วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557

ภษคส : 20 B, you're so delicious.



20
B, you’re so delicious.




Clothes are not required for what we got planned.

ไม่อนุญาตให้ใส่ เสื้อผ้าในสิ่งที่เรากำลังจะทำนะจ๊ะ.




                “กี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย” แบคฮยอนพึมพำเบาๆ ในขณะที่เพชรห้ากะรัตที่อยู่บนนิ้วก็ส่องแสงสะท้อนกับแสงดาวจากด้านบน คนตัวสูงดูนาฬิกาข้อมือแล้วจึงตอบกลับ

                “จะตีสองละ”

                “หู้ย ไปนอนดีกว่า” แบคฮยอนยันตัวขึ้นจากโซฟา แต่เหมือนคุณสามีจะไม่ยอมให้ไปไหนง่ายๆ

                “มานี่ก่อนน้องบุ๊ค...”

                “น้องเนิ้งอะไรล่...” คนตัวเล็กที่ถูกคว้าเอวไว้บ่นกระฟัดกระเฟียด แต่เมื่อหันมาเจอสายตากรุ้มกริ่มยามดึกสงัดแล้วก็รู้ทันที -.,- หึหึหึหึหึหึหึหึ

                “ขอหอมแก้มหน่อย” 

                “...” แทนที่จะหันหน้าหนี กลับยื่นหน้าให้แต่โดยดี

                “มากกว่านี้ได้มั้ย...” ชานยอลเอ่ยปากถามไม่เกรงใจดวงดาวนับล้านบนท้องฟ้าที่เริ่มเขินกันเป็นแถบๆ... คนฟังเองก็ไม่ต่างกัน จู่ๆ ก็หน้าแดงขึ้นมาซะดื้อๆ

                “ถ... ถึงขั้นไหน...”

                “ทุกขั้น” โอย พูดแล้วก็อยากจะตบปากตัวเอง นี่ถ้าคนตัวเล็กยังโกรธอยู่จะทำยังไง

                “ด... ได้...” แต่เจ้าตัวเล็กก็ตอบตะกุกตะกัก ปลายนิ้วเรียวถูที่ติ่งหูตัวเองแก้เขินและก้มหน้ามองพื้นห้องอย่างประหม่า


                ถึงจะเคยๆ กันมาก่อน

                แต่มันก็นานแล้วนา... - / / / / / / / / / -


                ร่างสูงคว้าเอวอีกฝ่ายมาแนบกับตัวเองให้ใกล้กันมากขึ้น ก่อนจะจูบเบาๆ ที่ใบหูเล็กและไล้ริมฝีปากลงมาจูบอ้อยอิ่งที่สันกราม


                “ขอโทษ...” เขาพึมพำอยู่ข้างหูของคนตัวเล็กกว่าและหลับตาลงอย่างเจ็บปวด...


                สี่ปีที่ผ่านมาคือความสุขสำหรับเขา

                ทุกครั้งที่ได้เห็นบ้านหลังนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างก็ยิ่งมีความสุข... ภาพในหัวที่จะได้อยู่ด้วยกันในบ้านหลังใหญ่ตามประสาพ่อแม่ลูกผุดเข้ามาเต็มไปหมด

                แผ่นกระเบื้องทุกแผ่น เม็ดดินทุกเม็ด น้ำทุกหยด ออกซิเจนทุกอะตอมในอากาศ

                ทุกตารางมิลลิเมตรของที่ดิน... 

                เป็นของบุ๊คคนเดียว.



                แต่เขากลับไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทุ่มเทอยู่นั้น ทำให้อีกฝ่ายที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังรู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหน 

                ความเดียวดายที่จ่ออยู่บนลำคอและต้องกล้ำกลืนลงไปอย่างไม่เต็มใจ...

                ความหวาดระแวงว่าที่ผ่านมาจะเป็นแค่ ของประดับตกแต่งบ้านก็กัดกินหัวใจเล็กๆ นั้นจนเกือบหมด... กัดจนขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี



                ขอบคุณที่เขากลับมาซ่อมหัวใจดวงน้อยนั้นทัน

                ไม่อย่างนั้น... ดวงใจน้อยๆ ดวงนี้คงกลายเป็นแค่ฝุ่นละอองในอากาศ


                “อื๊อ... ห้ามพูดคำว่าขอโทษ” แบคฮยอนกระซิบตอบและหันไปจูบที่ริมฝีปากหนา เพราะไม่อยากได้ยินคำเหล่านั้นอีกต่อไป


                ไม่ได้จูบกันมานานแล้วนะ...


                ริมฝีปากนุ่มนิ่มเหมือนพุดดิ้งของคนตัวเล็กทำเอาเขาอยากจะลอยไปในอากาศ มันบวมเจ่อนิดๆ เพราะเขาใช้ปากดูดมันหนักไปหน่อย แต่นั่นยิ่งทำให้ริมฝีปากสีเชอรี่ดูน่าจูบมากขึ้นกว่าเดิม

                แบคฮยอนถอดชุดนอนของคนตรงหน้าออกลวกๆ และปรี่เข้าไปจูบที่ลำคอแกร่ง เหมือนสี่ปีที่ห่างหายจะทำให้ความอยากพลุ่งพล่านขึ้นในอกของคนตัวเล็ก และภาพที่คนตัวเล็กเป็นฝ่ายรุกก่อน... ก็สามารถเรียกรอยยิ้มมุมปากได้ไม่ยาก

                “คิดถึงหรอครับ...” เขาถามทั้งที่มือยังคงลูบวนอยู่ที่สะโพกกลม 

                “มากๆ” คนตัวเล็กตอบสั้นๆ และใช้ปลายนิ้วเรียวลากไล้ตั้งแต่แผงอกแกร่ง... ลงมาถึงซิกแพ็คน้อยๆ ของร่างสูง เล่นเอาเขาจั๊กจี้อยู่เหมือนกัน... แต่เขาก็ชอบที่ตัวเองถูก ยั่วนะ

                “มานี่ เดี๋ยวต่อเอง” ชานยอลจับคนขี้ยั่วให้พลิกตัวลงไปนอนข้างล่าง แสงดาวจากด้านบนส่องลงมาสะท้อนใบหน้าแดงระเรื่อเสียจนเขาชะงักไป...


                น่ารักที่สุดเลย

                เขาก้มลงไปจูบเปลือกตาที่หลับพริ้มเบาๆ... ก็เมื่อกี้แสงดาวกระทบกับนัยน์ตาของแบคฮยอนจนท้องวูบโหวงไปหมด... เขาเมินแก้วตาดวงใจของเขาไปสี่ปีได้ยังไงกัน

                “ขอพูดอีกทีนะบุ๊ค...” เขากระซิบ 

                “...”

                “ขอโทษ...” เขาไม่รอให้แฟนตัวเล็กลุกขึ้นมาเถียง ริมฝีปากหนาปิดปากริมฝีปากเล็กก่อนจะละเมียดละเลียดชิมความหวานที่ห่างหาย... มันยังหวานเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนและมันยัง อร่อยเหมือนเดิม


                ปลายลิ้นชื้นตวัดไปทั่วเรือนร่างขาวเนียน

                มันทั้งหวาน... ทั้งอร่อย...


                B, you’re so delicious.
            You’re still delicious.


                รอยยิ้มผุดบนใบหน้าของคนทั้งคู่...


                หัวใจของเราต่างบอกว่ารักกัน

                แต่เมื่อร่างกายได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอีกครั้ง...

                โลกใบนี้ก็เหลือแค่เราสองคน เหมือนอดัมกับอีฟที่พระเจ้าสร้างให้เกิดมาเพียงสองคนเท่านั้น


                สัญญาว่าจะไม่ทิ้งไปไหนและสัญญาว่าจะเห็นคุณค่าหัวใจที่มอบให้มา
                

               




               
**********






โรงเรียนโซลศึกษา สาขาคยองกีโด


                “เฮ้ยเซฮุน เดี๋ยวกูไปเล่นบ้านมึงได้ปะวะ” เสียงเพื่อนสนิทผมเรียกขึ้นจากด้านหลัง เอาจริงๆ ผมมาเรียนที่นี่ได้แค่สามอาทิตย์ก็มีเพื่อนสนิทแล้วครับ ดีใจเหมือนกันนะ T_T

                “มาดิ เดี๋ยวกูจะได้โทรบอกม๊าให้เปิดสระว่ายน้ำไว้ให้ เอาปะ”

                “เฮ้ยไม่ต้อง พวกกูแค่ไปทำการบ้าน” เพื่อนผมอีกสามคนเดินตามมาสมทบ ผมชอบที่พวกมันไม่ได้คบผมที่ความรวยและความเป็นลูกเจ้าของโรงเรียน แต่คบที่ผมเป็น โอเซฮุน

                “โอเค เดี๋ยวกูโทรไปบอกม๊าว่าให้ทำข้าวเย็นเผื่อพวกมึง”

                “เอออออ ขอไข่ข้นแฮมชีสครับหม่าม๊าของเซฮุน~” พวกมันทำท่าอ้อนวอนใส่ผมก่อนจะหยิบมือถือในกระเป๋าผมให้เลยด้วยซ้ำ คือพวกมันชอบกินข้าวไข่ข้นแฮมชีสของม๊าผมมากๆ เลยน่ะ =_=



                ครืด ครืด...

                จู่ๆ ก็มีคนโทรเข้ามาในมือถือผมพอดี
                


                S.

                ซูจองโทรมาครับ


                “ฮัลโหล” ผมรับโทรศัพท์มือถือรุ่นที่เรียกได้ว่าไม่มีใครสนใจจะขโมยขึ้นมา 

                (เซฮุน นี่จะเลิกกันหรอ ย้ายไปเรียนโรงเรียนใหม่ไม่บอกล่วงหน้า ถ้าเราไม่ไปถามผ.อ.ปาร์คก็คงจะไม่รู้อ่ะ) เสียงแฟนผมแว้ดๆ ดังออกมาจากโทรศัพท์จนผมต้องรีบเอามือถือออกห่างจากหู

                “ขอโทษนะ”

                (ถามตรงๆ ว่ามีคนอื่นรึเปล่า) คำถามที่ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรถูกถามขึ้น ผมเอามือถือออกห่างจากปากตัวเองก่อนจะตะโกนบอกเพื่อนว่าเดินไปผิดทาง

                “... ฮัลโหล”

                (โอเซฮุน) ซูจองเอ่ยชื่อเต็มผมและดูเหมือนจะกัดฟันแน่นเลยแหละ

                “หืม”

                (เลิกกันดีมั้ย เราก็ยังเด็กกันอยู่เล...) 

                “ก็ดี... งั้นแค่นี้นะ เพื่อนเราจะเดินหลงทางอ่ะ บาย” ผมพูดจบก็วางสาย ไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายจะว่ายังไง เพราะผมไม่ได้เต็มใจจะเป็นแฟนกับซูจองอยู่แล้ว


                ซูจองมาขอผมเป็นแฟนตอนป.สามและบอกว่าถ้าผมไม่ยอมเป็น เธอจะยอมคุยกับผมตลอดชีวิต

                ผมอยากจะดำรงความเป็นเพื่อนเอาไว้เลยต้องยอมเป็นแฟนด้วย ทั้งที่ตอนจบผมโดนแทคยอนกับจุนซูเกลียด

            ไม่มีใครรู้... ว่าผมมีใครอยู่ในใจ



                “กลับมาแล้วคร้าบบบบบบบ~” ผมตะโกนเข้าไปในบ้าน ไปๆ มาๆ ก็ลืมโทรบอกหม่าม๊าล่วงหน้า แต่พอดีได้ยินเสียงป๊ากับม๊าอยู่หลังบ้าน... คงจะทะเลาะกันเรื่องเก็บส้มน่ะ =_=


                ม๊าอยากเก็บเอง แต่ป๊าไม่อยากให้ม๊าทำเพราะกลัวเหนื่อย

                เลยทะเลาะกัน จบ.


                “เอ่อ ถ้างั้นพวกมึงนั่งทำการบ้านกันไปก่อนนะ กูขึ้นห้องแป๊บ” ผมหันไปบอกเพื่อนที่ตั้งท่าจะปักหลักทำการบ้านกันบนพื้นห้องรับแขก

                “แหมๆๆๆๆๆๆๆ จะขึ้นไปไก๊ใช่ปะจ๊ะน้องเซฮุนนนนน~” 

                “ไก๊เก๊ยอะไรล่ะ ทำการบ้านไปเหอะพวกมึง เดี๋ยวกูลงมาลอก” ผมบอกทิ้งท้ายก่อนจะรีบเดินขึ้นไปบนห้อง เปิดคอมพิวเตอร์ให้เรียบร้อย...


                และเปิด ไก๊


            HunHun is online.


                ตึกตึก... ตึกตึก... ตึกตึก...

                ติ๊ก... ติ๊ก... ติ๊ก


                ผมว่าเสียงหัวใจผมกำลังดังแข่งกับนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้อง

                ตอนนี้หกโมงเย็นที่คยองกีโด  แต่เป็นตีสี่ที่...

            New York, USA


                บางทีเราออนสไกป์ แต่ก็ไม่ได้อยากจะคุยกับเขาหรอก แค่เห็นชื่อเขาอยู่บนรายชื่อของเราก็พอแล้ว

                แต่... เขาเป็นคนเดียวที่อยู่ในลิสท์รายชื่อนะ =_=

               
                ติ๊ง!

                HanHan is online.


                “ชิบหายละ...” ผมรีบกดออฟไลน์ทันทีที่เห็นว่ารายชื่อหนึ่งเดียวที่ผมมีออนไลน์ขึ้นมา


                ทำตัวเหมือนคนแอบรักอยู่ได้
                

                “เซฮุนนนนนนนนนน!” เสียงหม่าม๊าตะโกนมาจากด้านล่าง “พี่ลู่หานโทรมาจ้าาาา!!

               
                ถึง-ขั้น-ต้อง-โทร-ทาง-ไกล!!!!


                ผมยอมกดออนไลน์อีกครั้ง จะได้ไม่เปลืองตังค์ค่าโทรศัพท์ใครบางคน

                ไม่ถึงสิบวิผมก็ได้เห็นหน้าคนที่ผมคิดถึงตลอดทั้งวัน :)


                “เฮ้ย ออฟหนีพี่อ่อ”

                “ทำนองนั้น” ผมเท้าคางกับโต๊ะก่อนจะยิ้มใส่หน้าจอคอม พี่เขาโตขึ้นมาก ตอนนี้ก็ม.สี่แล้ว แถมมีแฟนแล้วด้วยชื่อแคทเธอรีน -_-;

                “...”
 
                “นี่ตีสี่เองนะ ทำไมตื่นเร็วจัง”

                “ก็... ทำการบ้านน่ะ” เขาหยิบสมุดกับปากกาขึ้นมาให้ผมดู แต่ผมรู้ว่าเขาหลอก

                “เลิกกับซูจองละนะ” ผมประกาศ แค่อยากให้พี่เค้ารู้ว่าผมโสด

                “หรอ... ดีแล้ว ดีมากกกกกกกก ^__^” เขายิ้มหวานมาให้ ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าแต่รอยยิ้มนั้นมันเป็นรอยยิ้มที่ดีใจที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา

                “เออ ไปทำการบ้านก่อนนะ”

                “เดี๋ยว...” พี่เค้ารั้งผมที่กำลังจะคลิกเมาส์ไว้ทัน

                “...”

                “อยากให้พี่เลิกกับแคทเธอรีนมั้ย พี่เลิกได้นะ” แววตาของพี่เค้าเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน สีหน้าจริงจังมากจนผมชะงัก

                “แล้วแต่ดิ”


                อยากให้เลิกมากๆ... อยากให้เลิกมาก                       


                “เอาให้ชัดเจนดิ พี่อยากรู้... ว่าเซฮุนจะคิดยังไง” สีหน้าของพี่เค้ายังจริงจังไม่หยุด

                “ก็ไม่ได้คิดอะไร อยากทำอะไรก็ทำดิ” ผมตอบแล้วกดออฟไลน์ไปเลย
                

                กลัวว่าจะกราบขอร้องให้พี่เค้าเลิกกับแฟน

                กลัว...




**********




นิวยอร์ค


                “และด้วยเหตุนี้... ลูกก็จะบินไปเกาหลีสินะ =____=

                “ม๊าาาาา!! มันสำคัญมากๆ เลยนะ T___T ผมจะลงแดงตายอยู่แล้วเนี่ยยยยยย” ร่างสูง (ที่โตเป็นหนุ่มเต็มตัว) กระโดดหย็องๆ อย่างเอาแต่ใจ 

                “แล้วมาปลุกป๊ากับม๊าตอนตีสี่ทำไมโว้ยยยยยยยยยยยยยย =[]=!!” แน่นอนว่าพ่อของเขาร้องลั่นอย่างหงุดหงิด ก็ดูลูกตัวเองสิ... จู่ๆ ก็วิ่งเข้ามาในห้องนอนแล้วตะโกนลั่นว่า จะไปเกาหลี!!’

                “โหยป๊า ขอเงินไปเกาหลีหน่อยนะๆๆ ผมไม่ได้ไปตั้งสี่ปีแล้วอ่ะ ผมขอไปแค่อาทิตย์เดีย...”

                ตั้งอาทิตย์นึง แก้ไขคำผิดด้วยคุณลูก” 

                “นั่นแหละ! ผมจะไป สัญญาว่ากลับมาจะตั้งใจเรียน จะไม่ดูดบุหรี่ จะเลิกให้ได้ สาบานเลย” ลูกชายวัยคึกคะนองร้องลั่นเหมือนเด็กๆ แต่ความจริงเขาไม่ใช่เด็กแล้วล่ะ


                แอบสูบบุหรี่ตั้งแต่ม.สามกับเพื่อนสนิท จนในที่สุดก็โดนพ่อกับแม่จับได้ แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร แค่อย่าสูบในบ้านก็พอ 


                “คุณเจ... เราถือโอกาสนี้ไปหาแบคกับชานยอลมันดีมั้ย” คุณภรรยาหันไปถามคุณสามีที่หันตะแคงไปทางอื่น เห็นคุณสามีพยักหน้าหงึกหงักก็เป็นเอาว่าอนุมัติ

                “เยสสสสสสสสสสสส! จะได้ไปเจอฮุนฮุนแล้วโว้ยยยยยยยย!!






**********







สนามบินนานาชาติอินชอน


                “ขอบคุณมากนะที่มารับพวกกู >___<” แม่ผมโผเข้ากอดน้าแบคฮยอนและฝังหน้าลงในไหล่ แหงล่ะ พวกเขาไม่ได้เจอกันมาสี่ปี น้าชานยอลกับพ่อผมก็ทักทายกันแบบฮิพฮอพนิดหน่อย


                แต่ทำไมผมไม่มีใครให้ทักล่ะ...


                “น้ายังไม่ได้บอกเซฮุนน่ะ ไว้เป็นเซอร์ไพร์ส” น้าแบคฮยอนเหมือนจะรู้ว่าผมชะเง้อมองหาอะไรอยู่

                “แหะๆ ครับ”

                “โตไวเหมือนกันนะเรา” น้าชานยอลเดินเข้ามาตบบ่าผม แต่ก่อนผมสูงไม่ถึงไหล่น้าเค้าเลย แต่ตอนนี้เริ่มเฉียดไหล่แล้วนะฮว๊าฟ T^T

                “ครับ...”

                “แต่เดี๋ยวเซฮุนจะสูงกว่า... แล้วก็จะขึ้นคร่อมแทน”

                “...”

                “เรื่องโพสิชั่นมันเปลี่ยนกันได้นะลู่หาน~ กรั่กๆๆๆๆๆ” เหมือนน้าชานยอลจะไม่ค่อยสนับสนุนให้ผมคร่อมน้องเท่าไหร่ เท่าที่เคยได้ยินมา... แม่ผมเล่าว่า แต่ก่อนน้าแบคฮยอนตัวโตกว่า แต่น้าชานยอลจะขึ้นคร่อมเลยไปฟิตร่างกายจนสูงได้ขนาดนี้ =[]=!!

                “ย... ยังไงผมก็สูงกว่าน้องอยู่แล้ว” ทำไมผมต้องพูดตะกุกตะกักก็ไม่รู้ T___T

                “อ้อ...” น้าชานยอลก้มลงมากระซิบ “ถ้าบุหรี่หมดน้าไม่มีให้นะ เลิกสูบไปนานแล้ว”

                “ท... ทำไม O_O” ผมเบิกตากว้าง นี่ผมสูบก่อนจะขึ้นเครื่องเมื่อสิบสี่ชั่วโมงที่แล้วนะ T^T

                “คนเคยสูบอย่างน้าได้กลิ่นอยู่แล้วแหละ ระวังเซฮุนไว้ละกัน...”

                “...”

                “เกลียดบุหรี่ไม่พอนะ... แค่ได้กลิ่นจิ๊ดเดียวก็ด่าได้ล้างโคตร -_-;




**********





                เมื่อผมไปถึงที่บ้านใหม่ของน้าชานยอลและน้าแบคฮยอนก็รู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่บ้านครับ นี่เป็นคฤหาสน์ เป็นปราสาท และดูเหมือนแม่ผมจะกระทุ้งศอกใส่พ่อผมไม่หยุด คงจะอยากได้บ้างสินะ -.-


                “เอ... เซฮุนไม่อยู่แฮะ” ภายในบ้านเงียบกริบ ผมอุตส่าห์วางแผนมาอย่างดีว่าจะมาหาน้องในวันเสาร์ แต่ทำไมถึงไม่อยู่ซะได้ T_T

                “ไปเก็บผลไม้หลังบ้านรึเปล่า” น้าชานยอลออกความเห็น เดี๋ยวนะ... ปราสาทหลังนี้มีไร่ผลไม้ด้วยเรอะ 55555555 มันจะอลังเกินไปล้า

                “นั่นสิ ลู่หานลองไปดูหลังบ้านก่อนเถอะ เด็กนั่นว่างเมื่อไหร่จะหมกตัวอยู่ในไร่ทุกที” น้าแบคฮยอนยิ้มให้ผมก่อนจะเปิดประตูบานใหญ่ให้ผม 



                ภาพที่ผมเห็นคือภูเขาสีเขียวแก่วางทอดตัวอย่างโดดเด่น ในบริเวณบ้านมีไร่สีเขียวๆ กับสวนดอกไม้อยู่คนละฟาก ผมไม่รีรอเดินไปทางไร่ผลไม้ทันที


                โอย...

                ตัวเป็นๆ เลยแฮะ


                เด็กน้อยที่ใส่เสื้อยืดสีครีมกับกางเกงขาสั้นสีดำกำลังยืนอยู่บนบันได เก็บลูกแอปเปิ้ลโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง หมวกแก๊บสีแดงที่เขียนว่า ‘NY’ คงไม่ได้คิดถึงผมที่อยู่ที่นิวยอร์คหรอกมั้ง 


                ผมเดินเข้าไปช้าๆ และรับรู้ว่าทุกฝีก้าวที่เดินเข้าไปคือจังหวะหัวใจของตัวเอง

                ผมจงใจหยุดอยู่ที่ด้านหลังของเด็กน้อยที่ตอนนี้ตัวสูงกว่าผมเพราะอยู่บนบันได เหมือนเจ้าตัวจะไม่สนใจและไม่ได้ยินว่าผมเดินเข้ามาใกล้ขนาดนี้

                แหงล่ะ แกเสีบบหูฟังอยู่และเพราะความเงียบ ทำให้ผมได้ยินว่าเขากำลังฟังเพลงอะไร



My heart is playing tricks on me,

And it’s building bricks on me.

I can’t break through,

And I can’t face you.

หัวใจฉันกำลังเล่นตลกและสร้างกำแพงสูงตระหง่าน ฉันพังมันเข้าไปไม่ได้และฉันก็เจอหน้าเธอไม่ได้ด้วย

                ผมสะกิด

                และเมื่อสายตาของเราประสานกัน เด็กน้อยตรงหน้าผมก็แทบจะเป็นลมคาบันได



                “กวนตีน”



My heart says “Go” but my brain says “No”.

หัวใจบอกให้ไป แต่สมองบอกว่าอย่า


                “กวนตีนตรงไหนครับ” ผมถามแต่เด็กน้อยก็เลือกที่จะเก็บลูกแอปเปิ้ลต่อโดยไม่สนใจผม

                ผมเห็นเขาเอาหูฟังออกข้างนึง

                “กวนทุกอย่าง กวนตั้งแต่สี่ปีที่แล้ว กวนแม่งตลอดชาติ กวนตีนโลก กวนตีนอากาศ กวนอยู่ได้ กวนแม่งทุกคน คนชื่อลู่หานแม่งกวนตีน” 

                พี่ฮานฮานอยู่นี่แล้วไง~” ผมพูดกับแผ่นหลังเล็กๆ นั่น ไม่รู้ว่าอะไรจะแดงกว่ากัน... ระหว่างลูกแอปเปิ้ลในตะกร้ากับหูของน้อง

                “ไปไหนก็ไป ผมไม่สนใจหรอก”

                “เปลี่ยนสรรพนามด้วยครับ” 

                “ป... ไปไหนก็ไป ฮุนฮุนไม่สนใจหรอก” ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า แต่เหมือนจะเห็นน้องเค้าประหม่า

                “ลงมาได้แล้ว ไปเล่นกัน” ผมสั่งและน้องก็ยอมปีนลงมาจากบันไดมายืนบนพื้น


                ผมถึงกับอึ้งในส่วนสูงของเซฮุน...


                ทำไมน้องสูงเท่าไหล่ผมแล้วล่ะ...................... 

                *แดกจุดและอิ่มจุด*


                “ส... สูงเท่าไหร่ละเรา” ผมพยายามทำตัวให้เข้มไว้ก่อน เรื่องส่วนสูงไม่มีปัญหากับโพสิชั่นแน่นอน (ยังมั่นใจ)

                “ร้อยหกสิบ” เด็กป.สี่ที่ไหนวะสูงร้อยหกสิบบบบบบบบบบบ T0T!!

                “...”

                “พี่สูงเท่าไหร่”

                “ร... ร้อยเจ็ดสิบ” ผมล่ะอยากจะฆ่าตัวตาย นี่อายุสิบหกละ... แต่ยังเตี้ยตะแมะแคระ

                “เดี๋ยวฮุนฮุนก็สูงแซง” เด็กบ้าข้างตัวพูดอย่างมั่นใจ ทำไงดี รู้สึกว่าโพสิชั่นบนล่างจะเริ่มสั่นคลอนอ่ะ ลู่หานไม่โอเค ลู่หานอยากขึ้นคร่อมแต่เหมือนฮุนฮุนจะถูกปลูกฝังเรื่อง ขึ้นคร่อมมามากกว่าผม T_T

                “ฮุนฮุนตัวเล็กอย่างนี้ดีแล้ว จะได้ยืนเฉยๆ ไง เดี๋ยวพี่ก้มลงมาหอมแก้มเอง” เอาเข้าไป ไม่เจอกันสี่ปี แต่พอเจอหน้าก็โชว์หื่นใส่อีกกู

                “ไม่เอา ฮุนฮุนอยากก้มลงมาจูบหน้าผากพี่ฮานฮาน”


                โอย... ตายอย่างเดียว ณ จุดนี้
                

                “แบบนั้นไม่ดีม้าง” ผมขึ้นเสียงสูง พยายามใช้ลมหายใจเฮือกสุดท้าย (ของความเป็นเมะ) แล้วยื่นมือจะไปช่วยถือตะกร้าให้

                “ไม่เป็นไร ฮุนฮุนถือไหวครับ” ฮุนฮุนเอาตะกร้าแอปเปิ้ลไปถือไว้ข้างขวา ส่นมือข้างซ้ายก็ยื่นมาจับมือผม...
                

                เอาล่ะ...

                ผมขอโทษที่คิดว่าตัวเองเป็นเมะมาตลอดสี่ปี...

                ผมรู้แล้วว่าผมเกิดมาเพื่อเคะให้น้องจริงๆ TT__________TT







                เย็นวันนั้นพวกเราได้กินอาหารฝีมือแม่ผมกับน้าแบคฮยอนรวมกัน ทุกอย่างอร่อยหมดเลยและผมก็อยากอยู่บ้านนี้ไปตลอดชีวิต T^T สิ่งที่ผมประหลาดใจและแอบมองตลอดเวลาคือ... น้าชานยอลโอบเอวน้าแบคฮยอนตลอดเวลาเหมือนกลัวว่าจะหายไป ผมชอบนะ ^_^

                “เดี๋ยวคืนนี้ฮานฮานไปนอนกับฮุนฮุนละกัน” และผมก็ชอบที่ผู้ใหญ่ทุกคนเรียกสรรพนามเก่าของพวกเราอีกครั้งด้วย

                “ได้ครับ” ผมพยักหน้ารับง่ายๆ แอบเหล่มองหน้าน้องแต่น้องก็ไม่สะทกสะท้าน ใช่สิ... นายมันเมะ นายมันตัวสูง อยากจะเย็นชาก็เชิญเล๊ย -^-

                อย่าพึ่งไปไหนนะนั่นไง นั่นไง ผมโดนไอ้เด็กบ้าทำตัวปีนเกลียวใส่ซะละ ฮุนฮุนส่งซิกบอกผมก่อนจะหันกลับไปทำการบ้านต่อ เอ้ออออ ดูซี่~ เมะแม่งเย็นชาอ่ะ

                “เดี๋ยวพวกน้าขึ้นไปนอนก่อนนะ” น้าแบคฮยอนกับน้าชานยอลเดินหายไปในห้องนอนของตัวเอง ส่วนพ่อแม่ผมก็เหมือนจะทะเลาะกันนิดๆ

                “คุณเจ คุณเคบอกแล้วว่าคุณเคไม่อยากได้”

                “ก็จะทำปราสาทบ้างอ่ะ ไม่ได้รึไง”

                “ไม่ได้ กลัวเป็นแบบคู่นี้” แม่ผมมีสีหน้าสลดนิดหน่อย เพราะเมื่อกี้น้าชานยอลกับน้าแบคฮยอนเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพวกเขาให้ฟัง และนั่นก็ทำให้แม่ผมทุบน้าชานยอลไปหลายที

                “ไม่เป็นหรอก คุณเจไม่ได้ลงมาจัดการด้วยตัวเองเหมือนพี่ชานยอลซักหน่อย”

                “บอกว่าไม่เอาไง” แม่ผมยังยืนกรานคำเดียว ส่วนผมที่อยากจะหนีจากสถานการณ์น่าอึดอัดนี้ก็ทำไม่ได้ เพราะใครบางคนดันบอกว่าอย่าพึ่งไปไหน =_=

                “คุณเจอยากทำจริงๆ นะ” พ่อผมอ้อน นานๆ จะได้เห็นแกโหมดนี้แหละครับ

                “สัญญาก่อนว่ามันจะไม่ใหญ่เท่าบ้านอีคู่บ้านี่”

                “สัญญา” พ่อผมเกี่ยวก้อยกับแม่ผมไว้และสุดท้ายทั้งคู่ก็ยิ้มให้กัน -0-; 

                “ดีมาก >_<

                “สร้างไม่ใหญ่เท่า แต่จะสร้างใหญ่กว่า” พ่อผมทิ้งท้ายก่อนจะเดินหนีขึ้นไปบนห้อง และแม่ผมก็ต้องวิ่งตามไปทึ้งหัวไม่หยุด
                

                เอาล่ะๆๆๆ

                นั่งเงียบๆ มานานละ *กระแอมเบาๆ แล้วขากเสลด*


                “มีอะไรจะให้พี่หรอ” ผมเดินเข้าไปหาเด็กที่กำลังทำการบ้...



                การบ้านห่าอะไร๊

                ฮุนฮุนแม่งกำลังคัดลายมือคำว่า พี่ฮานฮานกวนตีน เต็มหน้ากระดาษ


                ผมว่าผมพลาดแล้วล่ะที่ชอบเด็กบ้านี่


                “พี่ฮานฮานไม่กวนตีนนะครับ พี่ฮานฮานกวนใจมากกว่า”

                “มีอะไรให้ดูแหละ” ฮุนฮุนไม่สนใจสิ่งที่ผมพูด เขาลุกขึ้นและพาผมเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง

                “อะไร”

                “คือ... ฮุนฮุนว่าป๊ากับม๊าทำสิ่งนี้เป็นความลับแล้วไม่บอกฮุนฮุน แต่ฮุนฮุนก็บังเอิญมาเจอ...” เด็กน้อยพูดเสียงเบาเหมือนเป็นความลับขั้นสุดยอด ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องมืดๆ ห้องหนึ่ง


                ห้องนั้นมีบันไดขึ้นไปข้างบนอีก และฮุนฮุนก็จับมือพาผมขึ้นไป


                ผมซึ่งอายุมากกว่า... แต่ดันกลับอุ่นใจที่ถูกปกป้องซะงั้น

                “พี่นั่งตรงนี้นะ” ท่ามกลางความมืด ฮุนฮุนก็พาผมไปนั่งที่โซฟานิ่มๆ กลางห้องและเจ้าตัวก็หายไปทำอะไรบางอย่าง


                ไม่ทันไร... หลังคาข้างบนก็ถูกเปิดออก


                “เย็ดแม่...” ไม่รู้จะอุทานคำไหนได้ดีเท่าคำนี้แล้วครับ... มันคือที่สุดของที่สุด 


                ดาวนับล้านบนท้องฟ้ากำลังแย่งกันส่องแสงลงมาบนโลก และผมก็อาจจะเป็นคนเดียวบนโลกที่ได้เห็นดาวเยอะๆ ขนาดนี้ แม้กระทั่งดวงจันทร์ยังเป็นแค่ตัวประกอบของท้องฟ้า


                “เขินนะ...” ผมพูดเบาๆ และน้องก็เข้ามานั่งข้างผม

                “ไม่ได้จะเซอร์ไพร์สอะไรหรอก แต่พอดูดาวเยอะๆ แบบนี้แล้ว...”

                “...”

                “หาดาวเหนือไม่เจอ” ฮุนฮุนพูดก่อนจะเอนตัวไปกับขนาดของโซฟา ผมมองหน้าเด็กบ้าข้างๆ ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมา...


                เด็กบ้าอะไรโคตรอ่อย

                ถ้ากูกวนตีน ไอ้เด็กนี่ก็อ่อยอ่ะ 


                “ยังคิดถึงดาวเหนืออยู่อีกหรอ...” ผมพึมพำ เงยหน้ามองไปที่ทิศเหนือก็ยังคงเห็นดาวเหนือส่องแสงประกายออกมาอย่างโดดเด่น

                “อืม คิดถึงตลอด...”

                “...”

                “สี่ปี” ถ้าไม่ติดว่าเด็กบ้านี่ยังอยู่ป.สี่ ผมคงกราบขอร้องให้ปล้ำผมเสียเดี๋ยวนี้

                “ขอโทษนะ... ขอโทษที่ทิ้งให้อยู่คนเดียว”

                “คนเดียวบ้าอะไรล่ะ ทิ้งไว้กับซูจองต่างหาก” น้ำเสียงประชดทำเอาผมอยากจะหัวเราะอีกรอบ เด็กบ้านี่อ่อยจริงๆ นะ

                “ฮุนฮุนก็ทิ้งพี่ไว้กับแคทเธอรีนเหมือนกันแหละ” ผมพูดประชดกลับ

                “เลิกกันได้ปะ...”
                

                อะไรนะ


                “...”

                “เลิกกับแคทเธอรีนได้มั้ย ฮุนฮุนไม่ชอบ” 

                “ได้” ผมตอบทันทีที่ถูกขอร้อง ไม่รู้หรอกว่าน้องจะมาไม้ไหน จะอ่อยผมยังไง แต่ผมก็ยินดีที่จะถูกเด็กอ่อย

                “แค่นั้นแหละ”

                “แค่นั้นเองหรอ...”  ผมท้วง “แล้วถ้าพี่ไปเป็นแฟนกับคนอื่นอีกก็ได้ใช่มะ”

                “ไม่ได้” ฮุนฮุนตอบแทบจะทันที

                “แล้...”

                “เป็นแฟนกับฮุนฮุนซะก็สิ้นเรื่อง” เด็กบ้ายังคงทำตัวเย็นชา มองดาวบนท้องฟ้าเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ผมเนี่ย... จะตายแล้ว

                “ทำไมขอคนเป็นแฟนได้เถื่อนขนาดนี้วะ” ผมบ่น ถ้าผมตายเพราะหัวใจเต้นแรงเกินไปใครจะรับผิดชอบ

                “เขิน” คำตอบสั้นๆ ก็ทำให้ผมยิ้มออกมา...

                “ยอมเป็นแฟนด้วยก็ได้ว้า~” ผมพยายามทำเหมือนตัวเองถูกบังคับ แต่แค่ฟังก็รู้ว่าเต็มใจชัดๆ

                “รอผมโตก่อนนะ จะก้มลงไปจูบหน้าผากพี่ให้ได้เลย” 

                “อื้อ...” ผมตอบเบาๆ “แต่ตอนนี้เอาแก้มมาให้พี่หอมก่อนนะ”

                “คนกวนตีนห้ามจูบปากฮุนฮุนนะ”


                หืม?


                หาว่ากวนตีนใช่มั้ย...

                ห้ามจูบปากนักใช่มั้ย...


                Chu~

               

               
               

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น