วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ภษคส : 3 B, I’ll be the sky and you’ll be this rope bracelet.



3
B, I’ll be the sky and you’ll be this rope bracelet.



                “เสร็จกันรึยังคะทุกคน >O<” ครูจินรีประกาศเสียงใส ผมเงยหน้าขึ้นจากกองทราย (ที่ตัวเองไม่ได้ช่วยอะไรเลย) ก่อนจะบอกว่าเสร็จแล้ว ส่วนโด้กับไอ่จงอินก็บอกว่าเสร็จแล้วเช่นกัน ครูจินรีจึงเริ่มทำการทดสอบความแข็งแรงของปราสาท...

                “ของคุณคยองซูไม่ผ่านนะคะ แหะๆ ^^;” ครูจินรีเอานิ้วจิ้มไปที่ทรายอันแสนยวบยาบของโด้ แค่แตะนิดเดียวแม่งก็ล้มแหกลงมาหมดละ

                “ของคุณจงอินก็ไม่ผ่านเหมือนกันค่ะ” เมื่อไปที่กองทรายของไอ่จงอินก็ยิ่งหนักกว่าเดิม เพราะแม่งเสือกโง่ไปก่อตรงทรายที่ไม่เปียกและยังเป็นฝุ่น ไงล่ะมึง... ก่อไม่ขึ้นเลย โง่ชิบหาย -_-;

                “ของกลุ่มพ่อแม่ลูกจะเป็นยังไงน้า~ คิกๆ” ครูจินรีก็จิ้นกูกับชุนใช่มั้ยครับ นางหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินมาจิ้มๆ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อปราสาทของเหี้ยชุนแม่งโคตรแข็งแรง

                “โอ้ O_O อย่างงั้นเราต้องมาแข่งเรื่องความสูงแล้วแหละค่ะ” ครูจินรีจิ้มของตัวเองให้ดูก็พบว่า แข็งแรงไม่แพ้กัน!

                “ผมว่าของพ่อแม่ลูกสูงกว่านะครับ” โด้พูด เอาละ ไอ่ห่านี่ก็จิ้นอีกคน ความจริงคนที่จิ้นชุนบุ๊คคนแรกคือไอเหี้ยนี่แหละครับ แม่งจิ้นตั้งแต่ผมกับชุนย้ายออกมาอยู่ด้วยกันแล้วก็พยายามแซวมาตลอด -_-^


                ผมลองมองๆ ดูแล้วปราสาทเชี่ยชุนก็สูงใช้ได้แฮะ


                “แน่ะ ภูมิใจปะผัวก่อปราสาททรายเก่ง” ชุนแม่งคงเห็นสีหน้าชื่นชมปราสาททรายของผม มันเลยพูดออกมาด้วยสีหน้ามีชัยขั้นสุด

                “จย้า ภูมิใจ~” ผมตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง แต่หน้านี่บึ้งมากบอกเลย =___=

                “ม๊าบุ๊คชอบปราสาททรายของป๊าชุนด้วย ฮี่ฮี่ >_<” เซฮุนยิ้มกว้างเหมือนเขาอยากจะมีปะป๊าหม่าม๊ามานานแล้ว และก็พูดเต็มปากเต็มคำว่าพวกผมเป็นพ่อแม่ของเขา...


                ตอนแรกก็ไม่ว่าอะไรหรอก ออกจะเอ็นดูเด็กน้อย

                แต่พอเห็นหน้าไอ่คนที่ถูกเรียกว่า ป๊าชุนแล้วแม่งขัดใจมั่กๆๆๆๆ

                แม่งยิ้มจนปากจะฉีกถึงรูหู ฟันนี่เรียงกันสวยงามชิบหาย ไว้แม่งหลับเมื่อไหร่กูจะถอนฟันมันแล้วเอามาแปะไว้ในปากตัวเอง


                “บุ๊คชอบปราสาทของผมจริงๆ หรอครับ” แล้วดูแม่งพูด โหยมึง นี่มึงจะเอาเพื่อนทำเมียจริงๆ ใช่ปะ

                “ชอบครับชอบ” ผมตอบหน้าตาย

                “งั้นเรือนหอเราเอาแบบนี้จริงๆ ดีมั้ยครับ” 

                “เออ มีตังค์ก็ทำครับ จะทำอะไรก็ทำ ไหนๆ กูก็จะอยู่กับมึงตลอดชีวิตอยู่แล้วครับ เฮอะ” ผมพูดก่อนจะแค่นหัวเราะ อย่างที่บอกแหละ ถึงมันจะแต่งงานมีลูกมีเมียผมก็จะอยู่กับมัน T^T!!

                “งั้นฮุนฮุนอยู่ห้องนี้นะครับปะป๊า หม่าม๊า” เซฮุนเอานิ้วเจาะเข้าไปในปราสาททรายเหมือนจะสร้างห้องขึ้นมาซะเดี๋ยวนั้น แต่ทว่า...


                ปราสาทก็ถล่มลงไปต่อหน้าต่อตา


                “ฮุนฮุนอย่าร้องไห้นะครับลูก” ผมรีบหันไปบอกเด็กน้อยที่ตอนนี้เริ่มจะเบะปาก เขารีบเงยหน้าขึ้นมองบนฟ้าคล้ายๆ จะกลั้นน้ำตาไว้ เอ๊ะเดี๋ยว... กูเรียกเซฮุนว่าลูกตั้งแต่เมื่อไหร่ =O=

                “อ้าว ทำไมปราสาทพ่อแม่ลูกเป็นแบบนั้นไปแล้วล่ะคะ O_O” ครูจินรีคงจะช็อคมากน่าดู แต่ผมกับชุนก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ ไปให้

                “แหะๆ ขอถอนตัวละกันครับ ผมอยากให้ครูจินรีชนะน่ะ” ได้ทีกูก็ขอเต๊าะครูจินรีนิดส์นึง~

                “ฮ่าๆๆ ขอบคุณค่ะ ถ้าอย่างนั้นกลุ่มของเราก็ชนะ >__<!! เย่ๆๆ!” ครูจินรีกับเด็กผู้หญิงกลุ่มเค้าดีใจกันใหญ่ ส่วนเซฮุนของผมก็ได้แต่เงยหน้ามองฟ้าอยู่อย่างนั้น

                “ไม่ใช่ความผิดของฮุนฮุนนะครับลูก ความผิดป๊าชุนต่างหาก ป๊าเค้าสร้างโครงสร้างไม่แข็งแรง ใช่ป่ะไอ่ป๊า” ผมรีบปลอบลูกตัวเอง (?) ก่อนจะพยักเพยิดไปทางชุนให้มันรีบตอบรับไวๆ แต่มันกลับไม่มองหน้าผมและมองหน้าเซฮุนแทน

                “เซฮุน... เอามือมานี่” ชุนเสียงแข็งขึ้นมาทันทีแถมยังเปลี่ยนสรรพนามอีก เด็กน้อยยื่นมือให้ชุนด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ และชุนก็ตีมือเซฮุนเบาๆ เหมือนตีลูกที่ทำผิด

                “ป๊าชุน ฮุนฮุนขอโทษ...” 

                “จำไว้นะว่า อะไรที่เปราะบาง เราต้องรักษาและดูแลจนกว่ามันจะแข็งแรง เข้าใจมั้ยลูก” น้ำเสียงดูอ่อนโยนแต่ก็แอบแฝงไปด้วยความจริงจังของชุนทำเอาผมนึกอะไรขึ้นมาได้...


                ผมก็โดนมันดุด้วยน้ำเสียงนี้อยู่บ่อยๆ (โดนตีด้วยแหละ TT)


                “เข้าใจคับปะป๊า (._.)” เซฮุนก้มหน้านิ่งพลางเขี่ยทรายไปมาตามประสาเด็กโดนดุที่ไม่รู้จะทำอะไร

                “เข้าใจแล้วก็ไปกอดม๊าซะไป~” ชุนลูบหัวเซฮุนก่อนจะดันเด็กน้อยให้มาหาผม ผมจึงอ้าแขนกว้างๆ และรับเซฮุนมานั่งไว้บนตัก...

                “ม๊าบุ๊ค... ฮุนฮุนโดนป๊าดุ” เสียงเล็กๆ ดูจ๋อยขึ้นมาสนิท ผมจึงลูบหัวก่อนจะจูบเบาๆ ที่ขมับ

                “ป๊าเค้าดุเพราะหวังดีนะครับ คราวหลังก็อย่าทำอีกนะ เข้าใจมั้ยเอ่ย?”
                “คับ”

                “เดี๋ยวม๊าซื้อโดนัทปลอบใจนะ >__< โอเคป่าวววว?”

                “คับผม!” เซฮุนดูร่าเริงขึ้นมาก ก่อนจะวิ่งไปหาครูจินรีที่เรียกให้ไปกินข้าว... เหลือแค่ผมกับอิเหี้ยครูปาร์คนั่งจุ้มปุ้กกันอยู่บนพื้นทราย ส่วนโด้กับจงอินหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้

                “มึงเป็นปะป๊าจอมโหด แล้วกูเป็นหม่าม๊าแสนดีหรอห้ะ? ฮ่าๆๆๆๆ” ผมหัวเราะใส่มัน

                “เออ... ก็... คนนึงก็ต้องดุลูกปะวะ อีกคนก็ต้องคอยปลอบ” 

                “อ่ะๆๆๆๆ จริงจังอีกละไอ่สาส ใจเย็นมึงใจเย็น เรายังไม่ได้อะไรกันขนาดนั้นมึงๆ” ผมรีบปรามจินตนาการของมันไว้ก่อนที่มันจะไปไกลกว่านี้ =__=

                “มึงแหละคนแรกเลย 5555555555555 มีการเรียกว่าลูกบ้างแหละ เรียกกูว่าป๊าบ้างแหละ แอ่ะๆ อยากได้กูเป็นผัวแล้วดิ” มันเอานิ้วเปื้อนทรายมาเขี่ยคางผม 

                “สัส อยากได้แค่แต่งงานหนีภาษีโว่ยยยยยยยย!! ไอ่ห่านี่ก็ยัดเยียดความเป็นผัวเป็นเมียให้กูจังงง!” ผมโวยวายก่อนจะลุกขึ้นจากทรายและวิ่งหนีออกมา 

               
                ได้ยินเสียงไอ่ชุนแว่วๆ...

                “ไม่ต้องยัดเยียดก็เป็นอยู่แล้วม้าง~


                บ้า!!!!!!!!!!!!!!!!!


**********


ตกดึก

                หลังจากที่พวกเรากินข้าวเย็นกันเรียบร้อยและพาเด็กๆ เข้านอนหมดแล้ว ผมก็ไม่รู้จะทำอะไรเลยทีเดียว -0- ก็โด้บอกให้ไปนอนกับมัน... ผมควรทำไงดีวะ ผมนอนคนเดียวไม่ได้ นอนกับคนอื่นก็ไม่ได้... ผมต้องนอนกับไอ่ห่าชุนคนเดียวเท่านั้นอ่ะ T^T

                ผมออกไปเดินนอกแคมป์รับลมทะเล ก็เจอครูจินรีนั่งเล่นอยู่ริมหาดทรายคนเดียว แหม่ นี่เจ๊จะไม่กลัวสิงสาราสัตว์อะไรเลยเร้อ =O=

                “ครูจินรี~” แน่นอนว่ากูต้องเข้าไปทักครับ ถ้าเจ๊แกสนใจกูบ้างนี่จีบเลยนะ พร้อมสลัดไอ่ชุนทิ้งเลยอ่ะเอาดิ 555555555

                “อ้าว คุณแบคฮยอนนอนไม่หลับหรอคะ” เสียงหวานใสของครูจินรีตอบกลับมา แหม๊~ นี่ผมไม่ได้คุยกับคนอื่นนอกจากไอ่ชุนมานานเท่าไหร่ละ TT___TT

                “แหม่ๆๆ อยากเรียกผมว่าคุณแบคฮยอนดิ เรียกว่าพี่แบคเฉยๆ ก็ได้นะครับ อิอิ” โอ้โห นี่เกิดมาไม่เคยเต๊าะผู้หญิงมาก่อนเลยนะ พยายามสุดแล้วนะครับครูจินรี ถ้ากากไปก็ขอทอดด้วย

                “งั้นพี่แบคก็ต้องเรียกว่าจินรีเฉยๆ ด้วยนะ ^^” สายตาของจินรีที่มองมาดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ว่าก็ว่าเถอะ ในบรรดาเพื่อนผ.อ.ปาร์คทั้งหมดเนี่ย ครูจินรีดูจะสนิทกับผมที่สุดละ 5555555

                “โอเค ฮ่าๆๆๆ” ผมนั่งกอดเข่าลงข้างๆ จินรี เหม่อมองดาวแถบชนบทที่ไม่มีมลภาวะมาปกคลุมแล้วก็รู้สึกชื่นใจดี

                “ลมเย็นดีเนอะพี่แบค”

                “อืม ว่าแต่... จินรีมีแฟนรึยัง” ผมเปลี่ยนเรื่องและรุกถามทันที 55555555555 

                “ค... คะ O_O? ยังหรอกค่ะ แหม พี่แบคถามอะไรก็ไม่รู้ ตกใจหมด” จินรีเอามือทาบหน้าอกเหมือนตกใจมาก 

                “อ้าว อย่างงี้ไอ่ชุนมันก็หลอกพี่อ่ะดิ มันบอกว่าจินรีมีแฟนแล้ว” 

                “คะ? ไม่มีจริงๆ ค่ะพี่ 555555 แหม แต่ก็แอบชอบใครคนนึงอยู่น่ะค่ะ ถึงเค้าจะไม่เคยสนใจเลยก็ตาม (._.)” จินรีพูดพลางก้มหน้าเขี่ยทราย เหมือนจะอายแต่ก็พูดต่อ “เค้าเป็นคนที่ใจดีมากเลยค่ะ หล่อด้วย สูงด้วย...”

                “โห งั้นก็ไม่ใช่พี่แล้วอ่ะดิ 55555555555555” กูก็ยังอุตส่าห์เข้าไปขัด

                “ฮ่าๆๆ ไม่ใช่พี่หรอกค่ะ และอีกอย่าง... จินรีรู้ด้วยแหละว่าเค้าชอบใคร” 

                “โห รู้ขนาดนี้ก็ไปตบอิคนนั้นเลยดิ บอกให้มันหลบไป ฉันกับเขาจะเป็นแฟนกัน 555555555555” ผมหัวเราะร่า คือไม่ใช่เรื่องตัวเองก็ไม่เครียดไง (ทุเรศ -_-;)

                “จะไปตบได้ยังไงคะ เค้าพึ่งมาเป็นพี่ชายจินรีเมื่อกี้นี้เอง คิกๆๆๆ” เสียงหัวเราะของจินรีทำเอาชะงัก


                เดี๋ยวนะจินรี พี่เริ่มงง...


                “เดี๊ยวๆๆ คนที่จินรีชอบอ่ะ ชอบพี่หรอ O[]O!!?” ผมหันไปถาม นี่ตกใจมากนะ ใครวะ หล่อสูงใจดี?

                “ฮ่าๆๆๆ จินรีขอตัวดีกว่า ผ.อ.ปาร์คเหมือนมีเรื่องจะคุยกับพี่แบคนะคะ” จินรีพูดจบก็ชี้ไปที่ด้านหลังของผม เห็นไอ่ชุนกำลังยืนเก้ๆ กังๆ เหมือนรอให้เราคุยเสร็จ

                “จินรีอย่าพึ่งปายยยยย TOT~ พี่อยู่กับมันมาทั้งชีวิตแล้วนะ ให้พี่อยู่กับคนอื่นบ้างเหอะ”

                “แล้วถ้าจินรีโดนไล่ออกล่ะคะแหม เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ ฮ่าๆๆ” จินรีลุกขึ้นยืนก่อนจะปัดทรายนิดหน่อยและเดินไป หล่อนโค้งให้ไอ่บ้าผ.อ.ปาร์คทีนึงด้วย ใหญ่จริงๆ ครับคนนี้

                “คุยไรกันวะ” มันถามทันทีที่นั่งลงข้างๆ ผม ก่อนจะกอดเข่าเหมือนกัน

                “คุยว่าจินรีมีแฟนรึยังแล้วก็จินรีก็เกือบบอกกูละว่าเค้าชอบใคร... ที่สำคัญนะมึง... คนนั้นเค้าชอบกูด้วยเว่ย” ประโยคสุดท้ายที่ผมเอื้อมตัวไปกระซิบข้างหูไอ่ชุน มันชะงักนิดหน่อยก่อนจะพูดแบบงงๆ

                “อ้าว... แปลว่าครูจินรีชอบกูหรอ 55555555555555555555555555555555”


                ห้ะ...


                “เดี๋ยวนะ แปลว่าจินรีชอบมึง แล้วมึงก็ชอบกู... เออ ดูสมเหตุสมผลนะ อืมๆ” ผมพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเรื่องราวมันชักจะเหี้ยเกินไปละ “สัสชุน ไม่ตลกละ 5555555555555555”

                “ฮ่าๆๆๆๆ เออ ไม่ตลกก็ด้ะ”

                “ชุน คืนนี้เราจะไม่ได้นอนด้วยกันจริงๆ อ่อวะ มึงว่ากูจะนอนหลับปะ” ผมเปลี่ยนเรื่องคุย เอาหน้าซุกที่เข่าตัวเองก่อนจะกอดเข่าแน่นๆ


                นี่กังวลมากนะ... ไม่มีคืนไหนที่กูไม่ได้นอนกับมันเลยนะ


                “หลับอยู่แล้วหน่า” มันเอามือมาขยี้หัวผมแรงๆ “ถ้ามึงคิดถึงกูอ่ะ มึงมองท้องฟ้าไว้นะ คิดซะว่าท้องฟ้าทั้งหมดเป็นกู”

                “โหย ทำไมไม่โรแมนติคเรยอ่ะ บั่บว่า... คนอื่นเค้าให้มองดาว มองพระจันทร์ มองพระอาทิตย์งี้ ไอห่านี่ให้กูมองท้องฟ้า ธรรมดามากครั่บ จีบกูแบบกากๆ อีกละนะ =__=” ผมบ่น

                “ตอนกลางวันมึงเห็นพระจันทร์กับดาวมั้ยไอควาย”
                “...”
                “แล้วตอนกลางคืนมึงเห็นพระอาทิตย์มั้ย”
                “...”
                “ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วมึงจะนึกถึงกูตลอดทั้งวันได้ยังไง”

                “ม... ไม่รู้” ผมก้มหน้า เจอเหตุผลของมันเข้าไปก็ถึงกับสะอึกเลยครับ

                “ก็นี่ไง แค่เดินออกมาข้างนอกแล้วเงยหน้าขึ้น มึงก็เห็นกูละ จบ” มันพูดก่อนจะยิ้มเบาๆ เงยหน้ามองตัวเอง

                “ชุน...” มันให้ผมนึกถึงมันแต่ไม่มีอะไรให้มันนึกถึงผมเลย ผมไม่ยอมหรอก!
                “ไร”
                “อ่ะ... ให้” ผมถอดเชือกรัดข้อมือเก่าๆ ให้ชุน มันเป็นเชือกรัดข้อมือที่ผมซื้อให้ตัวเองตอนม.สี่แล้วหลอกทุกคนว่า มีคนให้มาน่ะ *ตอบแบบเขินๆ บิดตัวไปมา*และก็มีแค่ชุนคนเดียวที่รู้ว่าผมซื้อให้ตัวเอง


                มันไม่ได้มีความหมายพิเศษหรอก แค่มันอยู่กับผมมานานและไม่หายซักที

                ผมใส่มันตลอดเวลา และผมก็เห็นเชือกเส้นนี้อยู่ตลอดเวลา

                ถ้าผมยกให้ชุน ก็แปลว่า ผมก็ต้องได้เห็นทั้งชุนและเชือกเส้นนี้ตลอดเวลาเหมือนกัน


                “เฮ้ย แน่ใจหรอว่าจะให้กู...” ชุนดูลังเล ก็แหงล่ะ มันอยู่กับผมมานานนี่นา

                “อื้ม ให้ชุน” ผมพยักหน้าตอบยิ้มๆ

                ...

                “ไม่ใช่... คือ... มันจะไม่ขาดคามือกูก่อนหรอวะไอบุ๊ค เก่าชิบหาย 555555555555555555”


                แม่งก็เหี้ยอย่างงี้ทุกทีอ่ะสาส จะคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยใช่ปะห๊าาาาาา *พ่นไฟใส่ท้องฟ้า (ไม่กล้าพ่นใส่มัน เดี๋ยวโดนตี)*
                

                “งั้นก็ไม่ต้องเอา” ผมตอบงอนๆ ก่อนจะริบเอาเชือกมาไว้ในมือตัวเอง แต่ไอชุนก็เอามือใหญ่ๆ เท่าใบพายมากุมมือผมไว้

                “โอเค เอาครับเอา...”
                “...”
                “แต่มึง คือมึงกลัวว่ามึงจะทำขาดใช่ปะ เลยโยนมาให้กูใส่แทนเนี่ยห้ะ มันจะขาดแล้วนะเว่ยมึงดูดีๆ เนี่ยๆ ไอเหี้ยเอ๊ย กลัวขาดว่ะ T0T” 

                “สัส จะเอามั้ยยยยยยยยยยยย!!
                “เอาๆๆ”

                อย่าง-งี้-ทุก-ที!!!!


**********



                เมื่อแบคฮยอนกลับไปที่ห้อง เขาก็ต้องเจอคยองซูเพื่อนรักยังนั่งเล่นมือถืออยู่ในห้อง เขายิ้มแหยๆ ก่อนจะคลานขึ้นไปบนเตียงเดี่ยวหนานุ่ม           

                “โด้ กูคิดเรื่องนี้มานานแล้วนะ...”

                “...”

                “มึงช่วยนอนเป็นไอ่ชุนได้ปะวะ -_-; แบบ... มึงกางแขนซ้ายมึงออกมา แล้วพอกูนอนลงไปมึงก็เอามือมาจับเอวกูไว้อ่ะ” แบคฮยอนพยายามอธิบายท่านอน แต่คยองซูก็ทำได้แต่ขมวดคิ้ว

                “ไม่ต้องอธิบายหรอก กูเห็นพวกมึงนอนมาหลายรอบละ =__=” 

                “เย่ๆ งั้นมึงจะนอนให้กูใช่ปะๆๆ”

                “ไม่โว่ย! มึงบ้าปะเนี่ย มีแต่ไอ่ชานยอลนั่นแหละที่นอนท่านั้นอ่ะ กูไม่ทำ!” คยองซูสอดมือถือเข้าไปใต้หมอนก่อนจะล้มตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้

                “งื้อ แล้วกูจะนอนยังไง...” แบคฮยอนพึมพำเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจอยู่บนเตียงแบบนั้น


                ฝ่ายคยองซูก็ใช่ว่าจะใจร้าย เขารู้ว่าเพื่อนสนิทเป็นโรค ติดอ้อมกอดไอสาสชุนยามนอนหลับ และโรคนี้คงจะหายามารักษาไม่ได้ซะด้วยสิ เขานอนลืมตาโพลงอยู่อย่างนั้นและสัมผัสได้ว่าเพื่อนที่นั่งอยู่บนเตียงไม่ได้ขยับไปไหนเลย...
 
                มันทำอะไรของมัน...

                เขาพลิกตัวหันมามอง ก็เจอแบคฮยอนกำลังนั่งเท้าคางหลับตาอยู่ ปากเล็กอ้านิดๆ เหมือนกำลังอยู่ในห้วงภวังค์ แต่ไม่ทันไรก็สะดุ้งตื่นราวกับเจอสัตว์ประหลาดร้ายในความฝัน


                แต่บางที... อาจจะฝันว่าชีวิตนี้ไม่ได้อยู่กับชุนอีกต่อไปแล้วก็ได้


                “เอ้า ยังไม่หลับหรอ” แบคฮยอนยิ้มแห้งๆ เมื่อลืมตาขึ้นมาสบตากับคยองซู

                “อืม สงสารมึง” คยองซูตอบไปตรงๆ เขาลุกขึ้นมานั่งก่อนจะขยี้หัวตัวเองแรงๆ

                “งั้น... มึงจะนอนท่าไอ่ชุนให้กูแล้วใช่ปะ *__*

                “อิห่านี่ก็จะให้กูนอนท่านั้นให้ได้เลยนะ 5555555555... มึงไปนอนกับชานยอลเหอะ แล้วเอาไอ่จงอินมานี่” คยองซูตอบเซ็งๆ รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นคนเคยๆ กัน แต่มันเป็นอดีตไปแล้ว ก็ไม่อยากจะมารื้อฟื้นอะไรตอนนี้

                “เฮ้ย O_O บ้าหรอ ถ้ามันทำอะไรมึงขึ้นมาจะทำยังไง!?” แบคฮยอนก็ห่วงเพื่อนเหมือนกัน เผลอๆ อาจจะเกลียดจงอินมากกว่าที่คยองซูเกลียดอีกด้วยซ้ำ

                “ช่างเหอะ ยังไงกูกับมันก็เคยๆ กันละ ถ้าแม่งจะปล้ำกูขึ้นมาจริงๆ ก็คงยอมไปก่อน วันรุ่งขึ้นค่อยให้พวกมึงเคลียร์” คยองซูตอบปัด 

                “โหย ประชดปะเนี่ย T^T ไม่ไปนอนกับแม่งก็ได้นะ เดี๋ยวลงไปซื้อกาแฟ”

                “ไปเถอะ ไม่ได้ประชด เร็วๆ ก่อนที่ชานยอลมันจะลงแดงตาย” คยองซูพูดยิ้มๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วดันตัวแบคฮยอนให้ค่อยๆ ออกไปจากห้อง


                ทำไมชุนต้องลงแดงด้วยนะ...
                แปลกๆ เนอะ


**********


ห้องผู้ชาย (ห้ะ? แล้วห้องเมื่อกี้ห้องผู้หญิงหรอ?)

                “เฮ้ย พี่ชานยอลยังไม่นอนอีกหรอ O_O” จงอินที่นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำต้องตกใจเมื่อเพื่อนรุ่นพี่ยังไม่นอน ปกติพี่แกจะนอนตั้งแต่สี่ทุ่ม... แต่นี่มันเที่ยงคืนแล้วทำไมยังตาแข็งนั่งอ่านหนังสือสบายใจเฉิบ!

                “กูกำลังรอ หึหึ...” เสียงทุ้มดูมีเลศนัยแปลกๆ

                “รอไรพี่ -0-?

                “เอ้อจงอิน... มึงเตรียมตัวถือหมอนถือผ้าห่มเลยนะ เดี๋ยวมึงก็ต้องได้ไปนอนห้องนั้น” ชานยอลยิ้มมุมปาก เขารู้ว่าใครจะหอบผ้าหอบผ่อนมานอนกับเขา... เดี๋ยวก็คงจะมา...

                “พี่มั่นใจเกินไปปะเนี่ย พี่แบคไม่น่าจะติดพี่ขนาดนั้นม้าง” จงอินเกาหัว เขาเอาชุดนอนมาสวมลวกๆ ก่อนจะนั่งลงบนเตียง
                “โอ๊ย งั้นตั้งแต่วันนี้ไปมึงก็ควรจะรู้ได้ละ... ว่ามันติดกูมากขนาดไหน” เขาหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อสบายๆ

                “โหยพี่ เอาจริงๆ นะ เวลาพี่อยู่กับพี่แบคนี่น่ารักเชียว พออยู่กับคนอื่นนี่สิงโตเจ้าป่าชัดๆ อ่ะ -0- ขนาดผมยังเกรง ฮ่าๆๆๆ” จงอินสารภาพความจริง เขาสัมผัสได้ว่าพี่ชานยอลจะดีด้วยแค่คนเดียว... และเมื่ออยู่กับคนอื่นก็จะกลายเป็นอีกคน

                “เออ ตามนั้น” เขายังนั่งอ่านหนังสือบนเตียง กระดิกตีนรอเวลา...


                ก๊อกๆ


                “เชี่ย O_O! พี่แบคมาจริงหรอเนี่ย!?” จงอินสะดุ้งเฮือก เขามองหน้าพี่ชานยอลเหมือนจะปรึกษา แต่พี่ชานยอลกลับพยักเพยิดให้ออกไป

                “ถือหมอนกับผ้าห่มไปด้วย” 

                “ครับพี่” จงอินรับคำก่อนจะหยิบหมอนและผ้าห่มไปด้วย เขาเดินไปเปิดประตูห้องก็ต้องเจอ...


                พี่แบคจริงด้วยว่ะ -O-


                “มึงไปนอนห้องนั้นดิ๊ ห้ามทำอะไรเพื่อนกูด้วย ถ้าพรุ่งนี้...”

                “เออน่ะ ผมไม่ทำอะไรพี่โด้หรอก เชื่อใจผมได้ละ” จงอินตอบปัดๆ ก่อนจะเดินถือหมอนและผ้าห่มออกไปห้องข้างๆ 

                เขาเคาะประตูเบาๆ ราวกับจะบอกให้คนข้างในรับรู้ว่า... เขาคนนี้ คิมจงอินคนนี้กำลังจะเข้าไป

               
                ขออนุญาตนะครับ

                ไม่ได้พูดออกมา เพราะรู้ว่าคนในห้องไม่ได้อยากจะฟังเสียงเขาซักเท่าไหร่

                เขาเดินช้าๆ แต่เสียงหัวใจไม่ช้าตาม...
                มันเคยเต้นอย่างไรเมื่อห้าปีที่แล้ว มันก็ยังเต้นแบบอยู่อย่างนั้น


                ผู้มีอิทธิพลต่อหัวใจคิมจงอินดูเหมือนจะหลับไปแล้ว ตากลมโตปิดสนิท ขนตาเรียงเป็นแพและนั่นทำให้คิมจงอินประหลาดใจพอสมควร เพราะเขาพึ่งจะได้สังเกตเห็นมันวันนี้

                อ้าว กูมานั่งอยู่บนเตียงข้างๆ พี่โด้ตั้งแต่เมื่อไหร่


                เขาจ้องหน้าเล็กที่ยังหลับใหล
                อยากเกลี่ยผมที่ปรกหน้าอยู่ อยากเอามือเล็กมาจับแล้วบรรจงจูบ อยากก้มลงไปจุมพิตราตรีสวัสดิ์

                ...

                เหมือนที่เคยทำเมื่อห้าปีก่อน


                ร่างสูงก้มลงเรื่อยๆ... ใบหน้าของทั้งคู่ใกล้มากเสียจนลมหายใจรดกัน

                แต่เขาก็หยุดอยู่แค่นั้นก่อนจะหันหน้าหนีไปทางอื่น


                “ไม่ได้ๆ ห้ามผิดสัญญา... จงอินใจเย็น ใจเย็นๆ T^T” ร่างสูงพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอน พลิกตะแคงข้างหนีไปอีกทาง หวังว่าตัวเองจะไม่เอาส่วนใดในร่างกายไปโดนตัวคนที่นอนข้างๆ ตามที่สัญญาไว้


                ...

                ไฟในห้องมืดสนิท

                แต่มีคนหนึ่งที่ยังลืมตาโพลง


                ร่างเล็กยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้เห็นจงอินน่ารักแบบนี้มานานแล้ว

                จงอินคนเดิม จงอินสมัยยังรักกัน จงอินที่แสนดี...
                จงอินที่ทำให้ผู้ชายเต็มตัวอย่างเขาหันมารักผู้ชายด้วยกันเองและยอมเป็นฝ่ายรับซะด้วยสิ...
                

                แต่จะให้ใจอ่อนตอนนี้คงไม่ได้หรอกนะ
                ยังต้องดูกันไปอีกนาน


**********


                “ชุนจ๋า บุ๊คมาแล้วจ้ะ อยู่หนี่แล้วน่ะ เขยิบมาใกล้ๆ อะละวา~” แบคฮยอนโผล่หน้าเข้าไปแบบจ๊ะเอ๋ ทำเอาร่างสูงที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องถึงกับวางหนังสือลง แล้วอ้าแขนกว้างๆ


                รอรับแรงกระแทกที่คุ้นเคย


                “มานี่เลยยยยยยยยย~ มาให้กูฟัดแก้ม” 

                “มาแย้ววววว~” แบคฮยอนยิ้มร่า เขาโยนหมอนกับผ้าห่มไปไว้บนเตียงก่อนจะกระโดดลงไปในอ้อมกอดเพื่อนสนิท ทั้งสองคนหัวเราะคิกคักในลำคอก่อนจะล้มตัวลงนอน

                “มึงไปพูดอะไรให้โด้ยอมนอนกับจงอินวะ” ชานยอลเหยียดแขนซ้ายออกก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะล้มลงไปนอนทับอย่างรู้หน้าที่ ใบหน้าเรียวซุกเข้าที่แผงอกเหมือนอย่างเคยก่อนจะพูดเบาๆ

                “กูไม่ได้พูดอะไรหรอก แต่มันบอกว่า...”
                “...”
                “ชุนจะลงแดง... มันหมายความว่าไงวะ?” ดวงตาเรียวเล็กช้อนขึ้นมองหน้าร่างสูง ชานยอลแทบจะสำลักน้ำลายตัวเองเมื่อได้ยินแบบนั้น...


                โด้แม่ง... ไม่น่าให้มันรู้เรื่องของกูเล๊ยยยยยยยย =___=
                แต่โชคดีที่ไอ่บุ๊คแม่งโง่เรื่องแบบนี้ *โล่งใจ*


                “ก็กูง่วงจนจะลงแดงไง ต้องมานั่งรอมึงเนี่ยๆๆ” ชานยอลพูดรัวๆ เพราะความร้อนรน

                “อ๋อออออออ แล้วไป~ นึกว่ามึงขาดกูไม่ได้ซะอีก กรั่กๆๆๆๆ” แบคฮยอนหัวเราะสะใจ แต่แหม... ที่พูดมามันก็ถูกต้องทุกประการนะ

                “ใครกันแน่ที่ขาดกูไม่ได้โถ่” ชานยอลได้ทีก็รีบข่มทับ คนตัวเล็กดิ้นขยุกขยิกเหมือนขัดใจก่อนจะพูดหน้าบึ้ง

                “ก็...”
                “...”
                “เงยหน้าไปแล้วมันเป็นเพดานนี่นา... จะให้กูนึกถึงมึงยังไง”


                เชี่ยบุ๊คแม่ง 

                มึงอ่อยกูมายี่สิบปีละ จะอ่อยจนอายุหกสิบเลยมั้ยสัส
                ถ้าจะอ่อยกูด้วยฟันปลอมกับรอยตีนกา กูก็เชื่อว่ากูยังหวั่นไหวได้อยู่นะพูดเลย =[]=!!


                “งั้นคราวหลังเราก็ห้ามนอนแยกกันเนอะ...” ร่างสูงพูดเบาๆ ก่อนจะหลับตาลง


                ถ้าแขนข้างซ้ายกูไม่มีใครมานอนทับ ก็นอนไม่หลับเหมือนกันนั่นแหละ...


                “อื้ม... ฝันดี”
                “กู๊ดไนท์... ฝันถึงกูด้วย” เขาพร่ำพูดประโยคนี้มาสิบปีตั้งแต่เริ่มนอนด้วยกัน...


                ถ้ากูไม่เคยอยู่ในความคิดของมึงตอนกลางวัน...
                อย่างน้อยๆ ก็ขอให้กูอยู่ในห้วงความฝันตอนกลางคืนแทนได้ไหม?

                “จะให้ฝันทำไมบ่อยๆ เดี๋ยวตอนกลางวันเงยหน้าขึ้นไปก็เจอมึงละ” แบคฮยอนขยับตัวก่อนจะซุกแก้มนิ่มลงบนแผงอกแกร่ง...

                ดวงตาเรียวเล็กหลับตาพริ้ม 

                ไม่ได้สนใจหรอกว่าเสียงหัวใจที่ได้ยินมันเต้นแรงเสียจนจะทะลุออกมาจากอก
                และก็ไม่ได้สนใจด้วยว่ามันดังไปเพื่อตัวเขาเอง


                Good night, my treasured B...
                All my heartbeat belongs to you.


**********


วันรุ่งขึ้น

                ดูเหมือนว่าคยองซูจะไว้ใจจงอินมากขึ้น สังเกตได้จากการยอมให้ถือกระเป๋าและยอมให้เดินตามโดยไม่ปริปากด่าซักคำ ส่วนแบคฮยอนก็คอยจับแยกตลอด แม้ว่าชานยอลจะขัดขวางและปล่อยให้จงอินได้เก็บเกี่ยวความสุขก็ตาม
                

                พวกเขาทั้งหมดกลับถึงตัวเมืองโซลในระยะเวลาที่ค่อนข้างนาน เพราะระยะทางกับรถติดนิดหน่อย ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มแล้วและฟ้าก็ผ่ากันเปรี้ยงปร้าง ชานยอลจึงรีบขับรถกลับคอนโดเพราะกลัวว่าฝนจะตกแล้วรถจะติดหนักกว่าเดิม 

                “ผมขึ้นก่อนนะครับ” หลังจากที่ถึงคอนโด จงอินก็พูดยิ้มๆ พร้อมกับถือกระเป๋าให้คยองซู ส่วนคนที่ตอนนี้เดินตัวปลิวก็รีบวิ่งตามจงอินไป
                

                ไม่ได้อยากเดินกับมันนะ แต่กลัวมันทำกระเป๋าเสื้อผ้าหายต่างหาก ''


                “ว้าวววววว O_O! นี่มันหมาพันธุ์อะไรอ่ะป้า” แบคฮยอนที่ยังไม่ขึ้นคอนโดหันไปเจอสุนัขสีน้ำตาลลำตัวตัวยาวแบบแปลกๆ ที่นอนหลับอยู่ ก่อนจะโพล่งถามเจ้าของคอนโดอย่างตื่นเต้น

                “ดัชชุนน่ะจ้ะแบคฮยอน ชื่อชุนนี่”

                “ว้ายยยยยยยยยยยยยยยย หมาพันธุ์ไอ่ชุน แล้วยังชื่อชุนนี่อีก น้องชายมึงปะเนี่ยๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” แบคฮยอนได้ทีก็รีบขำใส่ชานยอลที่ตอนนี้ลงไปนั่งลูบหัวเจ้าชุนนี่เรียบร้อยแล้ว

                “เออ น้องกู ชุนนี่ยา~” ชานยอลตอบพลางยิ้มยิงฟัน เจ้าชุนนี่ตื่นและหันมาเล่นกับคนแปลกหน้าอย่างชานยอลได้อย่างร่าเริง

                “ชิ!” แบคฮยอนจิ๊ปากเซ็งๆ แทนที่มันจะเถียงเสือกชอบใจซะงั้น... ตรงนี้แหละที่ทำให้ขัดใจๆๆ เขางุ้มปากงอนนิดหน่อยก่อนจะเท้าสะเอว (เริ่มหาเรื่อง)

                “เล่นกับชุนนี่อยู่นั่นแหละ ขึ้นห้องได้แล่ว!

                “จ้าๆ” ชานยอลผละออกจากเจ้าหมาน้อยที่เลียมือเขาเหมือนจะประจบ ก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้ของแบคฮยอนมาสะพายที่ด้านหลังและเดินตามหลังแบคฮยอนขึ้นคอนโดไป

                “มึงดูดิ โด้แม่งใจอ่อนแน่ๆ อ่ะฮือ ทำไมต้องตัวติดกับไอ่จงอินขนาดนั้นก็ไม่รู้” แบคฮยอนบ่นพึมพำขณะที่กำลังจะเดินขึ้นคอนโด ชานยอลรีบดันหลังคนตัวเล็กให้ขึ้นห้องไวๆ เพราะกลัวว่าฝนตกแล้วเดี๋ยวแบคฮยอนจะโดนละอองฝน

                “เอาหน่า เรื่องของมัน มันอยากทำอะไรก็ให้มันตัดสินใจเองเถอะ โตๆ กันแล้วนะบุ๊ค” เสียงทุ้มตักเตือนอยู่ด้านหลัง แบคฮยอนเบะปากนิดหน่อยก่อนจะไขกุญแจเข้าไปในห้อง เหลือบมองประตูห้องของเพื่อนสนิทกับประตูห้องของจงอินแล้วแอบหงุดหงิด อยากรู้ว่าป่านนี้แยกจากกันแล้วรึยัง

                “ชุน มึงไม่ต้องไปสนับสนุนพวกมันเลยนะ ห้าปีที่ผ่านมาโด้มันเจ็บจะตายมึงจำไม่ได้รึไง”

                “จำได้หน่า แต่ถ้าคนเค้ามาขอโอกาสก็ควรจะให้ปะวะ” ชานยอลเถียง 

                “นี่!! แล้วมึงล่ะ!? เอาเชือกรัดข้อมือกูไปเก็บไว้ที่ไหนละ บอกแล้วใช่มั้ยว่ามันไม่ได้เก่าขนาดนั้นเฟร่ย ไม่ต้องกลัวขาด ใส่ๆ ไป!” แบคฮยอนที่เหลือบไปเห็นข้อมือว่างเปล่าของชานยอลก็แอบจิกนิดหน่อย นี่ใจคอจะไม่ใส่จริงๆ ใช่มั้ยห้ะ -_-!!!

               
                ชานยอลจับข้อมือของตัวเองนิดหน่อยก่อนที่จะตระหนักได้ว่า...
  

                เชือกรัดข้อมือของไอ่บุ๊คหายไปไหน...


                “เชี่ย O_O!!!!!!!” จู่ๆ เขาก็ตะโกนขึ้นมา ก่อนจะผลุนผลันออกไปจากห้อง

                “เฮ้ยยยยยยย!!! จะไปไหนเนี่ยยยยยย!!” แบคฮยอนตะโกนไล่หลัง ก่อนจะได้ยินเสียงตอบกลับมา


                “ไปหาเชือกมึง!!


                ห้ะ... ไอ่เชี่ยชุนทำหายงั้นเรอะ O_O!?

                ไอสาสสสสสสสสสสสสสสสส 

                ถ้ามึงทำหายที่ทะเลกูจะด่าพ่อมึง ถ้ามึงทำหายที่รถกูจะด่ามึงว่าสะเพร่า
                

                แต่ถ้ามึงหาไม่เจอ...
                ก็ไม่เป็นไร


                เปรี้ยงงงงงงงงงงงงง!!

                เสียงก้อนเมฆตะโกนลั่นราวกับจะบอกว่าไม่อาจจะเก็บน้ำฝนในตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว ซักพักใหญ่ก็ได้ยินเสียงน้ำฝนตกลงมากระแทกกับพื้นคอนกรีตอย่างหนักหน่วง

                แบคฮยอนถลาไปดูที่หน้าต่าง ลมพายุพัดเสียจนเขามองไม่เห็นวิวทิศทัศน์ด้านนอก


                แล้วชุนมันไปหาที่ไหน...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น