋ยวโดนคนลักพาตัวไปข่มขืนทำไง” แม่งไขกระจกรถลงมาและยิ้มเจ้าเล่ห์ แถมยังใส่แว่นกันแดดสีดำปิดแววตามันไว้มิดชิด

                “คงไม่มีใครมาลักพาตัวกูหรอกค่ะ นอกจากโรคจิตบางคนแถวนี้” ผมตอบ พยายามจะไม่สนใจมันแล้วขึ้นรถ แต่ในเมื่อมันเป็นสามีผม... ผมจะไม่สนใจก็ไม่ได้ ;-;

                “อู๊ยยยยย เดี๋ยวลักพาตัวไปข่มขืนจริงๆ เลยเอามะ”

                “ไม่ต้องใช้คำว่าข่มขืนหรอกเคอะ เพราะกูยินยอมพร้อมทำ” ผมตอบพลางกลั้นหัวเราะ ตัวมันเองก็หัวเราะเสียงดังลั่นรถ 

                “ขับรถตามกูมา เดี๋ยวพาไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน” มันพูดพลางไขกระจกรถขึ้นตามเดิม ผมยิ้มตอบและก้าวขาขึ้นเบนซ์ตัวเอง ก่อนจะขับรถตามมันไป


                ไม่นานนักมันก็พากลับมาที่โรงเรียนโซลศึกษา สาขาเดิมที่พวกเราเคยใช้ชีวิตร่วมกัน... ชุนพาผมไปที่โรงอาหารทั้งๆ ที่มือเรายังจับประสานกัน 


                และมันก็เรียกเสียงร้องชอบใจจากเด็กนักเรียนได้เป็นอย่างดี - / / / / / / / -


                “ฮิ้วววววววววววววววววววว~

                “พี่แบครู้มั้ยคะ มีช่วงนึงที่ครูจินรีสนิทกับครูปาร์คเกินไป หนูเลยโคตรเกลียดเลย เพราะพวกหนูเชียร์คู่ครูปาร์คพี่แบคอยู่ กรั่กๆๆๆ” เด็กสาวม.ปลายที่ปักตัวเลขว่าอยู่ชั้นม.หกเดินมาบอกผม เอากับเค้าซี่~

                “อย่าไปเกลียดครูจินรีสิ... ครูเค้านิสัยดีออก” ผมตอบ

                “ตอนนี้ก็ไม่ได้เกลียดหรอกค่ะ เพราะเห็นครูเค้าบอกว่าจะแต่งงานแล้ว”

                “หาาาาาา O[]O!!” ผมแหกปากร้องลั่น “จินรีจะแต่งงานเรอะะะะะะะ!!!!

                “เออ” ผัวตอบสั้นๆ แหมไอควาย มึงรู้นานแล้วก็ช่วยบอกกันบ้างงงงงงงงงง T0T!!

                “อุ้ยพี่แบค...” เสียงหญิงสาวที่ไม่ได้ยินกันมานานดังจากด้านหลังผม และเมื่อหันไปก็เจอคู่กรณีที่พึ่งพูดถึงหมาดๆ

                “จินรีอาาาาา! มีแฟนแล้วทำไมไม่บอกพี่ จะแต่งงานแล้วทำไมไม่เชิญพี่หาาาา!” ผมเข้าไปโวยวาย แต่น้องสาวปลอมๆ ของผมกลับหัวเราะคิกคัก

                “ก็... จินรีอยากจะเชิญด้วยตัวเอง เลยรบกวนผ.อ.ปาร์คให้พาพี่แบคมาที่นี่น่ะค่ะ” สิ้นเสียงของจินรี ผมก็หันกลับไปจิกสามีทันที 

                “จะเซอร์ไพร์สอะไรเยอะแยะฮะ...” ผมขยุ้มหัวมันเบาๆ แล้วกระซิบข้างหูแม่ง แต่แทนที่มันจะกลัว กลับพยักเพยิดให้เด็กนักเรียนถ่ายรูปไว้เยอะๆ T__T

                “มุมกล้องพอดีเลยค่ะครู เหมือนพี่แบคขบหูครูเลย” 

                “ทุเรศศศศศศศศศศศศศ T / / / / / T” ผมหยิบมือถือเด็กมาดูแล้วก็พบว่า... เหมือนผมกำลังขบหูมันจริงๆ ด้วย

                “คู่นี้กะจะฮันนีมูนกันทุกวันเลยมั้ยคะ” จินรีแซว ทำเอาผมนึกขึ้นได้ว่ายังไม่รู้ข้อมูลของผู้ชายโชคดีคนนั้นเลย

                “จินรี พี่บังคับเลยนะ เล่ามา ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”

                “ก็... ชื่อชเวมินโฮค่ะ (. / / / / .) เป็นผ.อ.โรงเรียนโซลศึกษานี่แหละค่ะ...” จินรีพูดพลางก้มหน้าก้มตา “ตอนแรกเค้าเป็นครูสอนฟิสิกส์ แต่ตอนนี้ผ.อ.ปาร์คก็ให้เค้าเป็นผ.อ.แทนน่ะค่ะ”

                “โปรไฟล์ดีพอใช้ได้ -^-” ผมยังคงถือตัว ก็แหม... น้องสาวผมน่ารักจริงๆ นี่นา

                “เค้าหล่อด้วยค่ะ สูงร้อยแปดสิบบวกๆ เลย” จินรีพูดพลางยิ้มแก้มแดง

                “สูงกว่าชุนรึเปล่าเหอะ!” 

                “เตี้ยกว่าหน่อยครับ...” เสียงทุ้มแปลกหูดังขึ้นจนผมต้องหันไปมอง เห็นชุนยืนรออยู่และทั้งคู่ก็ไฮไฟว์กันเบาๆ 


                ใครอ่ะ หล่อจัง 55555555555555555


                “นี่แหละค่ะ แฟนหนู” จินรีพูดพลางเขยิบตัวมาซ่อนอยู่ข้างหลังผม 

                “ว่าที่สามีครับคุณแบคฮยอน” ไอ้บ้าผ.อ.คนใหม่แก้คำผิดให้อีก

                “ชุนสูงกว่าด้วยแหละ >_<!” ผมเกาะแขนชุนไว้แล้วเขย่งขึ้นไปวัดความสูงของทั้งสองคน... หวาย ชุนตัวสูงเกินไปแล้ว สูงเกินมนุษย์มนา T_T

                “คนนี้โอเคมั้ยคะพี่แบค อิอิ”

                “แหม ยังมีหน้ามาถาม ไม่รอถามตอนคลอดลูกเลยล่ะจินรี” ผมแซะนางกลับ ก่อนจะยิ้มให้ชเวมินโฮ... ว่าที่น้องเขย


                ตอนจบก็คือ... เที่ยงวันนั้นผมก็ได้กินมื้อเที่ยงที่โรงอาหารของโรงเรียน และได้สอนให้ทั้งคู่ได้รู้จักชีวิตหลังแต่งงาน แน่นอนว่าทั้งสองคนยังดูเพ้อฝันกับความรักโรแมนติคเพราะยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะสอนพวกเขาไว้...


                “ง่ายๆ ว่าห้ามทิ้งเมียไปสร้างเรือนหอน่ะ =__=” ผมสรุปจบและชุนก็ดูจะชอบประโยคนี้มาก

                “เออ ถ้าอยากจะสร้างเรือนหอจริงๆ ก็ไม่ต้องเซอร์ไพร์สนะ... บอกเมียเลย ไม่งั้นทิ้งเมียไว้สี่ปี โดนเมียทิ้งกูไม่รู้ด้วย” มันเสริม แหมมึง... มึงนั่นแหละอิห่า พูดมากชะมัด

                 “ครับ ผมจะไม่สร้างเรือนหอแล้ว”

                “บ้า! ไม่สร้างเรือนหอแล้วจะอยู่ไหน” พึ่งได้ยินจินรีตวาดและสบถหยาบแบบนี้เป็นครั้งแรก O_O

                “อยู่ในใจจินรี” และผมก็พึ่งจะได้ยินมุกอ้วกแตกแบบนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน =[]=

                “อย่าเล่นมุกเน่าๆ แบบนี้ให้ได้ยินนะ” ชุนมากระซิบผมเฉยเลย อิห่า กูเคยเล่นมุกแบบนี้มั้ยห๊าาาา

                “มึงรื้อเรือนหอแล้วมาอยู่ในใจกูดีกว่า” ผมหันไปกระซิบอะไรเน่าๆ กลับ เอากับมึงสิ ห้ามนัก เล่นแม่งเลยสาส

                “อยู่ในใจหรืออยู่ในรูมึง...”
                

                ผมยอมรับความพ่ายแพ้ทุกประการที่แม่งพูดออกมา - / / / / / / -






                สุดท้าย... ผมกับชุนก็รีบขับรถกลับมาที่คยองกีโดก่อนที่เซฮุนจะกลับถึงบ้าน เพราะกลัวว่าลูกเราจะกลับมาไม่เจอใคร และระหว่างทางที่ผมขับรถตามหลังชุน... ผมก็คิดอะไรขึ้นได้


                ผมควรจะทำงาน


                “ชุน มีเรื่องจะคุยด้วย” หลังจากที่ถึงบ้านเรียบร้อย ผมก็ก้มลงไปถอดรองเท้าให้สามี (ถึงแม้ว่ามันจะไม่เต็มใจให้ผมทำแบบนี้ก็เถอะ)

                “จริงจังอ่อวะ จะเลิกกันหรอ”

                “กวนตีนละ ถึงมึงจะไล่กู กูก็ไม่ไป” ผมตอบพลางจับมันมานั่งบนโซฟา ชุนดูตื่นตระหนกเพราะผมไม่เคยจริงจังแบบนี้มาก่อน

                “ไรง่ะ เค้าทำไรผิดหรอ...”

                “ชุน บุ๊คอยากทำงาน” ผมพูดก่อนจะยิ้มให้เจื่อนๆ “บุ๊ครู้ว่าชุนอยากให้บุ๊คอยู่บ้าน แต่บุ๊คไม่อยากเป็นคุณนายนอนง่อยๆ อยู่แต่ในบ้าน บุ๊คอยากมีอะไรทำ”

                “ก็...”

                “บุ๊ครู้ว่าชุนพยายามหางานอดิเรกให้บุ๊คตั้งเยอะแยะ สวนดอกไม้เอย... ไร่ผลไม้เอย... สระว่ายน้ำเอย... แต่บุ๊คก็อยากจะหาเงินเข้าบ้านบ้าง”

                “ไม่ให้ทำงานหนักนะ... ห้ามเปิดธุรกิจเด็ดขาด” ชุนพูดด้วยแววตาจริงจัง แต่ผมก็ส่ายหน้ายิ้มๆ

                “ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก... บุ๊คอยากเป็นครูอนุบาล

                “หืม? ที่โรงเรียนชุนอ่ะหรอ?” 

                “อื้อ” ผมพยักหน้ารัวๆ และรู้สึกดีที่ได้ยินมันแทนตัวเองว่าชุน...

                “งั้นชุนก็ต้องให้เงินเดือนบุ๊คอ่ะดิ”

                “อื้อ”

                “แล้วมึงเอาเงินเข้าบ้านตรงไหนวะ 555555555555555555555 ควายทุยเอ๊ย” ไอสาส กูเกลียดผู้ชายคนนี้ที่สุดในโลก ไม่เคยจะมีความโรแมนติคในหัวซีรีบรัมส่วนที่ล้านแปดของสมอง

                “งั้นไปเป็นครูอนุบาลที่โรงเรียนอื่นก็ได้!!

                “โอ๋วๆๆๆ พี่ล้อเล่นน่ะจ้ะหนูบุ๊ค...” มันพูดแล้วเอามือมาลูบวนแถวก้นผมเฉย “พี่ไม่ให้เงินเดือนได้ปะจ๊ะ?”

                “แล้วกูจะได้อะไรล่ะ =_=

                “เป็นครูสอนเด็ก แล้วจะได้เซ็กส์จากพี่~


                เกลียดแม่ง


                “เอาเป็นอย่างอื่นไม่ได้รึไงไอ้ลามก” ผมกลอกตาขึ้นด้านบนอย่างเหนื่อยหน่าย

                “งั้นก็ไม่ต้องเป็น นอนอยู่บ้านเป็นตาแก่หนังเหี่ยวต่อไป” มันพูดจบก็หันหน้าไปทางอื่น แถมยังกอดอกเหมือนผมผิดมาก แต่ความจริงคือแม่งหื่น...


                และผมก็ชอบที่แม่งหื่น


                “เอออออออออออออออออออออออ ก็ได้!” ผมทำเหมือนไม่เต็มใจ แต่ความจริงคือแหกแข้งขารอเรียบร้อย

                “ดีมากครับครูแบค เดี๋ยวผ.อ.จะเฆี่ยนให้หลังลายเลย”


                มาสิ... 

                เฆี่ยนสิ กรั่กๆๆๆๆๆๆๆๆ -....-


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น