วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ภษคส : 1 B, I’m not that EASY.



1
B, I’m not that EASY.



                “ชุน ตื่น” ผมเอามือสะกิดไหล่ชุนที่นอนอยู่บนเตียงให้ตื่น ปกติใช้ตีนถีบนะบอกเลย แต่ตั้งใจแล้วว่าจะจีบมันเลยต้องกัดฟันเอามือสะกิด

                “โห... ครั้งแรกในชีวิต บุ๊คใช้มือปลุกกูครับ ซาบซึ้งสัส...” มันงัวเงียบ่นก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ผมซึ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จนานแล้วจึงเดินไปที่ห้องครัว...


                ผมกับมันเป็นเพื่อนกันยี่สิบปีและเริ่มมาอยู่ด้วยกันตั้งแต่ขึ้นม.ปลาย เพราะมันทะเลาะกับพ่อแล้วลากผมมาด้วย พ่อแม่ผมก็มองว่าเป็นเรื่องดีที่มีคนดูแลลูกชายก็เลยปล่อยผมให้มาอยู่กับมัน ตอนแรกก็แดกแกลบกันอ่ะครับ ชีวิตนี่โคตรเหี้ย พวกเราต้องทำงานพาร์ทไทม์กันตาแหกและก็ยังเป็นข้อข้องใจอยู่จนถึงตอนนี้ว่า...


                แล้วกูมากัดก้อนเกลือกินกับมันทำไมวะ 555555555555555555555


                ควายแท้ครับ -_-^ แต่ช่างเถอะ เค้าเรียกว่าเพื่อนแท้เว่ย มันลำบากยังไงกูก็ลำบากด้วยละกัน! จนเข้ามหาวิทยาลัยมันก็ไปคืนดีกับพ่อตอนที่พ่อจะตายห่าคาเตียง แล้วพ่อก็ฝากฝังโรงเรียนที่พ่อเป็นเจ้าของให้มันครับ... บอกให้มันเป็นผ.อ.ต่อที 

                มันเลยเป็นผ.อ.โรงเรียนโซลศึกษาตั้งแต่อายุสิบแปด -_-;
                นับว่าเป็นสิ่งดีๆ ครับเพราะนับจากวันนั้นแม่งก็รวยผิดหูผิดตา... และบอกผมว่า...


                ไม่ต้องไปทำงานแล้วนะ เดี๋ยวต่อจากนี้... ทั้งชีวิต... กูจะเลี้ยงมึงเอง


                แปลกๆ เนอะ

                แต่กูก็ไม่ได้สนใจอะไรครับ มีคนมาเลี้ยงตลอดชีวิตก็นับว่าเป็นเรื่องดีๆ หึหึ ผมเลยไม่ได้จีบใครจริงๆ จังๆ ไม่อยากพลัดพรากจากมันอ่ะครับ อยากให้มันเลี้ยงกูตลอดชีวิต 555555555555555


                เอาเถอะ กลับเข้าปัจจุบัน

                “บุ๊ค มึงทำแซนวิชให้กูอันเดียวพอนะ วันนี้กูจะไปกินข้าวกับเด็กๆ” มันตะโกนมาจากในห้องน้ำ ผมที่กำลังเปิดตู้เย็นจึงรีบพิจารณาวัตถุดิบทันที

                โอเค งั้นกูทำแซนวิชซักห้าอันละกัน มันหนึ่งอัน กูสี่อัน 555555555555

                งี้แหละครับ ผมทำอาหารไม่เป็น แต่ก็อยากจะทำให้มันกินบ้าง เพราะถือว่าเป็นกาฝากเกาะมันมาสิบปีละ เลยได้แต่ทำแซนวิชไม่ก็คอนเฟลค บางวันหรูหน่อยก็ต้มมาม่า แต่ชุนมันก็ไม่เคยบ่นซักคำเลยนะ >__<
 
                “ชุนไม่ชอบกินแตงกวา...” ผมพึมพำคนเดียวเบาๆ ก่อนจะจัดแจงเอาแตงกวามายัดใส่แซนวิชตัวเองให้หมด แต่เมื่อเห็นแฮมปึกใหญ่อยู่ในถุง ผมก็รีบยัดแฮมใส่แซนวิชทั้งห้าของตัวเองและเอาให้มันแดกแผ่นเดียวพอ

                “ก็เหี้ยละ =___= ใส่แฮมให้กูอีกสองแผ่นเลย” มันเดินมาหาผมพร้อมฟองจากยาสีฟันฟอดเต็มปาก แปรงสีฟันสีฟ้าชี้มาที่ผมอย่างเอาเรื่องจนผมต้องรีบเอาแฮมใส่แซนวิชมันบ้าง

                “ก็กลัวมึงอ้วนไง กินแฮมเยอะๆ มันไม่ดี~ นี่เป็นห่วงนะเนี่ย นี่จีบอยู่นะเนี่ย” ผมก้มหน้าก้มตาพูด ก่อนจะเน้นย้ำแรงๆ ว่ากูกำลังจีบมึงอยู่นะ!!

                “หรา จีบอยู่หรา =[]= ถ้าจีบกูก็ยัดแฮมให้กูสิบแผ่นสิไอ่บุ๊ค นี่เคยจีบใครมั้ยเนี่ยห้ะ กากชิบ” 

                “ไม่เคยเว่ย!! แหม เหมือนมึงเคยจีบใครงั้นแหละ!” ผมย้อนถาม เพราะตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมาผมไม่เคยเห็นมันจีบใครเลย และวันๆ เราสองคนก็อยู่ติดกัน จะไปมีเวลาจีบใครที่ไหน

                “ก็เคยบ้างงงงง~ แต่มึงไม่รู้หรอก” มันทิ้งท้ายอะไรประหลาดๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องน้ำเหมือนเดิม


                มันเคยจีบใครด้วยอ่อวะ =____= กูไม่เห็นรู้มาก่อนเลย
                สัส ข้องใจ


                แต่ก็ไม่อยากจะไปต่อความยาวสาวความยืดอะไรกับแม่งมาก เดี๋ยวหาว่าผมชอบมันอีก -_-^ เอาเถอะ ผมแพ็คแซนวิชให้มันก่อนจะนั่งรอให้คุณชายแกแต่งหล่อ (แค่ห้านาที) 


                “รีบไปกัน เดี๋ยววันนี้กูมีประชุมครูอีก เบื่อพวกครูป้าๆ ชิบหาย แม่งบอกอยากปฏิรูปโรงเรียนอะไรก็ไม่รู้” มันบ่น ก่อนจะเอากล่องแซนวิชและกระเป๋าทำงานของผมไปถือตามปกติ


                ผมไม่เคยได้ถือของหรอกครับ เชี่ยชุนสุดที่รักถือให้ตลอด

                แปลกๆ เนอะ

                แต่... ผมเคยถามนะว่านี่มึงจีบกูปะเนี่ย มันก็บอกว่าเปล่า แค่กลัวผมเหนื่อยแล้วจะหงุดหงิด มันขี้เกียจฟังผมบ่น

                ผมก็เลยถึงบางอ้อ มันไม่ได้คิดอะไรกับผมเกินเลยหรอกๆๆ เนอะๆๆ


                “มึงก็ตั้งกฎรณรงค์ไม่ให้ครูทำผมกระบังตั้งมาโรงเรียนดิ รับรอง แม่งเลิกยุ่งกับมึงไปอีกหลายชาติอ่ะ” ผมแนะนำ

                “เชี่ย 555555555555555 เออ ถ้ากูรำคาญมากๆ จะตั้งกฎให้แม่งลงแดงตายไปเลย อิฮั้นอยากตั้งกระบังค่า~ ทำไมผ.อ.ต้องมาห้ามด้วยค้า~ ฮ่าๆๆๆๆๆ” มันหัวเราะร่าก่อนที่เราทั้งคู่จะเปิดประตูออกจากห้องและก็ต้องเจอโด้ที่ยืนรออยู่แล้ว พอดีว่ามันต้องไปทำงานที่เดียวกับผมน่ะครับ แต่แปลกแฮะ... วันนี้ทำไมยังใส่ชุดนอน -0-;

                “รีบไปทำงานเถอะแบค จงแดบอกว่าวันนี้มีบอสใหม่ มาดูแลฝ่ายบัญชีของพวกเรา”

                “เอ้า แล้วทำไมมึงยังไม่แต่งตัว...”

                “กูไม่สบายว่ะ =___= ฝากขอโทษบอสใหม่ด้วยนะ”

                “เออได้ๆ เหี้ยชุน รีบไปกันเถอะ” ผมรีบลากชุนให้ลงไปที่ลานจอดรถและเป็นคนขับด้วยตัวเอง ก่อนที่ผมจะไปส่งชุนที่โรงเรียนมันเป็นอันดับแรก

                “บุ๊ค วันนี้มารับกูด้วยนะ แวะมาหาเด็กๆ มึงด้วย” ชุนทิ้งท้ายก่อนจะลงจากรถ ผมพยักหน้ารับแล้วขับรถไปที่บริษัทที่ผมกับโด้ทำงานอยู่ซึ่งไม่ได้อยู่ไกลจากโรงเรียนโซลศึกษาของชุนซักเท่าไหร่ เป็นบริษัทเกี่ยวกับหุ้นและธุรกิจที่มีชื่อเสียงพอตัวเลยแหละครับ และเงินเดือนที่พวกเราได้รับก็ไม่ใช่น้อยเลยเหมือนกัน

                “อ้าวเฮ้ย แบค! ทางนี้ๆ เร๊วววววววว” จงแดยืนถือแก้วกาแฟอยู่หน้าตึก ก่อนจะรีบลากผมให้เข้าไปในบริษัท

                “มึงรีบหรออออออ -_-;” ผมบ่น คือความจริงแล้วพวกเราเป็นเพื่อนที่พึ่งรู้จักกันที่บริษัทเนี่ยแหละครับ แต่คุยกันแค่วันเดียวก็ขึ้นคำหยาบใส่กันละ สันดานดิบกันหมด 555555555

                “เออน่ะ เค้าบอกว่าบอสใหม่เป็นลูกชายคนเดียวของท่านประธาน พึ่งจะอายุยี่สิบสี่เอง”

                “เป็นรุ่นน้องพวกเรานี่หว่า” ผมพึมพำเบาๆ แต่เอาเถอะ คนอย่างท่านประธานไม่ใช่คนที่ให้ลูกขึ้นมาตำแหน่งสูงๆ ได้ง่ายๆ แต่ต้องใช้ความสามารถและหัวสมองพอตัว แสดงว่าเด็กนี่ก็ต้องมีประสิทธิภาพอยู่เหมือนกันแหละ

                “เออ แต่เห็นเค้าบอกว่าโตเต็มตัวเลยแหละ หล่อเชียว ผิวเข้มๆ เหมือนท่านประธานเป๊ะ” ห่าจงแดชูนิ้วโป้งเป็นการชื่นชมบอสคนใหม่ นี่ก็ประจบตั้งแต่ยังไม่ได้เห็นหน้าเลยนะ =__=

                “กูคงต้องไปสวัสดีสินะ เห็นโด้บอกว่าเป็นบอสฝ่ายพวกเรา”

                “เออ ว่าแต่ไอ่เตี้ยนั่นกระแดะไม่สบายอะไรวันนี้อีกวะ กูกะจะลากพวกมึงไปเมาต่อซะหน่อย” พวกเราเดินขึ้นลิฟต์ไปด้วยกัน และภายในลิฟต์ก็มีคนใส่สูทยืนอยู่หนึ่งคน

                “เมาต่อไรของมึง เดี๋ยววันนี้กูต้องไปรับไอ่ชุนที่โรงเรียน มันบอกให้กูไปเล่นกับเด็กด้วย” ผมตอบ เอาจริงๆ จงแดกับชุนมันสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกัน 555555555555555

                “ขอโทษนะครับ...” ผู้ชายที่ยืนใส่สูทอยู่ข้างหลังสะกิดผม “พี่ใช่พี่แบคปะ?”

                “ห้ะ” ผมหันไปมอง ก็เจอ คิมจงอินยืนอยู่ข้างหลังผม O_O!!! ผิวเข้มๆ กับใบหน้าคมคายที่แบบ... เชี่ยเอ๊ย หล่อดี 5555555555555 แล้วยังใส่สูทสีเข้มอีก อะไรของแม่ง เดี๋ยวกูด่า (ด่ากลบเกลื่อนความเขิน)

                “เฮ้ย พี่แบคจริงๆ ด้วยว่ะ!! ไม่เสียแรงตามสืบ”

                “นี่มึงสืบเรื่องกูหรอจงอิน แล้วนี่มาทำอะไร เดินเล่น?” ผมหันไปถามมัน คือว่า... คนอย่างผมนี่ไม่เคยได้ใช้สรรพนามดีๆ กับคนรู้จักเลย ทุกคนต้องถูกเรียกว่า มึง 555555555555

                “เดินเล่นบ้านพ่อพี่ดิ”

                “แล้วมาทำไร”

                “เดินเล่นบริษัทพ่อผม” ร่างสูงผิวเข้มยิ้มมุมปากอย่างมีชัย


                ไอ่สัส กูโดนเด็กเล่นแล้วมั้ยล่ะ


                “แล้วก็มาเป็นบอสใหม่พี่ด้วย ฮี่ฮี่” เด็กชายตัวสูงยิ้มแป้นแล้น ก่อนจะมองหน้าผมกับจงแดที่กำลังยืนเอ๋อสลับกันไปมา “อ้าว... คนที่ผมอยากเจอดันไม่อยู่ซะนี่”

                “มึงอ่ะหรออยากเจอโด้? ฝันไปเหอะ ให้ตายยังไงกูก็ไม่ให้มึงเจอ” ผมหันหลังกลับ ทำไมวันนี้ลิฟต์แม่งช้าขนาด ช้ามากๆ ผมกับจงอินไม่ได้มีความหลังอะไรกันหรอก แต่โด้สิ...


                มันเคยเป็นแฟนกันสมัยมหาลัย


                “ผมอยากเจอพี่โด้จริงๆ อยากเจอ... อยากขอโทษ... อยากทำทุกอย่างให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่งั้นไม่ตามสืบหรอก” น้ำเสียงที่ได้ยินจากด้านหลังดูจริงจังจนผมตัวแข็งทื่อ ตอนมหาวิทยาลัยยังทำตัวเจ้าชู้เหลาะแหละอยู่เลย ไม่เจอกันแป๊บเดียว... โตจนเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วสินะ


                ติ๊ง
                ลิฟต์มาถึงชั้นสิบห้าที่ผมกับจงแดทำงานกันอยู่ จงอินก็เดินตามหลังผมมาเช่นกัน                


                “แฟนเก่าโด้อ่อวะ?” จงแดกระซิบข้างหูผม 

                “ไอ่ห่านี่ก็ฉลาดจัง ฟังแค่นั้นปะติดปะต่อเป็นเรื่องได้อีกเนอะ =___=” ผมไม่ได้ตอบว่าถูกหรือผิด แต่จงแดผู้แสนจะฉลาดก็รับรู้ได้ว่าสิ่งที่มันถามน่ะถูกเผง

                “คุณบยอน อีกสิบนาทีมาพบผมที่ห้องด้วยครับ” จงอินเดินแซงพวกผมขึ้นไปก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นผู้ใหญ่และเป็นบอสเต็มตัว อ่ะโห... มีการเรียกกูว่าคุณบยอนด้วย ไอสาสสสสสสสสส ไอ่เด็กปีนเกลียวววววว

                แต่ผมก็ไม่ได้หงุดหงิดอะไร ไม่ต้องรอให้ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำเพราะผมเดินตามมันเข้าไปในห้องบอสทันที

                “มีไร” ผมเท้าสะเอวถาม เอาจริงๆ คือหมั่นไส้และเกลียดไอ่เด็กเวรนี่ส่วนตัว มันทำให้เพื่อนผมโสดมาห้าปีละ ที่โสดนี่ไม่ได้อะไรหรอกนะ... เพราะกลัวที่จะเริ่มต้นใหม่และกลัวได้แฟนแย่ๆ เหมือนมัน

                “วันนี้ผมจะย้ายไปอยู่ห้องข้างๆ พี่โด้”

                ...

                “ย้ายออกไป” ผมพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ไม่สนละว่าไอ่ห่านี่จะเป็นบอสกูหรือเป็นแค่เด็กกะโปโล กูสนความรู้สึกเพื่อนกูมากกว่า

                “ผมไม่ย้าย... พี่แบค ครั้งนี้ผมจริงจัง ผมจะทำทุกอย่างให้มันจริงจัง” จงอินพูดด้วยแววตาจริงจังอย่างที่พูด ผมพ่นลมหายใจออกจากปากเซ็งๆ เหมือนมันกำลังทำให้ผมเข้าไปอยู่พวกเดียวกับมันยังไงไม่รู้แฮะ -_-;

                “มึงเอาอะไรมายืนยันว่ามึงจะจริงจัง ไม่ทำตัวทุเรศเหมือนแต่ก่อน”

                “เอาตำแหน่งบอสฝ่ายบัญชีเป็นเดิมพัน”
                “...”
                “ถ้าผมเป็นเหมือนเดิมและถ้าพี่เห็นว่าผมยังเหี้ยเหมือนเดิม พี่มาบอกผมได้เลย ผมยินดีลาออกและย้ายออกไปให้พ้นตา”


***********


หลังเลิกงาน


                “พี่แบคฮยอนนนนนนนนนนนน >O<เด็กๆ อนุบาลสองร้องเรียกผมพลางกรูเข้ามาเกาะขาอย่างร่าเริง ผมก้มลงไปหอมแก้มเด็กๆ ทีละคนก่อนจะมองหน้าคนตัวสูงในห้องที่ส่ายหัวขำๆ

                “วันนี้ใครดื้อบ้าง” ผมขู่ 

                “แทคยอนครับ! วันนี้แทคยอนเป็นอันธพาล ไล่เตะพวกผมใหญ่เลย!” จุนซูชี้ไปที่แทคยอน เด็กตัวใหญ่ที่สุดในห้องอย่างขลาดกลัว กลัวก็กลัว แต่ก็ยังอยากจะฟ้องพี่แบคฮยอนคนนี้สินะ ฮ่าๆๆๆ

                “ก็นายมาแย่งซูจองของเราทำไมล่ะ” แทคยอนกอดอกเบ่งรัศมี ส่วนยัยเด็กซูจองที่ถูกกล่าวถึงก็สวยน่ารักอย่างกะเจ้าหญิง เสียอย่างเดียวนางไม่เอาใครทั้งนั้นแหละ นางสนใจครูปาร์คคนเดียว 555555555555

                “นายดูสิ จุนซู - ซูจอง~ เหมาะสมกันจะตาย!!!” จุนซูยังคงเถียง ผมชักจะมึนหัวเลยต้องรีบห้ามทัพ

                “อ่ะใจเย็นๆๆ วันนี้พี่แบคฮยอนมีโดนัทมาให้กิน เป็นการตอบแทนที่เด็กๆ อยู่รอพี่ถึงห้าโมงเย็น >__<” ผมชูกล่องโดนัทสีสันสดใสให้เด็กๆ ดู ทุกคนร้องว้าวออกมาอย่างตื่นเต้น “แต่มีข้อแม้นะ... กินได้คนละชิ้น เพราะพี่ซื้อมาพอดีคน เข้าใจมั้ยเอ่ย?”

                “เข้าใจค่ะ/ครับ”

                “ผมเอาสองชิ้นนะ เซฮุนไม่ต้องกิน” แทคยอนพูดพลางหยิบโดนัทไปสองชิ้นเลย แต่ผมก็รีบเข้าไปขวาง ยึดโดนัททั้งสองชิ้นกลับมาในมือตัวเอง

                “เดี๊ยวๆๆๆ หนูจะแดกโดนัทสองชิ้นทำไมครับผม หนูเป็นลูกนายกหรอครับบบบ ไม่ทำตัววิเศษกว่าคนอื่นนะครับแทคยอน” ผมมองเด็กตรงหน้าเพื่อจะตักเตือน แต่แทคยอนก็ไม่ได้สนใจ

                “ก็เซฮุนไม่มีพ่อไม่มีแม่ ก็ไม่สมควรกินไม่ใช่หรอครับ”


                เหตุผลหนูเหี้ยมากครับ


                หางตาผมเหลือบไปเห็นเซฮุน เด็กน้อยหน้ามนที่เหมือนจะหน้าเหวี่ยงตลอดเวลาเดินออกไปจากห้อง ผมมองหน้าชุนก่อนจะพยักเพยิดให้เดินตามไป มันเลยเดินตามเด็กไปอย่างว่าง่าย


                “แทคยอนทำไมพูดแบบนี้ล่ะครับ” ผมนั่งยองๆ ลงข้างๆ ในมือผมยังคงมีโดนัทสองชิ้นเป็นตัวประกัน

                “ก็เค้าไม่มีพ่อแม่จริงๆ นี่นา”

                “บนโลกใบนี้ทุกคนไม่มีพ่อแม่ทั้งนั้นแหละครับ”
                “...”
                “ขึ้นอยู่กับว่า จะไม่มีเร็วหรือช้า” ผมยิ้มอ่อนโยน นี่นานๆ จะได้พูดอะไรคมๆ นะเนี่ย

                “ผมงง” เออ กูก็เกือบงง

                “พ่อแม่เซฮุนเค้าตายก่อนพ่อแม่แทคยอนไงครับ ^^” ผมลูบหัวเด็กน้อย ก่อนจะคืนโดนัทให้ชิ้นเดียว นี่กูพูดแรงไปมั้ยนะ เด็กหน้าเหวอเลย โชคดีไม่ปากเบะร้องไห้ -_-;


                ผมเดินไปตามทางที่ชุนมันเดินไป ก็เห็นเซฮุนนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่บนทรายในสนามเด็กเล่น ชุนที่นั่งขัดสมาธิลงข้างๆ โดยไม่รังเกียจความสกปรกของทรายก็ได้แต่ลูบหัวเซฮุนอย่างอ่อนโยน คนอย่างมันปลอบใครไม่เป็นหรอก มีแต่ด่ากับด่า -_-^

                “ฮุนฮุน >_< ดูซิ พี่แบคฮยอนเอาอะไรมาให้ด้วย” ผมเข้าไปทักด้วยน้ำเสียงร่าเริง ก่อนที่เด็กน้อยจะหันมาทางผมพร้อมน้ำตาคลอเบ้า แววตาที่ดุร้ายและน่ากลัวกลายเป็นขี้แยและน่าสงสารขึ้นทันใด

                “ฮุนฮุนชอบกินโดนัท *_*” เด็กน้อยยิ้มร่า น้ำตาเริ่มหายไปบ้างแล้ว ผมจึงนั่งยองๆ ข้างๆ ก่อนจะยื่นโดนัทให้

                “ใครว่าอะไรก็ไม่ต้องสนใจ รู้มั้ยครับ เดี๋ยวพ่อแม่พวกแม่งก็ตายเหมือนพ่อแม่ฮุนฮุนนั่นแหละ กร๊ากกกกกกกกกกก” ผมสอนเด็กให้เหี้ยแต่วัยเยาว์ เซฮุนพยักหน้าหงึกหงัก แต่ชุนกลับขำหน้าหงาย

                “555555555555555 บุ๊คแม่ง ทำไมสอนเด็กงี้วะ”

                “เอ้า ก็มันจริงปะฮุนฮุน” เด็กน้อยพยักหน้ารัวกว่าเดิม “เออ เห็นปะ เด็กเค้าก็เข้าใจอ่ะ 555555555555”

                “ฮุนฮุนครับ เดี๋ยววันนี้ป้าเอยองมารับรึเปล่า” ครูปาร์ครีบเปลี่ยนเรื่องด้วยการหันไปถามเด็กน้อยที่ตอนนี้กินโดนัทจนเกือบหมด ป้าเอยองที่ว่าก็คือผู้ปกครองของเซฮุน ป้าแกเป็นเจ้าของสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าโซลและจะมารับเซฮุนกลับสถานสงเคราะห์ทุกวัน 

                “รับครับครูปาร์ค”

                “ดีมาก งั้นเรากลับไปที่ห้องเรียนกันนะฮุนฮุน” ครูปาร์คลุกขึ้น ก่อนจะเดินจูงมือเด็กน้อยไป...


                ไอ่ง่าว ทรายติดตูดเต็มเลย


                “เชี่ยชุนนนนนนน! ทรายเต็มตูดมึงเลยอ่ะ 55555555555555 มานี่ มาปัดก่อนๆๆ” ผมคว้าตัวมันไว้ก่อนจะเอามือตัวเองปัดทรายที่เกาะเต็มกางเกงมันออก ว่าแต่... ทำไมเด็กข้างๆ ตัวต้องหัวเราะครับ =__=?

                “คิกๆๆๆ พี่แบคฮยอนกับครูปาร์คเหมือนแฟนกันเยย” 

               
                กรี๊ด กูได้ยินเสียงฟ้าผ่าอ่าอ่าอ่าอ่าอ่าอ่า...


                “พี่แบคฮยอนกับครูปาร์คเป็นแฟนกันนนนนนนนนนนนนนนน!!” เสียงเด็กๆ กรูออกมานอกห้อง ก่อนจะตะโกนลั่นอย่างร่าเริงอารมณ์ดี ผมหันไปมองหน้าไอ่เหี้ยชุนแต่แม่งก็นิ่งเฉย

                “ใช่ครับใช่” ผมจึงใช้โอกาสนี้รีบประกาศอะไรบางอย่าง “พี่กับครูปาร์คจะแต่งงานกัน”

                “เย่!!!!!!!!!” เด็กๆ กระโดดโลดเต้นดีใจ นี่พวกมึงจิ้นคู่กูมานานแล้วใช่มั้ยตอบ =__=

                “ไม่ใช่ครับเด็กๆ พี่แบคฮยอนเค้าคิดไปเอง กร๊ากกกกกกกกกกกก” อิสัสชุนเปิดปากพูดซักที ผมหันควับและถลึงตามองมันด้วยสายตาขุ่นเคือง นี่ทำไมต้องพูดความจริงห้ะ!

                “เย่” เสียงยัยเด็กซูจองร้องดีใจออกมาคนเดียว -O- นี่หนู... หนูพึ่งแดกโดนัทพี่ไปเมื่อกี้นะครับลูก หนูควรจะสนับสนุนคู่พี่แบคครูปาร์คสิครับหนู อ้วกโดนัทกูออกมาเลยครับ

                “นี่ พี่อ่ะตามจีบครูปาร์คอยู่นะ ช่วยพี่ด้วยนะทุกคน” ผมรีบพูดพร้อมรอยยิ้มสดใส

                “เย่ๆๆ หนูจะช่วย / ผมจะช่วย”

                “เอาล่ะเด็กๆ กลับบ้านกันได้แล้วจ้า” ผมต้อนเด็กๆ ให้เดินออกไปนอกตึก ซึ่งพ่อแม่ก็มารอรับกันนานแล้ว เพราะเลิกเรียนบ่ายสอง แต่เด็กๆ ก็ยังนั่งรอผมกันถึงห้าโมงเย็น -0-


                เมื่อเห็นว่าเด็กๆ ถึงมือพ่อแม่กันหมดแล้วและป้าอายองก็มารับเซฮุนเรียบร้อย ผมจึงเดินเคียงข้างไอห่าครูปาร์คไปที่ลานจอดรถ โยนกุญแจให้มันขับบ้าง กูขี้เกียจ


                “มึงแม่ง พูดเรื่องไรไม่รู้เชี่ยบุ๊ค คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะได้แต่งงานกับกูเร็วขึ้นรึไง” ชุนบ่นครับชุนบ่น ผมยู่ปากเซ็งก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง

                “ก็พูดวั๊ย~ จะได้รู้กันทั่วถึง”

                “เออนี่...” ไฟแดงห้ามรถของพวกเราให้หยุดเดินหน้าต่อ ชุนเบรกรถอย่างนุ่มนวลก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ

                “...”

                “มึงจีบกู แล้วกูจีบมึงกลับได้ปะวะ” เสียงทุ้มๆ เข้ามาใกล้หูผมอย่างแปลกประหลาดจนผมต้องหันไปมอง ก็ต้องเจอใบหน้าไอ่ห่าชุนอยู่ใกล้ซะจนจะจูบกันได้ นี่ถ้าไม่ติดว่าพึ่งจีบนะ กูจูบแม่งไปนานละ (เอ๊ะ)

                “ก... ก็ได้ดิ” นี่กูจะพูดตะกุกตะกักทำไม๊ =[]= 

                “งั้นมาแข่งกันมั้ย”

                “...”

                “ถ้ามึงจีบกูติด กูยอมแต่งงานกับมึง แต่ถ้ากูจีบมึงติด...”

                “...”

                “มึงต้องเป็นเมียกูและต้องให้กูเสียบ” มันพูดจบก็ไฟเขียวพอดี ชุนหันกลับไปขับรถต่อก่อนจะหัวเราะอารมณ์ดี

                ก็เหี้ยละ...

                นี่กูแค่จะแต่งงานกับมึงเฉยๆ ไง -__-^ ทำไมมึงต้องเอาเปรียบกูมากขนาดเน้!!


                “มึงไม่มีวันจีบกูติดหรอก!!

                “ก็ต้องดูกันไป... หึหึ”

                ไอ่เหี้ยยยยยยยยยยยยย น่ากลัววววววววววววว!!        




ที่คอนโด

                ผมปิดประตูรถแล้ววิ่งหนีไอ่เหี้ยชุนทันที แม่งน่ากลัวยิ่งกว่าผู้ชายหื่นกาม นี่ไม่อยากจะบอกว่ากูโดนจับมือตลอดทางเลยนะครับ ข้ออ้างคือ ก็รถมันเป็นเกียร์อัตโนมัติอ่ะ มืออีกข้างกูก็ว่าง ไม่รู้จะจับอะไร ให้จับน้องชายตัวเองก็กระไรอยู่ปะเหตุผลแม่งทุเรศชิบหาย ร้อยวันพันปีมือว่างๆ แม่งก็อยู่ของมันได้ วันนี้เป็นห่าไร๊

                และเมื่อผมเดินขึ้นไปที่ชั้นที่พักอยู่ ก็เห็นโด้ที่ยังคงใส่ชุดนอนยืนเท้าสะเอวด้วยสีหน้าเหวี่ยงขั้นสุด และคนที่มันยืนคุยอยู่ก็เป็นผู้ชายใส่สูท... อ้ออออออออ คิมจงอิน O[]O!!!

                “นั่นไง พี่แบคมาพอดี มาเล่าให้พี่โด้ฟังหน่อยว่าเราจะอยู่ด้วยกันอีกนาน” จงอินลากคอผมให้เดินไปหาโด้ ก่อนจะล็อกคอไว้จนกูหายใจจะไม่ออกละ

                “ก... กูไม่รู้เรื่องนะแบค แต่ไอ่เด็กเวรนี่เป็นบอสใหม่เรา จะย้ายมาอยู่ห้องข้างๆ มึง กูรู้แค่นี้แหละ” ผมรีบพูด

                “อ้าวจงอิน เฮ้ยหวัดดี เออโด้ หวัดไม่ดีหรอก หายไวๆ” เชี่ยชุนที่เดินตามผมมายกมือทักทายจงอิน ก่อนจะเดินเข้าห้องไปโดยไม่ได้สนสถานการณ์ตึงเครียดเลยซักกะนิด =O=

                “มึงรู้เหมือนกูแหละแบค” โด้ตอบอย่างใจเย็น มันเข้ามาช่วยแกะผมให้เป็นอิสระก่อนจะให้ผมไปอยู่ข้างหลังมัน

                “ไม่ พี่แบครู้อะไรอีกอย่างนึง” จงอินยังยืนกราน มองหน้าผมเหมือนว่าผมรู้อะไรอีกอย่างนึงมากกว่านั้น

                “กูรู้อะไรวะ!!

                “...” มันเงียบครับ ปล่อยให้สมองผมคิด

               
                อ๋อออออออออออออออ


                “มันบอกว่ามันจะจริงจังกับมึง ถ้ามันเหี้ยเหมือนเดิมมันจะลาออกจากตำแหน่งบอสฝ่ายบัญชีและย้ายออกจากคอนโดนี้ด้วย” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเฉยๆ เพราะรู้ว่ายังไงมันก็ไม่น่าจะทำได้!!

                “เรอะ... งั้นก็เตรียมลาออกและย้ายออกได้เลย” โด้พูดด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง ก่อนจะเดินหายกลับเข้าไปในห้องตัวเองทันที ผมเห็นแบบนั้นก็รีบกลับเข้าห้องตัวเองเหมือนกัน


                มันจะรู้สึกยังไงก็ช่างมันเถอะ ไม่ใช่แฟนเก่ากูวู๊ 555555555555555555555555


**********


                “บุ๊ค นอนได้แล้ว” เสียงคนข้างหลังผมดังขึ้น ผมเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะอ่านหนังสือก่อนจะหันไปมองมันที่นอนอยู่บนเตียงแว๊บนึง แล้วหันกลับมาอ่านหนังสือต่อ

                “แป๊บหน่า”

                “นี่มันสี่ทุ่มแล้ว รีบนอน” 

                “แป๊บบบบบบ ขอจบตอนนี้ก่อนๆๆๆ” ผมพูดรัวๆ ก่อนจะนั่งอ่านนิยายของอกาธา คริสตี้ต่อไปอย่างเมามันส์


                เอาจริงๆ คือผมไม่ใช่พวกหนอนหนังสืออะไรหรอก เห็นแม่บอกว่าตั้งแต่อนุบาลเป็นคนเกลียดหนังสือมาก อ่านหนังสือเกือบไม่ออก T^T แต่พอขึ้นป.หนึ่งและโดนเพื่อนสนิทเรียกว่า บุ๊คก็เปลี่ยนไป...


                แบคฮยอนอยากอ่าน บุ๊คทุกวันเลย คิกๆ


                เป็นไรอีกอ่ะแม่ -_-? นี่ก็จิ้นลูกชายตัวเองให้คู่กับไอ่ยักษ์นั่นตัลหลอดดดด

                แต่โดนล้อแค่ไหนผมก็ไม่เลิกอ่านหนังสือหรอกนะ จนกลายเป็นคนที่อ่านหนังสือได้หลายประเภทและก็ชอบอ่านนิยายประเภทสืบสวนเป็นพิเศษด้วย (อุ๊ย ทำไมกูพูดอย่างจริงจัง งืมๆ)


                “บุ๊ค” เสียงเรียกบนเตียงสั้นลงและห้วนลงเรื่อยๆ “ถ้ายังไม่มานอนจะเดินไปไซ้คอ ภายในสาม... สอง...”

                “จบละๆๆๆ” ผมรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้และปิดหนังสือทันที ไอ่คนตัวยักษ์ยิ้มพอใจก่อนจะกางแขนซ้ายตัวเองออกมา ผมเองก็ลงไปนอนโดยเอาหัวทับกับแขนซ้ายนั้นและเอาหน้าซุกลงที่อกมัน มือซ้ายของมันลดระดับลงและโอบที่เอวผม


                เนี่ยแหละ ท่านอนพวกเราล่ะ =_______=

                แปลกๆ เนอะ       

                เออ ยอมรับว่าท่านี้มันแบบ มันส่อมาก -_-^ มันเป็นท่าที่คู่รักเค้านอนกัน แต่ทำไงได้ ตอนย้ายมาอยู่กับมันใหม่ๆ มันบอกว่า นี่เป็นท่าที่จะทำให้มึงหลับสบายนะบุ๊ค

                เออ ละกูก็เชื่อเว่ย ตอนแรกก็อึดอัดอ่ะ หลังๆ ไปจนถึงปัจจุบันนี้ก็นะ...

                ถ้าไม่ได้นอนท่านี้นอนไม่หลับเลยนะเหวย TOT
                

                “กู๊ดไนท์... ฝันถึงกูด้วย” ชุนกระซิบเบาๆ และมันก็พูดประโยคนี้มาตั้งแต่นอนด้วยกันครั้งแรก...


                จนถึงทุกวันนี้...
                กูก็ยังไม่เคยฝันถึงแม่งซักครั้ง 555555555555555555


                “เออๆ” ผมตอบส่งๆ ก็แหม...นอนด้วยกันมาสิบปี โดนพูดแบบนี้มาสิบปี กูก็ยังไม่เคยฝันถึงมัน -*-

                “ฝันดีครับ” มันหอมลงที่หน้าผากผม ก่อนจะกอดผมแน่นกว่าเดิม เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นี่มันยังไงๆๆๆๆๆ

                “ไอ่สัส หอมทำไม”

                “ก็กูจีบมึงอยู่นี่หว่า ขอหอมอีกนะ >___<

                “ไม่!!!” ผมปฏิเสธ แต่ก็พลิกตัวหนีมันไม่ได้หรอก นอนซบอกมันเป็นอะไรที่สบายที่สุดแล้ว และถ้าผมนอนท่าอื่นก็นอนไม่หลับด้วย T^T


                ผมรีบข่มตานอน...
                และน่าแปลก ที่คืนนี้ผมฝันถึงมัน... คนที่พร่ำพูดให้ผมฝันถึงทุกคืนมาตลอดสิบปี


                นายชื่ออะไรหรอผมสะกิดเด็กผู้ชายด้านหน้า เขาหันมาพร้อมรอยยิ้มกว้างจริงใจ ตาโตๆ นั่นสะดุดตาผมตั้งแต่แรกละเพราะแม่งเหมือนตากบปูดออกมาไง 555555555555

                ชื่อชานยอล มันเขียนชื่อตัวเองเป็นภาษาอังกฤษให้กูด้วยครับแหม่


                เฮ้ยเดี๋ยว!!!!!!!!!! นี่กูกำลังฝันถึงครั้งแรกที่กูเจอชานยอลเร๊อะะะะะะะะ O[]O!!!!

                ไม่นะ... เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หมดว่าที่มาของ ชุนกับ บุ๊คแท้จริงเป็นยังไง TT______TT

                อุตส่าห์หลอกตอน Intro ได้แล้วแท้ๆ เลย TT^TT


                หรอ เราชื่อแบคฮยอนนะ ผมพูดพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ ในเมื่อมันเขียนชื่อมันเป็นภาษาอังกฤษมา กูก็ต้องเขียนบ้าง

                BukHyun

                นี่แบคฮยอน แบบนี้มันอ่านว่าบุ๊คฮยอนแล้วนะ ผมโดนมันเตือน

                จริงหรอ... ทำไมล่ะ... เราอุตส่าห์หัดเขียนตั้งนาน ฮึก... เขียนผิด... เราเขียนผิด... แล้วจู่ๆ กูก็ร้องไห้ อิเหี้ย กูจำแม่นเลย ตอนนั้นร้องไห้อย่างกับบ้านไฟไหม้ กะอีแค่เขียนชื่อตัวเองผิดมันจะตายอะไรนักหนา

                ไม่เป็นไรนะ มันปลอบผมก่อนจะลบตัวอักษร A ออกจากคำว่า Chan แล้วเติมตัว U ลงไป

                ChunYeol

                เราก็ชื่อชุนยอล เป็นเพื่อนกันนะบุ๊คฮยอน มันยิ้มสดใส... สดใสมาก เจิดจ้ามากจนกูคิดว่าไอ้บ้านี่เป็นลูกชายของพระอาทิตย์อวตารลงมาเป็นมนุษย์

                อื้อ

                ...
                ไงล่ะที่มาของชุนบุ๊ค มุ้งมิ้งมั้ยล่ะสัส TT^TT!!
                ขอโทษที่หลอกตอนแรกแล้วกัน ชิ!
               
               


               
               

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น