วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ภษคส : Intro



intro.



                นายชื่ออะไรอ่ะเด็กชายตัวเล็กที่พึ่งจะขึ้นป.หนึ่งหมาดๆ กำลังเริ่มมองหาเพื่อนใหม่ และเด็กผู้ชายตาโตคนนี้ก็สะดุดตาเขาเหลือเกิน จึงเดินเข้าไปทักอย่างอารมณ์ดี

            ชื่อชานยอลเด็กชายตาโตพยายามโชว์เหนือด้วยการเขียนชื่อตัวเองเป็นภาษาอังกฤษพร้อมโชว์ยิ้มฟันหลอ

            นี่มันอ่านว่าชุนยอลเหอะ เนี่ย C-h-u-n-Y-e-o-l ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ว้ายยยยยยย~ เขียนชื่อตัวเองก็ผิดว่ะ โง่ชิบหาย กร๊ากกกกกกกกเด็กชายตาตี่หัวเราะจนตาปิด... ลักยิ้มที่อยู่ใต้ตาปรากฏเด่นชัดเสียจนหัวใจของคนที่ได้เห็นตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม

            ชานยอลเหอะสัส

            ชุนยอลๆๆๆๆๆๆ แบร่ๆๆๆ

            งั้นมึงชื่ออะไรคนตาโตชักจะขัดใจ ไอ่บ้านี่แม่งกวนประสาทเหลือเกิน

            กูชื่อแบคฮยอนเด็กชายตาตี่ยิ้มกว้าง

            งั้นมึงก็ชื่อบุ๊คฮยอน เพราะกูชื่อชุนยอลแล้ว ไอ่บุ๊คๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ’ 

            บุ๊คพ่องร่างเล็กไม่พอใจ เขาชอบมากเวลามีคนเรียกเขาว่า แบคแต่นี่คืออะไร๊? บุ๊ค? ไรของเมิ๊ง =[]=

            บุ๊ค!’

            ชุน!’


**********


ปัจจุบัน

                “โด้ มาเล่นกับกูหน่อย เชี่ยชุนยังไม่กลับ” ผมเดินไปเคาะประตูห้องตรงข้าม ก่อนที่เพื่อนตัวเล็ก (กว่าผมหน่อยเดียว) จะโผล่หัวออกมาจากห้องมัน

                “มึงก็ไปรับมันที่โรงเรียนเด้ -_-^

                “วันนี้มันเอารถไปปปปป มึงมานั่งดูทีวีห้องกูก่อน เร็วๆ กูกลัวผี” ผมลากหัวมันออกมาจากห้องแล้วเหวี่ยงมันให้เข้าไปในประตูห้องผม 

                “เชี่ย มึงกลัวผีมาตั้งแต่เกิดละ แก่จนยี่สิบห้าก็ควรจะเลิกกลัวได้ละนะ”

                “ก็ชุนแม่งบอกว่า ถ้ากูกลัวผีมันจะอยู่เป็นเพื่อน แล้วนี่แม่งไม่อยู่ ให้กูทำไง” ผมหันไปเถียงมัน โด้กลอกตามองเพดานอย่างหงุดหงิดก่อนจะนั่งลงบนโซฟาในห้องผม


                โด้หรือโดคยองซูเป็นเพื่อนสนิทกับผมมาตั้งแต่สมัยม.ต้น เราเรียนด้วยกัน ไปไหนไปกัน เรียนมหาลัยก็จบบัญชีมาเหมือนกัน (แน่ะ เห็นอย่างนี้กูคิดเลขเก่งนะเหวย) แล้วพวกเราก็มาทำงานเป็นพนักงานบัญชีที่บริษัทเดียวกัน ส่วนคอนโดนี้ก็ซื้อกันอยู่มาตั้งแต่เรียนจบละ


                ส่วน ชุน ก็คือปาร์คชานยอลครับ มันเป็นเพื่อนสนิทของผมเอง สนิทกันมานานน๊านนาน


                “โด้ มึงเปิดทีวีดิ๊” ผมหันไปสั่งมัน เจ้าตัวค้อนขวับนิดหน่อยก่อนจะยอมกดรีโมททีวี...


                ขณะนี้นะคะ ทางรัฐบาลและนักวิชาการได้ลงมติว่า ภาษีคนโสดจะได้เริ่มใช้อย่างจริงจัง เพื่อเป็นนโยบายให้ทุกคนแต่งงาน มีครอบครัวและมีบุตรอย่างน้อยครอบครัวละหนึ่งคนค่ะ


            “ข่าวแม่งเพ้อเจ้อสัส นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นอิเจ๊คนนี้กูไม่ดูต่อละนะ” โด้บ่นหงุดหงิด คนอย่างมันนี่ชอบนักประกาศข่าวด้วยอ่อวะ พึ่งรู้ 555555555555


                โดยผู้ที่มีอายุยี่สิบห้าปีขึ้นไปต้องแต่งงาน หากไม่แต่งงานก็จะต้องเสียภาษีเดือนละสามหมื่นวอนค่ะ


            “โอ้โห สามหมื่นวอน นี่ขอทานไม่ต้องอดตายกันก่อนหรอวะ น่าสงสารจัง...” ผมพึมพำเบาๆ แต่ไอ่ห่าคยองซูก็หันมาเบะปากหมั่นไส้

                “สงสารตัวเองก่อนเถอะครับ ชีวิตนี้มึงติดหนี้ชานยอลกี่ร้อยล้านแล้วครับขอถาม ฮ่าๆๆๆๆ”


                ไอฟรั๊ค... มันอนุญาตให้กูใช้เงินมันได้เหอะ!!!

                ผมได้แต่คิดในใจ ไม่อยากพูดต่อ เดี๋ยวโด้แม่งเชียร์คู่ชุนบุ๊คอีก กูรำคาญ


                ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ที่มีเพศเดียวกันสามารถแต่งงานกันได้ค่ะ โดยในกรณีนี้ต้องมีบุตรบุญธรรมอย่างน้อยหนึ่งคนในครอบครัว


                ...


                ผมกับโด้หันมามองหน้ากัน

                “โด้ มึงแต่งงานกับกูนะ” ผมคว้ามือมันก่อนจะทำสีหน้าจริงจัง แต่แม่งก็ปัดมือผมทิ้งอย่างไร้เยื่อใย T^T

                “สัส กูยอมเสียภาษีถ้าต้องแต่งงานกับคนอย่างมึง” 

                “เลวมากครับเพื่อนเลิ้บ” ผมด่ามันนิดหน่อยก่อนจะดูทีวีต่อ


                รัฐบาลจะเริ่มกำหนดการเสียภาษีคนโสดภายในสามเดือนข้างหน้า หรือวันที่ยี่สิบ สิงหาคมนั่นเองค่ะ ดิฉันก็ต้องรีบหาสามีแล้วสินะคะเนี่ย คิคิ หรือจะหาภรรยาดีนะ ฮ่าๆ


            “เอ้า อินี่แม่งไบนี่หว่า อุตส่าห์แอบชอบมันมาตั้งนาน” โด้เบลมผู้ประกาศข่าวก่อนจะปิดโทรทัศน์หน้าตาเฉย “แบคมึงอย่าไปฟังมาก มันก็พูดไปงั้นแหละ มึงอยู่เฉยๆ นะ อย่าแพนิค (Panic) นะ”

                “มึงแต่งงานกับกูเถอะโด้” ผมจับมือมันอย่างจริงจัง แหม่ ถึงมันจะบอกว่าอย่าให้กูแพนิค แต่ก็ต้องรีบกันไว้ก่อนปะวะ 5555555555555

                “ไม่ต้องมายุ่งกับกูววววววววว”

                “หรือมึงยังไม่ลืมจงอิน?” ผมถามมันด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ จงอินนี่ตัวละครลับครับ เดี๋ยวบอกให้ฟังทีหลัง อิอิ

                “ลืมแล้ว ลืมตลอดชาติ กูบอกไม่ให้มึงพูดถึงมันไงอิแบค” 

                “จ้าาาา ขอโทษษษษษ” ผมซุกตักมันอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะได้ยินเสียงประตูห้องเปิดออก

                “ไอ่ห่าบุ๊ค อยู่ไหนวะ” เสียงคนคุ้ยเคยดังลั่นทันที “เฮ้ย กูซื้อทองหยิบทองหยอดมาฝาก เลิกซ่อนแล้วรีบออกมา” 

                “มันนอนซุกตักกูอยู่นี่ -_-^” โด้ชี้มาที่ผมซึ่งนอนอยู่บนตักมัน ผมจึงเด้งตัวขึ้นมาจากโซฟาแล้ววิ่งไปหารูมเมทสิบปีทันที 

                “เย่!!!! ทองหยิบทองหยอดดดดดดด! กับข้าวกูซื้อให้แล้วนะ อยู่บนโต๊ะ จะแดกก็แดก ไม่แดกเดี๋ยวกูแดกเอง” ผมชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปที่โต๊ะกินข้าว ก่อนจะคว้าถุงขนมในมือมันมาอย่างมีความสุข -..-

                “แดกครับบุ๊คแดกครับบบ เออ บุ๊คอ้วนเร็วๆ นะ กูจะขุนให้เต็มที่” มันพูดพลางขยี้หัวผมแรงๆ ก่อนจะล็อกคอผม

                “โอ๊ยสัสชุน! ปล่อยยยยยย กูจะไปกินขนมมมมม!” ผมดิ้นแรงๆ จนหลุดเป็นอิสระ แล้ววิ่งไปหาจานมาใส่ขนมในถุงทันที โด้ส่ายหน้าเพลียๆ ก่อนจะพูดขึ้น

                “วุ่นวายทุกที พวกมึงอยู่รวมกันเมื่อไหร่วุ่นวายตลอด =___=” 

                “เอาหน่าๆ เหมือนหมาดีใจที่เจ้าของกลับบ้านอ่ะมึง ต้องเข้าใจเว่ยโด้” เชี่ยชุนพูดยิ้มกระหยิ่มดีใจ จ้ะดอก พูดอะไรได้ก็พูดไป ตอนนี้ขอแดกก่อน เหรื่องมึ้ง (ย่อมาจากคำว่าเรื่องของมึง กรุณาอ่านเสียงให้ถูกด้วยสาส)

                “เออชานยอล มึงได้ยินข่าวภาษีคนโสดยังวะ” โด้ถามชุนด้วยสีหน้าเป็นกังวล เนี่ย กูไม่ได้แพนิคห่าไรหรอก มึงอ่ะแพนิคคนแรกเลยครับคยองซูว

                “นิดหน่อย กูฟังในวิทยุ แต่ไม่เป็นไรหรอก กูยอมจ่าย” มันพูดหน้านิ่งๆ ก่อนจะเดินมากินทองหยิบทองหยอดในจานขณะที่ผมกำลังจกทองหยิบอย่างเมามันส์

                “ใช่ซี๊~ มึงเป็นเจ้าของโรงเรียนนี๊~” ผมขึ้นเสียงสูง อย่างที่ได้ยินครับ เหี้ยชุนเป็นเจ้าของโรงเรียนที่มีนักเรียนชั้นอนุบาล-ม.หกด้วยวัยแค่ยี่สิบห้า นี่นักเรียนผู้หญิงเล็งผ.อ.ปาร์คกันเต็มเลยนะครับ แต่วันๆ แม่งมัวแต่ไปขลุกอยู่กับนักเรียนอนุบาล =_=

                “เอ้า ก็คนมันมีตังค์ จะทำอะไรก็ได้ครับเพิ่ล 55555555555” มันพูดด้วยสีหน้ามีชัย

                “สัส งั้นมาแต่งงานกับกู” ผมสั่งมันก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากขนม

                “ห้ะ...” มันชะงักไป “ไม่แต่งครับไอ่ฟาย แค่รู้จักคนอย่างมึงมายี่สิบปีกูก็จะอ้วกแตกตายละ”

                “แล้วเมื่อไหร่จะอ้วกล่ะแหม -_-^!! ไม่รู้แหละ ถือว่าทำบุญทำทาน ช่วยให้กูไม่ต้องเสียภาษีไงมึง ส่วนมึงก็ไม่ต้องเสียภาษีอีกไง ดีปะล่ะ!?” ผมพูดหว่านล้อมขั้นสุด อย่างที่มันบอกครับ ผมกับมันอยู่ด้วยกันมายี่สิบปีละ -O-!! ตั้งแต่ป.หนึ่งจนถึงตอนนี้ แถมยังเป็นรูมเมทกันมาสิบปี ก็นะ... 


                เห็นหน้า เห็นสันดาน เห็นพัฒนาการกัน 

                จน...
                จนเป็นเพื่อนที่โคตรๆๆๆๆๆๆๆ สนิทกันเลยไง วู๊ อย่าคิดอะไรลึกดิแหม


                “ไม่เอา” มันปฏิเสธด้วยเสียงนิ่งๆ จนผมตกใจ

                “เชี่ยไร อย่าจริงจังดิ ก็แค่เพื่อนกันแต่งงานกัน เดี๋ยวมึงอยากแต่งงานกับใครกูหย่าให้ก็ได้ ชิวๆ ดิวะ”

                “โด้ มึงออกไปก่อน” ชุนหันไปบอกโด้ที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ในห้อง บรรยากาศเริ่มมาคุแบบแปลกๆ แถมอิห่าโด้ก็ยอมเดินออกไปเนอะ ไม่ได้ช่วยอะไรกูเล๊ย “ลูกบุญธรรมมึงจะไปหาที่ไหน”

                “ก็หาเอาที่โรงเรียนมึงนั่นแหละ เดี๋ยวกูก็ไปหาเอาแถวนั้น”

                “บุ๊ค มึงฟังกู” และผมก็ยอมเป็นฝ่ายเงียบ

                “...”

                “ถ้าเราหย่ากันแล้ว เด็กคนนั้นจะทำยังไง...”

                “...”

                “แล้วถ้ามึงเป็นกู มึงจะแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักมึงมั้ย” ชุนหันมามองหน้าผมด้วยแววตาที่ผมอ่านไม่ออก...
        
       
                เป็นแววตาที่ผมไม่เคยได้เห็นจากเพื่อนสนิทคนนี้มาก่อนเลย


                “เฮ้ย... ใจเย็น...” ผมลุกขึ้นแล้วตบบ่ามันด้วยความรู้สึกกังวล อิห่านี่จะจริงจังเกินไปละ 

                “กูไม่แต่ง” มันตัดบทพลางเดินไปทางอื่นทันที

                “เฮ้ยเดี๋ยว!” ผมเรียกมัน ก่อนจะรั้งมันไว้ “ถ้างั้นกูจีบมึงก็ได้ กูจะได้แต่งกับคนที่รักกูไง ดีปะ”

                “บุ๊ค มึงแม่งไม่เข้าใจ 555555555555555” มันหัวเราะลั่นแต่ก็ไม่ได้หัวเราะเพราะอารมณ์ดี แต่หัวเราะเพราะขื่นขมกับความโง่ที่ผมไม่เข้าใจที่มันพูด

                “เนี่ย เอายังไง กูจะจีบละ ถ้ากูจีบมึงติด มึงต้องแต่งงานกับกูนะชุน”

                “ก็ด๊าย~” มันพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “จีบกูให้ติดนะครับ คุณบยอนแบคฮยอน... หึ”

                “ได้ครับ คุณปาร์คชานยอล กูจะจีบมึงให้เต็มที่เลยคอยดู!

1 ความคิดเห็น:

  1. วรั้ยยย บยอนแบคอยากมีผ...สามีค่าาาา //เกือบ(หราา)หลุดๆ เราต้องเป็นสถุลสตรีศรีสยาม~~#ถรุ๊ยยยยยยยยย....ส์

    ตอบลบ