วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ภษคส : 2 B, you’ll be mom and I’ll be dad.



2  
B, you’ll be mom and I’ll be dad.



วันรุ่งขึ้น

                “บุ๊ค เดี๋ยววันนี้กูไปส่งมึงที่บริษัทนะ กูคงจะเลิกงานเร็ว เดี๋ยวไปนั่งรอมึงที่สตาร์บัคส์” ชุนพูดก่อนที่จะเอากระเป๋าทำงานกับสูทของผมไปถือ ผมพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะเปิดประตูห้องออกไป


                ก็เจอคิมจงอินในชุดสูทเนี้ยบ
                และโด้ที่กำลังยืนหน้าเหวี่ยง -0-


                “กูจะไปกับพวกมึง” โด้พูดพลางคว้าแขนผมไว้ แต่ไอ่ชุนเสือกแกะออก

                “รถกูเต็ม” 

                “เชี่ยชุน! โด้มันก็ไปกับพวกเรามากี่ปีละห้ะ มาตงมาเต็มอะไรวันนี้!” ผมหันไปด่าคนข้างๆ แต่ดูเหมือนมันจะไม่สะทกสะท้านอะไร

                “รถกูเต็มไปด้วยความรักของกูกับไอ่บุ๊ค มึงอย่ามาเสือกเว่ยโด้” ชุนเดินนำลิ่วออกไป ผมหันไปทำหน้าขอโทษใส่โด้ทีนึงก่อนจะรีบวิ่งตามมัน


                ...


                “พี่โด้ รถผมยังไม่เต็มไปด้วยความรักเหมือนรถคันนั้นนะ... ผมรอพี่มาเติมเต็มอยู่ >__<

                “สัส จะอ้วก =[]=


**********


หลังเลิกงาน

                “แต๊ง” ผมเดินเข้าไปในร้านสตาร์บัคส์ก็เจอชุนนั่งแดกกาแฟอยู่ พร้อมช็อกโกแลตปั่นเพิ่มวิปครีมหนึ่งแก้ว ผมหยิบแก้วนั้นมาดูดทันทีเพราะรู้ว่ายังไงก็เป็นของผม

                “เดี๊ยวววว... ใครให้มึงแดก”

                “อะ-ไร-นะ” ผมเงยหน้าถามมันทีละตัวให้ชัดเจน แต่มันก็เท้าคางกับโต๊ะและถามต่อ

                “ใคร-ให้-มึง-แดก”

                “ก็นี่มันของโปรดกูในสตาร์บัคส์! กูรู้ว่ามึงซื้อให้กู” ผมพูดหน้าตาย ไอ่ห่าชุนนี่ก็เป็นห่าไรไม่รู้ ความจำดีชิบหาย แบบว่า เวลาเข้าร้านอาหารสไตล์ไหน มันรู้หมดแหละครับว่าผมชอบกินอะไร -0-


                แปลกๆ เนอะ

                “อ้อนกูก่อน ไม่งั้นไม่ต้องแดก” มันพูดจบก็คว้าช็อกโกแลตปั่นเพิ่มวิปที่รักของผมไปหน้าตาเฉย O[]O!! แถมยังดูดเข้าไปคำใหญ่จนปาเข้าไปครึ่งแก้วละ!

                “ต้องอ้อนยังไง บอกกู ได้โปรด” ด้วยความอยากแดกจัด (และไม่อยากไปเสียตังค์ซื้อเอง) ผมคงต้องทำวิธีนี้แหละ

                “พี่ชุน~ บุ๊คอยากกินช็อกโกแลตปั่นเพิ่มวิปจังเลย บุ๊คขอกินได้เป่า~” 

                “เป่าพ่อง -_-^ ฟรั๊ค... ทำไมต้องพูดจาระรื่นหูขนาดนั้นวะ บุ๊คอยากแดกครับพี่ชุน เร็วๆ ครับ” ผมพยายามอ้อนมันในสไตล์ของตัวเอง แต่มันก็ยังไม่ให้คืน

                “ดีๆ ครับน้องบุ๊ค พูดกับพี่ชุนดีๆ ครับ” 

                “ดีๆ”

                “ห้ามกวนตีนพี่ชุนด้วยครับสัส” โหไอ้เลว ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนขี้งกและชอบใช้เงินมึงเป็นชีวิตจิตใจละก็นะ กูเดินไปซื้อใหม่ละ

                “พี่ชุนนนนนน~ บุ๊คอยากแดกช็อกโกแลตปั่นเพิ่มวิปชิบหายเลยครับบบบ บุ๊คขอกินนะครับพี่ชุนนนน” นี่คงจะเป็นประโยคที่หวานหูที่สุดแล้วที่ผมเคยพูดกับมัน -_-

                “เชิญแดกได้ครับ” มันยิ้มพอใจก่อนจะเอาช็อกโกแลตปั่นคืนให้ผม ผมรับมาเหมือนเด็กได้ขนมก่อนจะดูดอย่างสบายใจ แต่บังเอิญเหลือบไปเห็นเอกสารแผ่นหนึ่งที่ไอ่ชุนมันนั่งอ่านมานานแล้ว 

                “แล้วนั่นอะไร”

                “กำหนดการเข้าค่ายของเด็กอนุบาลสองน่ะ กูต้องไปด้วย แถมนอนค้างคืนนึงอีก กูเลยจะมาบอกว่ามึงคงต้องไปแล้วแหละ”

                “อือๆ” ผมตอบตกลงทันที ก็แหม... ใครมันจะไปนอนคนเดียวได้วะ ไอ่ชุนไปไหนผมต้องไปด้วยตลอดอ่ะ ขนาดมันไปนอนเข้าค่ายสมัยมหาลัยผมยังต้องขอเข้าไปเสือกด้วยเลย บางทีค่ายไหนที่กลับบ้านได้มันก็จะกลับมานอนเป็นเพื่อนผม แล้วตอนเช้าก็จะกลับไปที่ค่ายใหม่

                แปลกๆ เนอะ

                แต่ก็เอาเถอะ ผมคิดว่ามันคงอยากจะตอบแทนเรื่องที่ผมอุตส่าห์ออกมาจากอ้อมอกพ่อแม่แล้วมากัดก้อนเกลือกินกับมัน ก็เลยยอมมานอนด้วยโดยไม่ได้คิดอะไรน่ะๆๆๆๆๆๆๆ

                “กูบอกจงอินไปละนะว่ามึงจะหยุดงาน”

                “เออดีละ”

                “แต่มันบอกว่า มันจะไปด้วย และมึง... ก็ต้องลากโด้ไปให้ได้ ไม่งั้นมันจะเขียนรายงานความประพฤติว่ามึงหยุดงานมาหนึ่งเดือน =_=” ชุนพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ทั้งที่กูไม่ได้หยุดงานหนึ่งเดือนซะหน่อย TTOTT

                “ไอ่เด็กเวรนี่จะกวนตีนกูมากไปละ” 

                “อย่างน้อยๆ มันก็จะจีบโด้ดีๆ แล้วนะ ถึงมันจะเหี้ยใส่มึงก็เหอะ” ชุนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

                “เออๆ เดี๋ยวกูจะลากโด้ไปด้วย”


**********


                อีกไม่กี่วันถัดมา ผมกับชุนก็ต้องเก็บกระเป๋าเดินทางเตรียมตัวไปค่ายเด็กอนุบาลแล้ว แน่นอนว่าโด้ตกลงทันทีที่ผมชวน เพราะผมไม่ได้บอกว่าจงอินจะไปด้วยไงล่ะ -O- และพวกเราก็กำลังอยู่ที่โรงเรียน เตรียมตัวขึ้นรถบัสไปค่ายที่ชายหาดแฮอึนแด เมืองปูซาน

                “เอาล่ะเด็กๆ >___< พี่แบคฮยอนกับพี่คยองซูซื้อช็อกโกแลตมาฝากคนละอันนน รับแล้วต้องทำไงก่อน?”

                “พูดว่าขอบคุณครับ / ค่ะ!!

                “ดีมากกกกกกก” ผมกล่าวชมเด็กๆ ก่อนจะยืนแจกช็อกโกแลตกับโด้อยู่ที่ประตูรถ เป็นการหลอกล่อให้เด็กขึ้นไปด้านบนรถไวๆ ทุกคนต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส... 


                แต่ทำไมผมไม่เห็นเซฮุน...

                “ชุน! เซฮุนอ่ะ?” ผมตะโกนเรียกชุนที่ยืนคุยอะไรดูเป็นการเป็นงานอยู่ มันหันมองรอบตัวก่อนจะบอกผมว่าไม่รู้

                “โด้ แจกไปก่อนนะ กูไปตามหาเซฮุนก่อน” ผมพูดพลางวิ่งออกตามหาแถวตึกเรียนเด็กเล็ก 


                ก็ต้องเจอเซฮุนนั่งกอดเข่าอยู่ในหลืบห้องเรียน...


                “มานั่งทำไมตรงนี้ครับ ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ นะ” ผมเดินเข้าไปหาก่อนจะหอมแก้มเซฮุนเป็นการปลอบโยน เด็กน้อยมองผมตาปริบๆ ก่อนจะเบะปาก

                “ฮุนฮุนไม่อยากไป ฮุนฮุนกลัวไม่มีกลุ่มอยู่” เด็กตัวจ้อยพึมพำในลำคอ จริงอย่างที่เขาว่า... ไปเข้าค่ายแบบนี้ต้องจับกลุ่มอยู่เสมอ และเมื่อเซฮุนไปเข้ากลุ่มไหนก็จะโดนทิ้งให้อยู่คนเดียวตั้งแต่อนุบาลหนึ่งละ =__=

                “ฮุนฮุนก็อยู่กลุ่มเดียวกับพี่แบคฮยอนไงครับ”

                “แล้วครูปาร์คล่ะครับ?” เด็กน้อยเงยหน้าถามด้วยแววตากลมโต

                “ช่าย ครูปาร์คก็อยู่กลุ่มเดียวกัน” 

                “งั้นกลุ่มเรามีกันสามคนพอนะครับพี่แบคฮยอน” มือป้อมๆ เล็กๆ ของเซฮุนจับนิ้วโป้งของผมไว้ ผมจึงยิ้มให้อย่างอารมณ์ดีก่อนจะตอบ

                “ได้ครับ” ผมอุ้มเด็กน้อยขึ้นก่อนจะพาเดินไปที่รถบัส ชุนยิ้มบางๆ ก่อนจะขยี้หัวผม

                “ทำดีนี่หว่า” 

                “เชี่ย ไม่ต้องมาชมกู” ผมสะบัดหัวแรงๆ เป็นการบอกให้มือมันออกจากหัวผม

                “เออบุ๊ค นี่ครูชเวจินรีนะ เป็นครูประจำชั้นอนุบาลสอง ครูจินรีครับ นี่บยอนแบคฮยอน เพื่อนสนิทผม” ชุนแนะนำผมให้รู้จักกับครูสาวแสนน่ารัก ผมยิ้มให้ก่อนจะสวัสดี และครูจินรีเองก็ดูเป็นคนมีอัธยาศัยดีเช่นกัน

                “แหม ได้ยินกิตติศัพท์จากเด็กๆ มานานแล้วล่ะค่ะว่าพี่แบคฮยอนน่ารักมาก ไม่คิดว่าเจอตัวจริงแล้วจะน่ารักสมคำร่ำลือ ^__^” ครูจินรีเอ่ยปากชม “คุณแบคฮยอนดูเป็นคนสามารถจัดการกับเด็กได้นะคะ ทุกคนเชื่อฟังคุณหมดเลย”

                “ไม่หรอกครับ ผมแค่เอาขนมมาล่อน่ะ ฮ่าๆๆๆ” ผมเกาหัวแก้เก้อ ผมทำงานตรงนี้มาตั้งนานแต่ไอ่ชุนก็ไม่เคยชมซักครั้งเดียว แล้วนี่พึ่งเจอกันวันแรกก็มาชมละ เขิล T / / T

                “ฉันอยากเจอคุณมากๆ เลยค่ะ แต่เห็นผ.อ.ปาร์คบอกว่าคุณจะมาหลังห้าโมงเย็น... ฉันก็... แหะๆ ฉันรอไม่ไหวน่ะค่ะ เลยไม่ได้เจอกันซักที” ครูจินรียิ้มแห้งๆ เหมือนรู้สึกผิด แต่ผมกลับรีบส่ายหน้าแมนๆ (หึหึ ไงล่ะ)

                “ไม่หรอกครับ ผมเองก็ทำไม่ดี ไม่เคยจะปลีกตัวมาได้เลย แล้วเด็กๆ ก็ต้องรอผมถึงห้าโมงเย็น”

                “งั้นก็แปลว่าคุณเป็นคนมีอิทธิพลในวงการอนุบาลสองนะคะเนี่ย ฮ่าๆๆ ขอตัวนะคะ เดี๋ยวเด็กๆ ซน” ครูจินรีหัวเราะร่าเริงก่อนจะเดินนำขึ้นไปบนรถบัส ผมจึงพาเซฮุนไปนั่งในที่ที่ผมจะนั่ง เห็นโด้นั่งอยู่ที่เบาะฝั่งด้านข้างผมเรียบร้อยแล้ว... ดีละ ถ้าจงอินโผล่หัวมามันจะได้หนีไม่ทัน T^T

                “เฮ้ยยยยยย!!!! จะออกรถแล้วเว้ยยยยย!!” ไอ่ชุนยืนอยู่ที่ประตูรถก่อนจะตะโกนประกาศบอก... ใครซักคน...


                ไม่ทันไรผมก็เห็นจงอินพร้อมกระเป๋าเป้วิ่งออกมาจากตึกเรียน ใส่หมวกแก๊ปสีดำก็เพื่ออำพรางตัว           แต่ดูเหมือนว่าคนบนรถที่นั่งอยู่ข้างหลังผมจะสังเกตเห็น... และจำได้...


                “โด้ กูกราบ อย่าไป T^T” ผมเอาตัวเข้าไปขวางโด้ไม่ให้ลงจากรถ แต่โด้ก็ไม่ยอมแพ้ แม่งเอานิ้วมาหยิกตามตัวผมไปหมด TOT แถมยังรุมทึ้งจิกหัวกูอย่างไม่ไยดี

                “ไม่ต้องหนีหรอกครับพี่ ผมขึ้นรถเรียบร้อยแล้วครับ ^^” ขอบคุณคิมจงอินที่ขึ้นรถเร็วและประตูรถก็ถูกปิดทันที ผมจึงรีบกลับไปนั่งกับเซฮุนและปล่อยให้โด้กับจงอินมันนั่งด้วยกันไป จะโกรธกูก็โกรธเถอะ T__T ถ้ากูไม่ทำกูต้องโดนรายงานความประพฤติแน่

                “แล้วกูนั่งไหน -0-?” ชุนที่ขึ้นมาเป็นคนสุดท้ายมองหน้าผมงงๆ เซฮุนจึงคลานขึ้นมานั่งที่ตักผมอย่างรู้งาน

                “ให้ครูปาร์คกับพี่แบคฮยอนนั่งด้วยกัน ^O^” เซฮุนลูก หนูทำการสนับสนุนพี่แบคกับครูปาร์คได้ดีมากลูก หึหึ

                “ดีแล้วฮุนฮุน เหมือนพ่อแม่ลูกเลยเนอะๆ” ผมพูดก่อนจะเขย่าขาไปมา ทำให้เด็กน้อยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเหมือนกำลังเล่นอยู่บนเครื่องเล่นในสวนสนุก

                “กูเป็นพ่อ” เชี่ยชุนคิดเองเออเอง

                “เชี่ยไร กูต่างหากเป็นพ่อ =__=” ผมรีบแย้ง “ส่วนมึงอ่ะ เป็นแม่” 

                “โถ พูดออกมาได้เนอะ 555555555555 มึงดูส่วนสูงมึง มึงดูนิสัยมึง เป็นแม่ไป๊” มันหัวเราะร่า ส่วนเซฮุนก็ตบมือชอบใจที่ได้ยิน

                “ใช่ๆ พี่แบคเป็นหม่าม๊า ส่วนครูปาร์คเป็นปะป๊า”


                กูเป็นหม่าม๊า เชี่ยชุนเป็นปะป๊า...


                นี่ถ้าไม่ใช่เซฮุนกูถีบตกรถละไอ่ฟรั๊ค

                “ฮุนฮุนพูดดีมากครับ” เชี่ยชุนก้มลงมาหอมแก้มเซฮุนอย่างอ่อนโยน แต่สายตามันมองมาที่ผมอย่างหื่นกาม!!

                กูโดนแม่งเล่นอีกละๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

                “นี่คิดว่าใช้สายตาแบบนั้นแล้วจะถอดเสื้อผ้ากูได้หมดรึไง” ผมพูดปาวๆ ไม่ได้รู้ตัวอะไรเล๊ยว่าหน้าแดงอยู่ -_-;

                “จะถอดเสื้อผ้าก็ต้องใช้มือดิ” พูดจบแม่งก็เอามือมาแถวกระดุมเสื้อผมทันที =[]=!! จนผมต้องรีบตีมือแม่งให้เลิกทำอะไรทุเรศๆ ต่อหน้าเด็ก

                “เอิ๊กๆๆๆๆ พี่แบคกับครูปาร์คจะถอดเสื้อผ้ากันแย้ว” เซฮุนลูก... พี่ว่าพี่น่าจะปล่อยให้หนูนั่งเป็นหมาหงอยอยู่ในหลืบห้องนั่นแหละดีแล้ว =___=

                “นี่พี่สองคนจะจีบกันอีกนานมะ บรรยากาศตรงนี้มาคุมากนะครับ” จงอินชะโงกหัวมาพูด ผมมองหน้าโด้ที่อยู่ริมหน้าต่างด้วยแววตาอยากขอโทษ T^T ก็มันนั่งฟังเพลงโดยไม่สนใจห่าอะไรเลยอ่ะดิ

                “ไม่ได้จีบเว่ยจงอิน!!” ผมรีบแย้ง

                “เอ้า นี่มึงไม่ได้จีบกูละหรอ เออ งั้นเรื่องที่เราจะแต่งงานกันก็...”

                “โอเคๆๆๆๆๆ จีบไอ่สัส กูจีบๆๆๆ”


                กูจะบ้าตายแล้วนะฮือออออ TT_____TT
                

**********


                ผมนั่งหลับตาตลอดทาง และยังจงใจจับมือเซฮุนไว้เพราะไม่อยากให้คนข้างตัวมาทำเนียนจับมือผม แต่ที่ไหนได้! แม่งเอามือมาจับมือผมกับมือเซฮุนเหมือนพ่อแม่ลูกของแท้ TOT ใครสอนให้แม่งเป็นคนงี้วะ ทำไมทำกับเพื่อนแบบเน้


                “เอาล่ะครับเด็กๆ และคุณครูทุกท่าน พวกเราก็มาถึงชายหาดแฮอึนแดเรียบร้อยแล้ววววว~” เสียงไกด์ประกาศใส่ไมค์นั่นแหละที่ทำให้ผมยอมลืมตา ความจริงก็ไม่ได้หลับอะไรหรอก แต่ถ้าลืมตาก็ต้องเผชิญหน้ากับมือไอ่ชุนอ่ะดิ

                รถบัสค่อยๆ จอดเทียบฟุตบาทช้าๆ ก่อนจะหยุดรถอย่างนิ่มนวล เด็กๆ พากันวิ่งกรูลงไปด้านล่างซึ่งมีคุณครูจินรีวิ่งลงไปรออยู่เรียบร้อยแล้ว

                “เฮ้ยชุน ครูจินรีโสดปะวะ =..= ถ้าโสดนี่กูจีบเลย ไม่แต่งงานกับมึงละ”

                “เอ่ออออออออ... ไม่โสดหรอก มีแฟนแล่ว!!” มันชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะตอบแบบห้วนๆ รีบๆ

                “เอ้าหรอ TOT โถถถถถ ครูจินรีของผมมมม” ผมพร่ำเพ้อถึงครูที่อยู่ข้างล่าง หล่อนใส่ชุดเดรสสีฟ้าเหมือนเด็กสาวแรกแย้ม ~O~ ผมมองไปที่โด้กับจงอิน... นี่สองคนนี้จะมาคุกันอีกนานมะ

                “กูถือเอง” โด้กำลังยื้อหยุดฉุดกระชากกระเป๋าตัวเองอยู่ เหมือนจงอินจะอยากถือให้น่ะครับ
 
                “ผมจะถือให้!

                “นี่อย่าคิดว่าการช่วยถือของคือการเป็นคนดีนะ มึงเป็นจงอินเหี้ยๆ ยังไงมึงก็เป็นอย่างนั้นแหละ” โด้พูดก่อนจะคว้ากระเป๋าตัวเองกลับมาได้ ก่อนจะเดินฉับๆ ลงไปจากรถ


                “สู้นะมึง” ชุนตบบ่าจงอินอย่างจริงใจ
                “สมน้ำหน้านะมึง” ส่วนผมก็แลบลิ้นใส่มันอย่างจริงใจ


                ชุนแม่งไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องแบบนี้ไง เห็นใครพยายามทำอะไรบางอย่างก็ช่วยเหลือสนับสนุน

                แต่กู... ผู้เห็นโด้ไม่มีความสุขมาตลอดห้าปีรู้สึกแย่กับไอ่เหี้ยนี่มาก


                ...
            
   
ห้าปีที่แล้ว
                เฮ้ยโด้ มึงมาคนเดียวหรอเนี่ย O_O’ ชานยอลเอ่ยทักเมื่อเห็นเพื่อนสนิทตัวเองเดินเข้ามาในร้านอาหารคนเดียว ก็วันนี้เป็นวันเกิดของคยองซู โดยงานเลี้ยงวันเกิดก็จะจัดที่ร้านนี้

                และคยองซูก็บอกว่าจะมาพร้อมจงอิน... แฟนมัน
                แต่ไหนล่ะ... จงอิน?

                อ่อ มันไม่ว่างน่ะ ฮะๆ ^^;’ เสียงพูดกับเสียงหัวเราะดูกระท่อนกระแท่นและไม่ได้รู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย

                มันเหี้ยอย่างงี้เลิกกับแม่งเหอะโด้ แบคฮยอนยุ เขาเห็นจงอินปล่อยปละละเลยเพื่อนตัวเองมานานเกินไปแล้วและไม่อยากให้มันยืดเยื้อกว่านี้

                มันไม่ได้เหี้ยนะ... มันไม่ว่างจริงๆ นี่นา ไม่เห็นต้องเลิกกับมันเลย

                ตอนจีบบอกว่ารักนักรักหนา จะดูแลอย่างดี พอได้แล้วเป็นไง... แม่ง... ไม่โผล่หน้ามากี่วันละ แล้ววันๆ มัวแต่ไปขลุกอยู่กับผู้หญิง ไม่ใช่เหี้ยแล้วอะไร? ควาย? ควายยังน่ารักกว่าอีก ทำงานไถนา ส่วนไอ่ห่านี่ก็เป็นแค่กาฝากชีวิต แบคฮยอนพูดยาวอย่างอัดอั้นตันใจ เขาเห็นเพื่อนต้องทนทรมานมาเดือนนึงแล้วกับการที่แฟนของเพื่อนไม่ได้เอาใจใส่เหมือนตอนจีบใหม่ๆ 

                บุ๊ค อย่าไปเสือกเรื่องคนอื่น และแบคฮยอนก็ถูกชานยอลดุ

                มึงคิดให้ดีแล้วกันนะโด้ ถ้ากูเป็นมึงกูเลิกไปนานละ แบคฮยอนปลีกตัวเดินออกไปพร้อมๆ กับชานยอล ทั้งสองคนหวังให้คยองซูได้นั่งทบทวนเรื่องราวทั้งหมดคนเดียว  


                และในคืนนั้น คยองซูก็คิดได้เสียที


                เขาเดินไปที่คอนโดของแฟนหนุ่มรุ่นน้องที่เฝ้าตามจีบเขามาปีนึงจนเขายอมตัดสินใจเป็นแฟน ตอนนี้เขาอยู่ปีสามและจงอินก็อยู่ปีสอง ทุกอย่างดูไปได้สวย... แต่จงอินเหมือนจะไม่ได้รักเขาอีกแล้ว

                เพราะขนาดวันเกิดของตัวเขาเอง จงอินยังบอกว่า มีรายงานต้องทำเยอะมาก คงไปไม่ได้จริงๆ   


                กริ๊ก
                ร่างเล็กไขกุญแจเข้าไปในห้อง เพราะมีกุญแจสำรองที่จงอินปั๊มไว้ให้ ตั้งใจจะเดินเข้าไปเงียบๆ แล้วร้องเซอร์ไพร์ส

                แต่ก็ต้องได้ยินเสียงร้องอื้ออ้าจากการเสพกามารมณ์อยู่ในห้องนอน...


                อ๊ะจงอิน... อย่าสิคะ... อื๊อ... คิกๆ

                ‘...’ แปลกตรงที่... คยองซูเป็นพวกไม่ใช่คนขี้วีนและเสียงดังอะไร เขาชอบที่จะจัดการอะไรให้มันเด็ดขาดและเอาให้มันตายกันไปข้าง

                เขาเลือกที่นั่งรอในห้องรับแขกและฟังเสียงอุบาทว์นั่นไปเรื่อยๆ จนเพลิงรักสงบลง

                เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่นะคะ เสียงผู้หญิงคนนั้นเดินออกมาจากห้องนอนและเดินผ่านหน้าเขาไปแบบงงๆ หล่อนคงสัมผัสได้ถึงรัศมีความโมโหจากตัวเขาแล้วล่ะมั้งถึงรีบผลุนผลันออกไป

                ไม่นานนัก ร่างสูงก็เดินตามออกมาด้วยการนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว และก็ต้องสะดุ้งตกใจยิ่งกว่าเจอผีเมื่อเห็นแฟนรุ่นพี่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยแววตาที่ไม่ใช่ความขุ่นเคือง...

                แต่เป็นความว่างเปล่า


                พ... พี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ร่างสูงเลิ่กลั่กและร้อนรน

                พี่พึ่งมาเมื่อกี้นี้เอง ^^’ ร่างเล็กยิ้มหวานให้ก่อนจะเดินเข้ามาหา จงอินแอบถอนหายใจอยู่ลึกๆ ก่อนจะพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย

                เออพี่โด้ แฮปปี้เบิร์ทเดย์นะครับ เขายิ้มหวาน... ยิ้มเท่ๆ ที่ทำให้คยองซูตกหลุมรัก และก็เป็นยิ้มที่เขาอยากจะเอาไปฝังลงดินเสียเดี๋ยวนี้

                ขอบคุณนะสำหรับของขวัญวันเกิด

                เอ๋ ผมยังไม่ได้ให้อะไรพี่เลยนะ?

                พี่ได้รับแล้วล่ะ... คยองซูเสียงต่ำลงและเปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นใบหน้าเรียบเฉย ของขวัญวันเกิดของจงอินที่มอบให้พี่คือ... จงอินไม่ได้รักพี่แล้ว


                พ... พี่

                จะเลิกกันก็บอกกันดีๆ ไม่ต้องมาเอาคนอื่นบังหน้าแล้วโยนให้ว่า เพราะผู้หญิงอ่อยผมถึงได้มีอะไรด้วย... แบบนั้นมันไม่ลูกผู้ชายเลยนะ น้ำเสียงยังคงเรียบนิ่งเหมือนกระแสน้ำที่เงียบสงบ

                ...

                ผ้าขนหนูคงไม่เหมาะหรอก... คราวหลังมึงไปเอาผ้าถุงมาใส่เหอะว่ะ คยองซูมองด้วยสายตารังเกียจและเปลี่ยนสรรพนามคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว

                พี่โด้... ผม...

                ผมทำรายงาน~’ คยองซูล้อเลียนคำพูดนั้นก่อนจะแค่นหัวเราะ เฮอะ! รายงานเรื่องเพศศึกษาหรอครับคุณจงอิน

                ผมแค่ไม่เคยมีอะไรกับพี่เลย! ผมอดอยากปากแห้งมานานเท่าไหร่พี่รู้บ้างมั้ย เราเคยมีอะไรกันครั้งนึงก็จริงแต่ผมก็กลั้นใจทำแทบตาย กลัวพี่เจ็บแค่ไหนพี่ไม่รู้หรอก! ผมทะนุถนอมพี่ยิ่งกว่าไข่ในหินแล้วเอาไประบายกับผู้หญิงพวกนั้นแทน พี่ไม่ดีใจเลยหรอ!!?’ คยองซูเหมือนโดนเอาไม้ฟาดเข้ากลางหน้า เขาไม่อาจจะต่อล้อต่อเถียงกับคนแบบนี้อีกแล้ว คนที่คิดว่าตัวเองสุภาพบุรุษและทะนุถนอมเขา?

                ไอ้สัส คยองซูปรี่เข้าไปประชิดตัว ก่อนจะจ้องหน้าคนสูงกว่าอย่างเอาเรื่อง คราวหลัง... หึ... มึงจะเอาแรงๆ มึงก็บอกกู ไม่ต้องเอาคนอื่นมาอ้าง!’

                ...

                อ้อ... แต่คงไม่มีคราวหลังแล้วล่ะ เพราะกูกับมึงจะไม่มีวันเจอกันอีกต่อไปแล้ว คยองซูขว้างกุญแจห้องของจงอินลงบนพื้นอย่างไร้เยื่อใยก่อนจะเดินออกมาจากห้อง

                จบกันซักที... จบแล้ว... ขอให้จบจริงๆ



                แต่ความรู้สึกเหี้ยๆ ที่ฝังลึกมันก็ยังตราตรึงและฝังจำอยู่ในสมองของโดคยองซูมาห้าปี...

                “พี่ ผมขอนอนห้องเดียวกับพี่นะ” จงอินยังเดินตามมาติดๆ และพยายามอ้อนเขาอย่างกับปลิงเกาะติด

                “...” ความเงียบคือคำตอบ

                ถ้าจงอินจะเล่นมุก ถ้าเงียบแปลว่าโอเคตอนนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่นัก เขาโตพอแล้วที่จะรู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด และคนตรงหน้าอยู่ในอารมณ์ไหน... เขาต้องรู้จักกาลเทศะ

                “ผมสัญญาว่าผมจะไม่แตะต้องพี่แม้แต่ปลายเล็บ” ร่างสูงเข้าไปขวางขณะที่เดินเข้าไปในตัวค่ายเรียบร้อย คยองซูมองเด็กๆ ที่กำลังยืนกันเต็มล็อบบี้ด้วยความรู้สึกแย่ อยากจะด่าจงอินว่า ไอ้เหี้_’ ให้ลั่นโลก แต่เมื่อเห็นเด็กๆ ยืนมองอยู่ เขาก็จำเป็นจะต้องเป็นต้นแบบให้เด็กๆ ต่อไป

                “ไม่ได้ กูจะนอนกับแบคฮยอน”

                “เดี๋ยวพี่ชานยอลก็ต้องนอนกับพี่แบคฮยอน” ร่างสูงเหลือบมองคนสองคนที่ยืนจัดการธุระอยู่ที่เคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ 

                “แบค!” คยองซูเดินไปหาแบคฮยอนที่กำลังยืนทะเลาะ (นิดๆ) กับชานยอล ก่อนจะพูดต่อ “คืนนี้กูนอนกับมึงนะ”

                “ห้ะ...” แบคฮยอนถึงกับอึ้ง ถ้ากูนอนกับโด้ แล้วกูจะมาค่ายนี้ทำหอกอาร๊าย TOT กูมาเพื่อมานอนกับชานยอลนะฮือ

                “ได้มั้ย...” แต่เพื่อนตรงหน้าส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ แววตาเหมือนขยะแขยงคนที่ต้องนอนด้วยซะเหลือเกิน แบคฮยอนจึงกลั้นใจตอบไปอย่างยิ่งใหญ่!

                “ได้!! กูจะนอนกับมึง!!
                

**********


                “เอาล่ะเด็กๆ >___< จับกลุ่มกันกลุ่มละห้าคนน้า” ครูจินรีประกาศกับเด็กๆ ซึ่งแต่ละคนก็รีบจับกลุ่มกับเพื่อนตัวเอง ส่วนเซฮุนก็โชว์เมพด้วยการเดินมาหาครูปาร์คและพี่แบคฮยอน... 


                พวกมึงจะอยู่กันก็อยู่ไป กูอยู่กับสองคนนี้ กูเหนือกว่าเฟร่ย! (อันนี้ไม่ใช่ความคิดของน้องฮุนฮุนนะคะ กูใส่ไข่เข้าไปค่ะ 5555555555555)


                “โอเคน้า เด็กๆ แต่ละคนต้องก่อปราสาททราย ของกลุ่มใครสูงที่สุด กลุ่มนั้นจะได้รางวัลไปครองจ้ะ แต่มีข้อแม้นะว่าถ้าสะกิดแล้วฐานล้มก็จะแพ้ทันที เข้าใจครูมั้ยคะ?”

                “เข้าใจครับ / ค่ะ” 

                “ดีมาก งั้นลุยเลยจ้ะ เดี๋ยวครูกับพี่จงอิน พี่คยองซูจะเข้าไปช่วยในแต่ละกลุ่มน้า” ครูจินรียิ้มร่าก่อนจะหันมาบอกให้พี่ผู้ชายสองคนแยกกลุ่มกัน จงอินรีบเดินไปหากลุ่มเด็กผู้ชาย ส่วนคยองซูก็ต้องเป่ายิ้งฉุบกับครูจินรี

                “ครูปาร์คกับพี่แบคฮยอนจะก่อปราสาททรายแบบไหนหรอครับ?” เซฮุนเงยหน้าถาม มือสองข้างของเขาถูกจูงโดยพี่แบคฮยอนและครูปาร์คคนละข้าง ทั้งสามคนเดินไปหาที่ทรายแข็งพอเหมาะ ก่อนจะนั่งลง

                “สร้างเรือนหอน่ะฮุนฮุน 55555555” ครูปาร์คพูดก่อนจะขำซะเอง

                “เรือนหอห่าไร๊ ฮุนฮุนอย่าไปฟังครับ... จะเป็นปราสาทที่เราอยู่ด้วยกันสามคนไง”

                “ก็เรือนหอปะล่ะแหม” ครูปาร์คยังคงเถียงคอเป็นเอ็น เขาเริ่มขุดทรายให้เป็นวงกว้าง น้ำเริ่มเอ่อและขังอยู่ในหลุม “นี่เป็นสระน้ำใต้ปราสาทบ้านพวกเรา” 

                “ทำอย่างนั้นปราสาทมึงก็พังก่อนอ่ะครับเพื่อน” แบคฮยอนนั่งมองเซ็งๆ ไอ่ห่านี่ไม่ได้จบวิศวะมาจะไปรู้เชี่ยไร๊


                เดี๋ยวนะ... ผู้ใหญ่ทั้งห้าคนในนี้ไม่มีใครจบวิศวะเลยนี่หว่า =____=

                จ้ะ พังกันให้หมด


                “ดูนี่นะฮุนฮุน” ครูปาร์คไม่สนใจไอ่ตัวขวางโลกข้างๆ เขาเอาทรายแข็งๆ รอบตัวมาปั้นเป็นสะพานโค้งอยู่เหนือแอ่งน้ำนั้น “แล้วเราก็ต้องรอให้ทรายแข็งก่อน เดี๋ยวจะก่อปราสาทไม่ได้”

                “อู้หูววววววว O[]O” เซฮุนตื่นตาตื่นใจกับสะพานโค้ง เขาช่วยให้ทรายแข็งขึ้นด้วยการเอาปากเป่า


                และครูปาร์คก็คิดอะไรเด็ดๆ บางอย่างออก *กระตุกยิ้มมุมปาก*


                “เฮ้ยบุ๊ค มึงช่วยกูขุดแอ่งน้ำต่อดิ๊” ชานยอลสั่งเพื่อนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม คนที่นั่งเท้าคางเหมือนไม่มีอะไรทำจึงเอามือซ้ายเข้าไปขุดๆ ล้วงๆ ในแอ่งน้ำนั้นแก้เซ็ง แต่พลันมือเรียวยาวก็ต้องชะงักเมื่อ...


                โดนจับมือในแอ่งน้ำแบบลับๆ


                “เชี่ย ปล่อย ไม่งั้นกูสะบัดมือให้สะพานมึงแหกแน่” แบคฮยอนขู่ แต่มือหนานั้นก็ยังไม่ปล่อย 

                “มึงลองสะบัดดิ ฮุนฮุนร้องไห้แน่” ครูปาร์คขู่กลับ แบคฮยอนจึงเหลือบมองไปที่เด็กน้อย...


                โถถถถถถถถถ กำลังนั่งเป่าทรายให้แข็งไวๆ โดยไม่ได้รับรู้ความเหี้ยของผู้ใหญ่สองคนเล้ยยยย TTOTT


                “โห นี่มึงจีบกูอยู่ปะ กากง่ะกากๆๆ” แบคฮยอนได้ทีรีบทับถม ใบหน้าขึ้นสีระเรื่ออย่างช่วยไม่ได้ เกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยโดนใครประกาศว่าจะจีบมาก่อนเลยนะ TT / / / TT 

                “แล้วนี่มึงจีบกูอยู่ปะ กากพอๆ กับกูนั่นแหละ ฮ่าๆๆๆๆ” ชานยอลตอบกลับก่อนจะหัวเราะสะใจ... แต่มือยังไม่ปล่อยนะบอกเลย

                “ทั้งสองคนจะจับมือกันอีกนานมั้ยครับเนี่ย ฮุนฮุนเห็นตั้งนานละนะ -0-” เซฮุนหยุดเป่าทรายก่อนจะมองหน้าผู้ใหญ่สองคนสลับกันงงๆ ก็ดูสิ... เขาอุตส่าห์ทำเป็นไม่เห็นแล้วนะ แต่ทั้งสองคนก็ยังจับมือกันอยู่ได้

                “ฮุนฮุนอยากได้หม่าม๊ากับปะป๊ามั้ยครับ” ชานยอลเปลี่ยนเรื่องโดยการหันไปถามเด็กน้อย

                “อยากครับ อยากมากๆ >_< และถ้าสองคนนั้นเป็นครูปาร์คกับพี่แบคฮยอน ฮุนฮุนจะดีใจมากเยย” 

                “กวนตีนละไอ้ชุน มึงอย่าเอาน้องมายุ่งเด้!” แบคฮยอนร้อนรน... เพราะกูไม่อยากเป็นหม่าม๊า TOT!!!

                “แล้วฮุนฮุนอยากให้ใครเป็นปะป๊า ใครเป็นหม่าม๊าล่ะหื้ม?” ครูปาร์คถามขันๆ รู้อยู่แล้วว่าคำตอบของเด็กน้อยจะเป็นอย่างไร


                “ให้ครูปาร์คเป็นปะป๊า ให้พี่แบคฮยอนเป็นมะม๊าครับ >__<!!


                “ได้ยินยังครับม๊าบุ๊ค” ป๊าชุนยักคิ้วให้อย่างกวนตีน ก่อนจะเปลี่ยนสรรพนามเสร็จสรรพ แบคฮยอนเซ็งจนแทบจะระเบิดออกมา แต่เมื่อหันไปสบตากับเซฮุนที่มองหน้าเขาอย่างมีความหวังแบบนั้นก็...

                “ได้ยินแล้วครับ ไอ่ห่าป๊าชุน ฟรั๊คยูแดมน์ (Fruck You Damn)”
               

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น