วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ภษคส : 5 B, every time you hurt, I hurt more.





5

B, every time you hurt, I hurt more.





                “ฮือออออออออออออ ฮือออออออออออออ” เสียงเหมือนคนร้องไห้ดังมาจากเคาท์เตอร์บาร์ในผับกลางใจกรุงโซล แบคฮยอนส่ายหน้านิดหน่อยเหมือนรู้ว่าต้นเสียงเป็นเพื่อนตัวเอง เขาเดินเข้าไปก่อนจะตบบ่าเพื่อนรัก
 
                “เฮ้ย ใจเย็น กูมาละ” 

                “เชี่ยแบ๊คคคคคคคคคค TTOTT กูเจ๊บบบบบเจ็บบบบบ” กลิ่นเหล้าลอยออกมาจากตัวของจงแดค่อนข้างมาก แบคฮยอนเหล่มองบาร์เทนเดอร์ตัวดีที่ตอนนี้ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะมองหน้าเพื่อน

                “มึงชอบโด้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” แบคฮยอนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง จงแดที่ไม่ได้น้ำตาไหลอะไรแต่ร้องฮือๆ ไปอย่างนั้นก็เหม่อมองเพดาน... 

                “อ่อ... ตั้งแต่ที่มันพากูไปเลี้ยงกาแฟครั้งแรกม้าง” โอ้โห เลี้ยงกาแฟครั้งแรก...


                นั่นมันวันแรกที่เจอกันเลยนี่หว่า =[]=!!


                “ไอห่า ทำไมไม่บอกกูวะ กูจะได้ช่วย สามปีแล้วนะสัส” แบคฮยอนพูดเซ็งๆ

                “ก... ก็ไม่รู้อ่าาาา กูเห็นโด้วมานยี๊มมมม~ ยิ้มน่ารัก กูชอบบบบ” จงแดแม่งเริ่มตอบไม่ตรงคำถาม

                “มึงเมามากละๆ เดี๋ยวกูพากลับบ้าน” แบคฮยอนพยุงจงแดให้ออกจากผับก่อนที่จะเปิดประตูรถ จงแดชอบมาเมาคนเดียวอย่างนี้หลายรอบละ ก็เลยไม่ขับรถมาเองและโทรหาแบคฮยอนให้ไปรับตลอด
                

                ปกติก็รอดสายตาชุนตลอดเลยนะๆๆๆๆ


                “แบค...” จงแดที่คอพับคออ่อนอยู่บนที่นั่งข้างคนขับพูดเบาๆ

                “ไร”

                “นามสกุลคิมเหมือนกัน... ชื่อขึ้นต้นว่าจงเหมือนกัน...”

                “...”

                “ทำไมไม่เป็นจงแดวะ...” เสียงพึมพำเหมือนน้อยใจในโชคชะตานั่นฟังแล้วน่าสงสารเหลือเกิน แบคฮยอนถอนหายใจก่อนจะพูดปลอบ

                “โด้มันก็ไม่กลับไปรีเทิร์นง่ายๆ หรอกหน่า ระหว่างนี้ก็จีบดิวะ มานั่งเมาให้เสียเวลาทำไม”

                “อือ... กูไม่รู้ว่ะ มึงเชื่อปะ พรุ่งนี้กูก็จะลืมว่ากูพูดอะไรไปบ้าง ถึงตอนนั้นมึงไม่ต้องมาเตือนกูนะ... ปล่อยให้เรื่องที่กูชอบโด้จมหายไปกับกองเหล้าเหอะ” จงแดดูมีสติมากขึ้น 

                “ใจคอจะปล่อยให้เป็นอย่างนั้นจริงหรอวะ กูเกลียดขี้หน้าไอ่จงอินยิ่งกว่าอะไรดี กูเชียร์มึงนะเว่ย” แบคฮยอนพยายามพูดให้กำลังใจเพื่อน ความจริงเขาจะเชียร์ใครก็ได้ยกเว้นจงอินคนเดียวเท่านั้นแหละ

                “อืม... ไม่เป็นไรหรอก... โด้มันเหมาะที่จะเป็นเพื่อนกูที่สุดแล้ว...” จงแดพึมพำตอบก่อนจะฟุบหลับไป แบคฮยอนถอนหายใจช้าๆ ก่อนจะจอดรถ เขาแบกจงแดเข้าไปในบ้านทาวน์เฮาส์ขนาดย่อม เท้าเล็กเดินออกมาจากตัวบ้านพลางเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า



                แล้วถ้าชุนจะจีบโด้... กูจะเชียร์ชุนมั้ยนะ...

                ไม่เชียร์หรอก ชุนต้องแต่งงานหนีภาษีกับกูสิ



                แปลกๆ เนอะ
            .
                 
.
                กูเนี่ยแหละแปลกๆ...



**********




                เมื่อถึงที่คอนโด นาฬิกาข้อมือสีดำ G-Shock ของแบคฮยอนบอกเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว เขาหยิบคีย์การ์ดขึ้นมาก่อนจะเปิดประตูให้เบาที่สุด


                เชี่ย... ทำไมไฟในห้องรับแขกเปิด O_O!!!!

                ย... อย่าบอกว่า


                “ไง ไปเที่ยวไหนมาจ๊ะ” เสียงคุณพ่อพี่เพื่อนดังขึ้นเมื่อเขาก้าวเข้าไปในประตูเพียงก้าวเดียว แบคฮยอนหลับตาปี๋ก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆ


                เชี่ยแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทำไมงวดนี้มันตื่นวะ TT_______TT


                “ป... ไปหาจงแดมา” แบคฮยอนตอบอ้อมแอ้ม เขาเดินเข้าไปในห้องอย่างนอบน้อม มองคนตัวสูงในชุดนอนแว๊บๆ ก่อนจะเห็นอะไรบางอย่างในมือ...


                ไม้ - เรียว - ก้าน - มะ - โยมมมมมมมมมมมม TTTOTTT!!!!!


                “ไปปิดงบบัญชีหรอ”

                “ช... ช่ายยย~” แบคฮยอนรีบตอบก่อนจะยิ้มแห้งๆ แต่คนตัวสูงก็เอาไม้เรียวก้านมะยมเคาะพื้นเล่น

                “หรอ... ไปปิดงบบัญชีแต่ทำไมมีกลิ่นเหล้าติดเสื้อน้า~ โอ้ว... ฉีด Hot Water ซะด้วย~ แถมยังแต่งตัวอย่างกับ...”

                “...”

                “ไปผับ” สิ้นเสียงการคาดเดาของคุณพ่อพี่เพื่อน แบคฮยอนก็หันด้านข้างให้ทันที แขนเล็กยกขึ้นมากอดไว้ที่อกเหมือนรู้หน้าที่...

                “เชิญตี” แบคฮยอนกอดอกแน่น เรียวปากงองุ้มเหมือนจะร้องไห้เสียให้ได้

                “บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปไหนคนเดียวตอนกลางคืน” น้ำเสียงดุๆ และจริงจังทำเอาแบคฮยอนตัวเกร็ง... ไม่เคยโดนตีสองทีมาก่อนเลยนะ เพราะพออายุยี่สิบแล้วแบคฮยอนก็เลิกดื้อ (และหลบหลีกเก่งมากขึ้น) แต่ตอนนี้กำลังจะโดน T_T

                “อื้อ ชุนเคยบอกแล้ว”

                “แล้วออกไปทำไม จะไปไหนให้บอกกูใช่มั้ย กูจะได้พาไปส่ง” 

                “ก... ก็จงแดมันเมาอยู่ที่ผับ กลับบ้านไม่ได้ กูเลยเอามันไปส่งที่บ้าน มึงไม่ต้องลำบากตื่นก็ได้ ด... เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปทำงานไม่ไหวไง” แบคฮยอนพูดตะกุกตะกัก ครั้งนี้ไม่ได้โกหกและพูดความจริงทุกอย่างเลยด้วย

                ...

                “มันชอบมึงรึเปล่า”

                “ฮะ?”

                “กูถามว่ามันชอบมึงรึเปล่า จีบกันอยู่รึเปล่า” ไม่รู้ว่าแบคฮยอนคิดไปเองรึเปล่าที่เสียงดุๆ นั้นกลายเป็นเสียงที่คาดคั้นเอาคำตอบยังไงไม่รู้

                “ป... เปล่า มันไม่ได้ชอบกูเลยนะ มันชอบโด้เว่ยๆๆ นี่ไปเมาเพราะเพ้อถึงโด้เนี่ย” แบคฮยอนรีบพูด ถึงมันจะเป็นบิ๊กซีเครท แต่เขาก็รู้ว่าคนอย่างชานยอลไม่ใช่คนปากรั่ว

                “หรอ...” ชานยอลชะงัก เขาแอบยิ้มอยู่ในใจที่คนตัวเล็กยังไม่ถูกใครจีบ



                เอาเข้าจริง... ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมานี่แบคฮยอนโดนทั้งผู้ชายผู้หญิงจีบมานับไม่ถ้วน แต่เจ้าตัวไม่เคยรู้หรอก เพราะเขาเนี่ยแหละเป็นคนกีดกันทุกคนให้พ้นทาง วะฮะฮ่าๆๆๆ

                และก็ขอบคุณที่จงแดไม่คิดอะไรกับแบคฮยอน ไม่อย่างนั้นมิตรภาพของเขากับจงแดอาจจะต้องสะบั้นลงได้

                เฮ้อ กั๊กไอ้บุ๊คมายี่สิบปี... ถ้ามันยังไม่รู้ตัวอีกก็คงจะกั๊กต่อไปเรื่อยๆ แหละ



                “ตีเร็วๆ ซี่” แบคฮยอนเร่งเพราะเหมือนชานยอลจะใจลอยไปไหนไม่รู้

                “เออ” ร่างสูงรับคำก่อนจะเอาไม้เรียวฟาดเข้าที่ก้น


                ฟั่บ! ฟั่บ!

                เสียงหวดไม้เรียวก้านมะยมอันศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงเสียงเดียวที่ดังอยู่ในห้อง แบคฮยอนหลับตาปี๋ กลั้นหายใจราวกับว่ามันจะช่วยให้หายเจ็บ


                “มานั่งนี่” ชานยอลวางไม้เรียวไว้ข้างตัวก่อนจะเอามือตบที่ตักตัวเอง

                “ทำไมต้องนั่งตักด้วย!!” และคนตัวเล็กก็จะขึ้นเสียง งอแง งอนกระฟัดกระเฟียดทุกครั้งหลังจากตีเสร็จ ชานยอลก็มักจะเข้าไปง้อเสมอ แต่ครั้งนี้เขาไหวตัวทัน... ไหนๆ จะง้อแล้วก็ขอแต๊ะอั๋งหน่อยหน่า

                “เออน่ะ มานั่งเร็วๆ อยากโดนตีข้อหาดื้อมากอีกรึไง” ชานยอลแกล้งทำเป็นจริงจังจนแบคฮยอนสะดุ้ง รีบวิ่งมานั่งตักอย่างช่วยไม่ได้

                “จะทำอะไรอีกล่ะ!” แบคฮยอนกระแทกเสียงก่อนจะกระแทกก้นลงไปบนตักชานยอล แต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือกเพราะความเจ็บที่ก้นจี๊ดขึ้นสมอง “โอ๊ยยยยยยยย TOT เจ็บวุ้ยๆๆๆ”

                “โอ๋ๆๆ ไม่เจ็บนะๆ คราวหลังก็อย่าดื้อนะรู้มั้ย...” คนตัวสูงจับสะโพกอวบอิ่มลงมานั่งบนตักตัวเองก่อนจะลูบเบาๆ 

                “แต๊ะอั๋งกูไอสัส” แบคฮยอนตีเข้าที่มือหนาจนคนถูกตีตกใจ... ว้าย ทำไมเดี๋ยวนี้เริ่มจะฉลาดขึ้น

                “ก็ต้องเอามือลูบๆ ไง จะได้หาย...” น้ำเสียงคนตัวสูงดูอ่อนโยนขึ้นมากจนแบคฮยอนคล้อยตาม


                โดนชุนตีทีไรก็โกรธมันทุกที

                ทั้งๆ ที่ชุนทำไปเพราะหวังดีแท้ๆ


                “นี่...” แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นไปมองเพดานแก้เขิน ก่อนจะพูดต่อ “ทายาหม่องให้หน่อยดิ”

                “ด้วยความยินดีครับ” ชานยอลต้องควบคุมเสียงตัวเองให้นิ่งแค่ไหนแบคฮยอนไม่รู้หรอก เสียงสั่น มือสั่น ใจสั่นไปหมดแล้วเนี่ย...


                กูโดนมันอ่อยอีกแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


                ร่างสูงจับให้แบคฮยอนลงไปนั่งบนโซฟาเบาๆ ก่อนจะลุกไปหายาหม่องในห้องนอน และเมื่อเห็นว่าพ้นสายตาแบคฮยอนแล้ว คนตัวสูงได้ทีก็รีบร้องออกมาแบบไม่มีเสียง...



                ไอ่เหี้ยเอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย รู้งี้กูหาเรื่องตีแม่งทุกวันเลยดีกว่าาาา อ๊ากกกกกกกกกกกกก ไอ่เหี้ยๆๆๆๆ ตื่นเต้นโว้ยๆๆๆ กูต้องมือเบาใช่มั้ยๆๆๆๆ โอ๊ยยยย ยังไงดีๆ ยาหม่องอยู่ไหนอีก ไอสัส ทีกูรีบๆ นี่หายไปไหนไม่รู้ ทีปกตินี่มึงยอมให้ไอ่บุ๊คเอามาป้ายตากูได้แง๊ะ ไอ่สัส อย่าให้กูด่ามึง ไอห่ายาหม่อง ออกม๊าาาาา!!!’



                และนี่คือความในใจทั้งหมดที่พรั่งพรูออกมาโดยไม่มีเสียง...

                เฮ้อ สงสารตัวเองชิบหาย TT^TT



                ...


                “ซี๊ดดดดดดดดดดด เจ็บสัส!” แบคฮยอนต้องกัดปากร้องออกมาเมื่อคนที่ทายาให้ลงมือหนักเกินไป

                “เฮ้ย ขอโทษๆๆ” คนตัวสูงพูดคำขอโทษเป็นพัลวัน เขาเลิ่กลั่กเมื่อเห็นคนตัวเล็กน้ำตาซึม... ยังไงดี กูตีมันแรงเกินไปรึเปล่า แต่ก็คงจะจริง เพราะรอยแดงๆ แถมมีเลือดซิบนิดหน่อยนี่น่าสงสารมาก

                “โอ๊ย เจ็บๆๆๆ หรือกูห่างเหินจากการโดนตี? ทำไมมันเจ็บอย่างงี้วะ T0T” แบคฮยอนบ่นรัวๆ มือเล็กยกขึ้นมาปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะกัดปากกลั้นความเจ็บ

               
                คนตัวสูงยิ้มเจ้าเล่ห์พลางก้มลงไปกระซิบข้างหูคนที่นอนอยู่


                “เดี๋ยวโดนกูเสียบก็เจ็บกว่านี้เย๊อะ~” 

                “สัส หุบปาก” แบคฮยอนเริ่มจะหงุดหงิด ไอ่ห่านี่แม่ง แม่งๆๆๆๆๆๆ


                เดี๋ยวกูเนี่ยแหละจะเสียบมึงคอยดูๆๆๆๆ

                ...

                เอาคอตตอนบัตเสียบหูนะ อย่างอื่นไม่กล้าทำ (._.)




**********




เช้าวันรุ่งขึ้น

                ผมคาบขนมปังปิ้งไว้ในปากก่อนจะรีบใส่กางเกงสแล็ค วันนี้ตื่นสายครับ ตื่นสายมากกกกก แล้วไอ่สัสชุนที่ต้องให้ผมเป็นคนปลุกทุกเช้าก็เลยสายตามไปด้วย

                “ดูข่าวแป๊บ” ไอ่ห่า สายจนจะไปทำงานไม่ทันละยังมีหน้ามาดูทีวี มันเปิดทีวีก่อนจะหยิบขนมปังที่ผมปิ้งและทาแยมส้มไว้ให้แล้วเข้าปาก               
                

                สำหรับข่าวต่อไปนะคะ เป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับภาษีคนโสดที่ทางรัฐบาลจะดำเนินการในอีกสามเดือนข้างหน้า คาดว่าท่านผู้ชมหลายท่านคงกำลังตั้งใจหาคู่กันอย่างขะมักเขม้นเลยใช่มั้ยล่ะคะ


                “ไอ่ห่านี่คนนึงแหละครับ” ชุนพูดพลางหรี่ตามองมาที่ผม แต่ผมไม่สนใจ กลายเป็นว่าผมเนี่ยแหละที่อยากดูข่าวซะเอง


                งั้นเราต้องขอบอกให้รีบๆ แล้วล่ะค่ะ เพราะค่าภาษีนั้นเพิ่มจากสามหมื่นวอนเป็น หนึ่งแสนวอนด้วยกันค่ะ รีบๆ หาคู่และมีบุตรกันไวๆ นะคะ T__T


                “ฟรั๊คคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค!!! จะขึ้นราคาให้พ่อเธอหรือออออออ ไอ่สัสๆๆๆๆ” ผมโวยวายชิบหายบ้านไฟไหม้ ก่อนจะหันไปมองหน้าไอ่ชุนที่กำลังจิบกาแฟชิวๆ “โถๆๆๆ มึงเริ่มอยากจะแต่งงานกูบ้างแล้วเด้ หนึ่งแสนวอนฟรีๆ เลยนะเว่ยยยย~

                “ไม่อ่ะ เฉยๆ” มันยักไหล่ก่อนจะจิบกาแฟดำเข้าไปอีก โอ๊ยๆๆๆ หมั่นไส้ๆๆๆ

                “น้าๆ อยากแต่งบ้างเหอะน้า” ผมเดินเข้าไปอ้อน เอาหน้าถูแขนมันจนมันสะบัดออก คิดดูแล้วกัน กูยอมไปทำงานสายขอแค่ได้อ้อนมึงซักนิดก็ยังดี

                “มึงยังไม่ชอบกูเลย กูจะไปแต่งงานกับมึงทำไม” มันเข้าไปล้างแก้วกาแฟด้วยโหมดจริงจังอีกละ พูดถึงเรื่องแต่งงานทีไรแม่งจริงจังตลอด ไม่รู้ว่าเป็นห่าไรของมัน

                “หู่ยๆๆๆ รู้ได้ไงว่ากูไม่ชอบมึง?”


                ...
                ...
                

                แล้วก็เหมือนเวลาหยุดนิ่งไปพักใหญ่


                ชุนชะงักมือจากการล้างถ้วยกาแฟก่อนจะหันมามองผม แววตามันดูจริงจังมากและมันก็เดินมาประชิดผมเรื่อยๆ จนผมหมดหนทางหนีเพราะหลังตัวเองไปชิดกับกำแพง


                “ท... ทำไมพูดเรื่องนี้ต้องโกรธอีกละ... ร... เร็ว! เดี๋ยวไปทำงานสายนะ” ผมลิ้นพันกันไปหมดเพราะตอนนี้ใบหน้าผมกับเพื่อนสนิทห่างกันแค่ไม่กี่เซน

                “เดี๋ยว...” สองขาอยากจะเดินหนีแต่ก็โดนมันดึงตัวไว้ก่อน

                “อ... อะไรเล่า”

                “ชอบกูจริงๆ เมื่อไหร่ก็บอก แต่ถ้ายังไม่ชอบ...”

                “...”

                “อย่ามาพูดพล่อยๆ แบบนี้” เสียงต่ำๆ ดุๆ นั่นมาอีกละ... แต่ผมไม่เข้าใจว่าผมทำอะไรผิดจนมันต้องดุผม ก็แค่หยอกเล่นไม่ได้หรอ (._.)

                ชุนแค่นหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะเดินออกจากห้องพร้อมกุญแจรถในมือ ผมจึงรีบวิ่งตามไปก่อนจะสังเกตว่า ชุนมันหยิบกระเป๋าทำงานผมไปด้วยแล้ว...
                

                ทำไมต้องมาดูแลกันแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้

                จะโกรธก็โกรธไปเลยสิ กูถือกระเป๋าเองก็ได้อ่ะ


                ไอ่เหี้ย
                กูรู้สึกแปลกๆ อีกแล้ว


                บนรถนี่เงียบกริบ ผมไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้นและผมก็รู้ว่ามันคงไม่อยากจะพูดกับผมเท่าไหร่ เราไม่ค่อยจะได้โกรธกันเท่าไหร่หรอก และผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพูดเรื่องนี้แล้วต้องโกรธด้วย

                มันจอดรถที่หน้าบริษัทผมและเดินนำเข้าไปในสตาร์บัคส์ก่อน ผมเดินตามมันไปก็เลยรู้ว่ามันสั่งช็อกโกแลตปั่นเพิ่มวิปครีมให้แล้ว

                “จ่ายตังค์ให้ละนะ รอรับด้วย ไปละ” มันพูดก่อนจะเดินออกจากร้านไปเลยโดยไม่รอให้ผมบอกลาด้วยซ้ำ


                ดูแม่งดิ ดูแม่งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

                จะโกรธกูแล้วทำไมต้องมาทำอย่างงี้วะ TT____TT


                สุดท้ายด้วยความงก.. ผมก็รอรับช็อกโกแลตปั่นเพิ่มวิปครีมอยู่ดี -_-^ และขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นสิบ เมื่อมองเข้าไปก็เจอโด้กำลังนั่งกุมขมับอยู่ ส่วนจงแดก็ด้อมๆ มองๆ อยู่ไม่ห่าง


                “ห๊าาาาาาาา!! ที่ปิดงบบัญชีไม่ได้เพราะมึงทำผิดตั้งแต่ตัวแรกอ่ะนะ O_O!!!” ผมตะโกนลั่นเมื่อโด้สารภาพความจริง มันก้มหน้าเหมือนรู้สึกผิดก่อนจะขอโทษ

                “ฮือออออ ขอโทษจริงจัง วันนี้พวกมึงกลับไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวกูอยู่ทำเอง”

                “จะบ้าหรอ บัญชีนี้ทำด้วยกันก็ต้องปิดด้วยกันเด่ะ” ผมเท้าสะเอวพูด วางช็อกโกแลตปั่นเพิ่มวิปยี่ห้อสตาร์บัคส์ลงบนโต๊ะทำงาน แต่โด้ก็ส่ายหัวลูกเดียว

                “ไม่ได้ๆ มันผิดที่กู กูก็ต้องรับผิดชอบ” 

                “เอ้อ เอาเป็นว่ากูกับจงแดจะอยู่ช่วยปิดบัญชีกับมึง” ผมพูดลอยๆ จนเจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก หันมามองผมด้วยสายตาหวาดระแวง


                อ่อลืมไป

                มันคงลืมไปละว่าเมื่อวานเพ้ออะไรใส่กูไว้ -_-^


                “เหอๆ กูไม่รั้งนะเว่ย” โด้พูดพร้อมหัวเราะแกนๆ

                “เออน่ะ! พวกกูจะอยู่!




ห้าโมงเย็น

                “เฮ้ย เลิกงานแล่ว โทรไปหาชานยอลไป อย่าลีลา” โด้ตะโกนบอกผมแต่สายตายังคงจ้องไปที่ตัวเลขที่ผิดพลาด จะให้แก้เวลางานก็ไม่ได้ไง ต้องแก้หลังเลิกงานอีกสาส

                “ไม่เอาอ่ะ” ผมพูดปากงุ้ม เล่าให้โด้มันฟังแล้วแหละว่าผมกับไอ่ชุนงอนเรื่องไรกัน แทนที่มันจะจริงจังแต่ดันเสือกขำ แล้วยังมีหน้ามาบอกว่า


            มึงไม่รู้อะไรหรอก มึงไม่เคยรู้อะไรเลยจริงๆ


                อะไรของพวกแม่งวะ กูไม่รู้อะไรก็ควรจะบอกปะ ไม่ใช่ให้กูเดาไปเอง แล้วกูจะไปรู้ได้แง๊ะ T^T


                “โทรไปเร็วๆ ก่อนที่มันจะขับรถมารับมึงให้เสียเวลา” โด้สั่งและครั้งนี้ก็ใช้สายตาจิกมาทางผมด้วย เอาวะ โทรเป็นโทร ตายเป็นตาย อายเป็นอาย ง้อเป็นง้อ แม่ง =_=
                

                - Chunnie -

                (ทำไม) ดูมันรับสายผมเด่ะะะะะะ =[]=!!!! ปกติต้องมีฮัลโหลฮัลเหลกันบ้างแหละ แล้วนี่อะไร๊

                “วันนี้กูไม่กลับนะ ค้างที่บริษัท ปิดงบบัญชีของแท้ ไม่เชื่อก็โทรหาโด้ได้” ตอนแรกที่ว่าจะง้อมัน กลายเป็นว่าเสียงแข็งหนักกว่าเดิมอีกกู

                (เออ) 

                แล้วมันก็วางสายไป


                “ไอ่สาสสสสสสสสสสสสส แม่งโกรธเรื่องเหี้ยไรเนี่ยยยยยยยยย =____=!!!! หงุดหงิดละนะๆๆๆ” ผมร้องโวยวายหลังจากไอ่บ้านี่แม่ง แม่งงงงง พูดไม่ออกเลยครับ

                “ก็มึงทำตัวเอง -_-^” โด้พึมพำ

                “ทำตัวเองห่าไร มันนั่นแหละคิดจริงจังอยู่ได้ มึงดูมันดิ มันอยากเป็นเพื่อนกูตลอดชีวิตจริงๆ ใช่มะไอ่ห่านี่ มึงรู้ปะ พอกูบอกว่ากูจะชอบมัน มันก็บอกว่าอย่าทำแบบนี้ ให้กูจริงจังมากกว่านี้...”

                “...”

                “มึงดูเอาละกัน มันอยากให้กูชอบมัน แต่แม่งก็ทำแบบเนี้ย แล้วอย่างงี้เมื่อไหร่กูจะชอบมันซักที” ผมบ่นเป็นชุดๆ จากตอนแรกที่โด้ไม่ค่อยสนใจผมเท่าไหร่นัก... กลับกลายเป็นว่าสนใจผมเต็มที่ทันที

                “ห้ะ... ที่มึงพูดเมื่อกี้มันแปลกๆ นะ -O-” 

                “ไม่แปลกอะไรทั้งนั้นแหละสัส งอนแล้ว จะงอน จะโกรธ พรุ่งนี้กูก็ไม่กลับบ้าน ไม่ยุ่งด้วยแล่ว” ผมนั่งกอดอกแล้วเอาหลังพิงพนักเต็มที่ เปลือกตาค่อยๆ ปิดช้าๆ เพราะความเหนื่อยล้า


                ไม่รู้เหนื่อยเรื่องงานหรือเรื่องผู้ชาย

                เอ๊ยไม่ใช่ 

                ไม่รู้เหนื่อยเรื่องงานหรือเรื่องเพื่อนดิอิสัส =____=




**********




                “กูแนะนำให้มึงมาง้อเมียมึงเดี๋ยวนี้” คยองซูกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์หลังจากเห็นว่าแบคฮยอนนอนหลับอ้าปากหวอไม่สนใจใคร

                (ไม่เอา) ชานยอลตอบกลับด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ เขาไม่รู้จะจัดการกับเพื่อนตัวน้อยอย่างไรดี

                “คือมึง มึงต้องหยุดทำแบบนั้นได้แล้วนะ แบคมันบอกว่า มันจะชอบมึงหลายรอบแล้วแต่มึงก็บอกว่าอย่าทำแบบนี้ ให้จริงจังมากกว่านี้ แบคมันก็งิดดิ มันก็ไม่อยากชอบมึง” คยองซูอธิบาย นี่ไม่อยากจะบอกเลยนะว่ารู้เรื่องที่ชานยอลชอบแบคฮยอนมาตั้งแต่ม.หนึ่งแล้วล่ะ =__= เพราะดูยังไง๊... ยังไง ชานยอลแม่งก็แสดงออกเต็มที่ หวงและห่วงยิ่งกว่าตัวเองอีก


                พยายามช่วยมาตลอด แต่ดูเหมือนคนที่ชานยอลชอบจะเอ้อระเหยลอยชายไปวันๆ 5555555555


                (ห้ะ... จริงปะเนี่ย)

                “เออสิอิห่า นี่มันหลับไปละ นอนอ้าปากหวอด้วย น้อยใจมึงมากด้วย บอกว่าจะไม่กลับบ้านด้วย ร้องไห้ด้วย” ประโยคสุดท้ายนี่คยองซูขอผิดศีลข้อสี่ซักหน่อย แหะๆ

                (เออ... เดี๋ยวกูไป)

                “เฮ้ย จะมารับหรอ -_-? ให้มันอยู่ทำบัญชีกับกูก่อนเด้ T^T

                (เปล่า เดี๋ยวกูไป... ง้อมัน)





 **********





                นี่กี่โมงกี่ยามแล้ววะ...


                คนตัวเล็กที่นอนอ้าปากหวอจนลำคอแห้งผากลืมตามองเพดานงงๆ บรรยากาศภายนอกมืดสลัว เขากลืนน้ำลายอย่างลำบากก่อนจะหันมองรอบตัว...

                “เชี่ยชุนนนนน O_O!!” แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นร่างสูงที่คุ้นเคยกำลังนั่งเขียนอะไรขยุกขยิกอยู่บนโต๊ะ คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นก่อนจะยิ้มให้เหมือนไม่โกรธอะไร

                “ไง ตื่นแล้วหรอ คนอื่นเค้ากลับบ้านกันหมดแล่ว บัญชีก็ปิดได้แล้วด้วย” 

                “ล... แล้วมึง...” แบคฮยอนยังคงทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผี ร้อยวันพันปีชุนมันออกจากบ้านตอนกลางคืนซะที่ไหนล่ะ

                “อ้อ กูซื้อช็อกโกแลตร้อนมาให้ เห็นโด้บอกว่ามึงนอนอ้าปากเลยซื้อมาจะได้หายเจ็บคอ อ่ะจิบเข้า” ชานยอลหยิบแก้วช็อกโกแลตร้อนที่ตอนนี้เริ่มอุ่นกำลังดีให้คนตัวเล็กที่หน้าบูดบึ้ง

                “ไม่ได้เจ็บคอ -^-!!” พูดพลางเชิดหน้าหนี ทั้งที่ความจริงเจ็บคอจะแย่

                “รีบๆ กินเร็วๆ น้ำอุ่นมึงก็ไม่ชอบ ชอบแดกแต่ช็อกโกแลตเนี่ย อุตส่าห์ไปซื้อนะเว่ย” ชานยอลคะยั้นคะยอพลางจับไหล่แบคฮยอนให้หันมาหาตัวเอง กลิ่นช็อกโกแลตที่ปราศจากน้ำตาลลอยเข้ามาแตะจมูกจนท้องร้อง

                และเพราะความงก ก็ต้องหันไปคว้าแก้วช็อกโกแลตอุ่นก่อนจะก้มหน้าก้มตาจิบ


                แม่งรู้ได้ไงวะว่ากูเจ็บคอ =____= เมื่อกี้เอาหน้าชะโงกเข้ามามองในคอกูแง๊ะ


                กริ๊งงงงงงงง!
                โทรศัพท์ของแบคฮยอนดังขึ้นมาพอดิบพอดี คนตัวเล็กนึกขอบคุณที่มีคนโทรเข้ามาก่อนจะหยิบขึ้นมาดู


                ป๋าจงแด
                

                “ฮัลโหล มีอะไร คุยนานๆ เลยมึง กูไม่อยากคุยกับคนแถวนี้” แบคฮยอนรับสายด้วยน้ำเสียงประชดประชันจนร่างสูงที่นั่งอยู่แถวนั้นเพียงคนเดียวก็หัวเราะออกมาเบาๆ

                (มึงงงงงง เมื่อวานกูเผลอเล่าเรื่องโด้ให้ฟังแล้วใช่ปะ -_-;)

                “เออ”

                (ดีละ กูแค่จะบอกว่า ตอนนี้กูนั่งอยู่ร้านเจ๊จวงข้างล่างบริษัทนะ นี่กูหนีแอบมาคุยโทรศัพท์หามึงเป็นการฉุกเฉินเลยเนี่ย T___T)

                “ทำไมอีก มีเรื่องอะไรอีกกกก” แบคฮยอนเกาคางหงุดหงิด 

                (โด้กับบอสแม่งโคตรมุ้งมิ้งเลยว่ะ TT____TT กูไม่อาจแทรกได้ กูพยายามแล้วนะแบค แต่กูแบบ... ไม่ไหวว่ะ กูเห็นแล้วกูสงสารหัวใจตัวเอง...) จงแดพึมพำเบาๆ อย่างอ่อนแรง คนฟังได้ยินก็ฮึดสู้ อยากจะลงไปตบจงอินให้หัวแหก           

                “เดี๋ยวกูลงไปๆๆๆ จะไปจับแยกพวกแม่ง” แบคฮยอนรีบวางสายก่อนจะซดช็อกโกแลตร้อนทีเดียว เขารีบคว้ากระเป๋าทำงานและข้าวของจำเป็นบนโต๊ะ เรียวขาเล็กวิ่งออกจากโต๊ะทำงานก่อนจะไปยืนรอลิฟต์อย่างร้อนใจ

                ฝ่ายร่างสูงที่เริ่มจะจับใจความได้ก็เก็บของของตัวเองและวิ่งตามไปที่ลิฟต์เช่นกัน

                “อยากไปไหนก็ไปเลย เชอะ” แบคฮยอนที่อยากจะง้ออยู่เหมือนกันแต่ไม่รู้จะง้อยังไง จึงทำได้แค่พูดกระแนะกระแหนใส่เท่านั้น

                “ก็อยากไปกับมึงอ่ะ ให้ทำไง” ร่างสูงพูดเต๊าะอีกตามเคย ถ้าแบคฮยอนงอนเมื่อไหร่ต้องเจอไม้นี้ทุกที รับรอง... หายโกรธเร็วแถมยังลืมง่ายด้วย

                “แหวะ!” ร่างเล็กแลบลิ้นแถมยังทำท่าอ้วกใส่ ประตูลิฟต์เปิดออกก่อนที่คนทั้งคู่จะเข้าไปยืนด้วยกันข้างใน ไม่นานนักก็ถึงชั้นล่าง ชานยอลพอจะรู้หน้าที่ตัวเองอยู่เหมือนกัน เขาเดินไปเอารถและตั้งใจว่าจะไปจอดรอที่หน้าร้าน ส่วนคนตัวเล็กก็รีบวิ่งไปที่ร้านเจ๊จวง... ร้านอาหารตามสั่งที่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงใต้ตึกบริษัท


                ภาพที่เห็นคือ...



                ไคซูกับอากาศหนึ่งคน TT________TT


                “อ้าว ตื่นแล้วหรอ” คยองซูทักเพื่อนทั้งสองคนที่กำลังเดินเข้ามาในร้าน

                “เอ้อออออออ จงแด” แบคฮยอนไม่ตอบก่อนจะเข้าไปตบบ่าเพื่อนรักที่ตอนนี้หน้าหงอยสุดๆ “ไปส่งโด้ที่บ้านมันเด่ะ *__*

                “อ๋อ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงนะพี่แบค เดี๋ยวผมกับพี่โด้ก็กลับที่เดียวกันอยู่แล้วนี่ 555555” จงอินเงยหน้ามาตอบยิ้มๆ ก่อนจะเทน้ำลงในแก้วของคยองซู อาหารทั้งโต๊ะเกลี้ยงอย่างกับพวกมันหิวกันมาจากไหนไม่รู้ 

                “เออ! อิแบคนี่มันบื้อจริงๆ! ฮ่าๆๆๆๆๆ” จงแดหัวเราะขมขื่น เขาส่ายหน้าให้แบคฮยอนราวกับจะบอกว่าอย่าทำอะไรมากไปกว่านี้เลย

                “คุณจงแดครับ เดี๋ยวมื้อนี้ผมเลี้ยงเองนะ” จงอินพูดพลางเดินไปจ่ายตังค์กับเจ๊จวง แบคฮยอนมองหน้าจงแดแล้วก็สงสารขึ้นมาจับจิต ทำไมมันต้องมาเจออะไรน่าอึดอัดอย่างนี้ด้วยก็ไม่รู้ T0T

                “เอ่อ เจอกันนะแบค เจอกันพรุ่งนี้จงแด” คยองซูลุกขึ้นยืนก่อนจะตบบ่าเพื่อนทั้งสองและเดินตามจงอินออกไป

                “เฮ้อออออออออออออ เหนื่อยใจว่ะ” เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนลับตาหายไป จงแดก็ถอนหายใจออกมายาวพรืด สายตามองขวดเหล้าในตู้เย็นแล้วก็ส่ายหน้าช้าๆ เมื่อวานพึ่งแดก... วันนี้จะแดกอีกรึไงเรา

                “เฮ้ยไอ้จงแด มึงมากินเหล้ากับกูดิ๊!” เสียงลูกชายเจ้าของร้าน คิมมินซอกดังขึ้นจากหลังร้าน ทำเอาเจ๊จวงหันขวับ

                “ไอ้มิน! แม่บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามากินเหล้าเวลางาน! จงแด เจ๊กราบ กลับบ้านไป” เจ๊จวงหันไปด่าลูกชายที่เตรียมตัวจะเปิดขวดเหล้าอยู่หลังร้านก่อนจะหันมาบอกลูกค้าให้รีบกลับ

                “โหยแม่ ร้านเราเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วมินจะได้แดกเหล้าตอนไหนอ่ะหู่ยยยย ไอ่จงแด มึงเดินมาเดี๋ยวนี้ กูรู้มึงอยากมาก เร็วๆ กูเลี้ยง” เสียงพี่มินซอกเร่งขึ้นอีก

                “ขอหน่อยนะเจ๊นะ ไหว้ล่ะ ฮ่าๆๆๆ” สุดท้ายจงแดก็ทนไม่ไหว เดินเข้าไปหลังร้านและนั่งลงข้างพี่มินซอก... ลูกชายคนโตของเจ๊จวงซึ่งเป็นพนักงานบริษัทนี้เช่นกัน

                “เป็นงั้นไป =__=” แบคฮยอนเกาหัว เพราะจงแดเดินไปหลังร้านไม่บอกกล่าวซักคำ เขาจึงลุกออกจากร้านและต้องป๊ะกับเพื่อนสนิทที่ยืนรออยู่นานแล้ว

                “ไม่-กลับ-กับ-มึง-หรอก แบร่!!” คนตัวเล็กแลบลิ้นปลิ้นตา ก่อนจะเดินหนีไปอีกทาง แต่คนตัวสูงก็เดินตามมาและคว้าแขนไว้ทัน

                “กลับบ้านเร็วๆ ไม่เล่นแล้วนะบุ๊ค” ชานยอลพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนแบคฮยอนจ๋อยสนิท ตอนนี้ก็เกือบจะห้าทุ่มแล้วและเลยเวลานอนของชานยอลมานานพอสมควร คนตัวเล็กจึงยอมเดินตามกลับไปที่รถก่อนจะนั่งลงบนเบาะข้างคนขับเซ็งๆ

                “...”

                “ครั้งนี้จะให้กูง้อวิธีไหน” คนตัวสูงยังไม่ออกรถ เขาหันมาถามแบคฮยอนที่นั่งกอดอกปากงุ้ม

                .
                .

                “เลิกดูแลกู...”

                “...”

                “แล้วดูแลตัวเองบ้าง” เสียงเล็กพึมพำเบาๆ คนฟังคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

                “กูดูแลมึงมายี่สิบปีแล้วนะบุ๊ค ให้กูเลิกดูแลมึงยังไงวะ” 

                “ก็... อยู่เฉยๆ เด่ะ! กูโตแล้วนะชุน”

                “เอางี้มะ...” คนตัวสูงที่มักจะมาพร้อมความคิดเหี้ยๆ พูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “กูดูแลมึง... มึงดูแลกู”

                “เออ แฟร์ดี” แบคฮยอนพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย รอยยิ้มเล็กๆ เริ่มผุดพรายบนใบหน้าบูดบึ้งที่งอนชานยอลมาทั้งวัน

                “รู้หรอว่ากูชอบกูเกลียดอะไรบ้างอ่ะ...” ร่างสูงลองโยนคำถามซึ่งเขารู้ว่าแบคฮยอนไม่มีทางตอบได้

                “ชุนเกลียดแตงกวา ชุนชอบกินกาแฟดำ ถ้าจะกินขนมปังปิ้งก็ต้องใส่แยมส้ม” คนตัวเล็กตอบอย่างมั่นใจ 

                “อืม อะไรอีก...”


                แต่ก็ต้องสะอึกเมื่อไม่รู้จะตอบอะไร... 

                ที่ผ่านมา... เขาไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับผู้ชายที่ชื่อปาร์คชานยอลเลย


                “ไม่รู้แล้ว... ขอโทษนะ...” แบคฮยอนเสียงแผ่วเบา เขารู้สึกผิดมหันต์ที่ปล่อยให้คนตัวโตดูแลและรู้เรื่องราวเกี่ยวกับบยอนแบคฮยอนมาโดยตลอด แต่ตัวเองกลับรู้แค่อย่างเดียว

                “ฮ่าๆๆๆๆๆ...”

                “...”

                “ค่อยๆ เรียนรู้กันไปเนอะ” ชานยอลสตาร์ทรถก่อนจะค่อยๆ ขับออกไปจากหน้าร้านเจ๊จวง แบคฮยอนพยักหน้ากับตัวเองรัวๆ พลางพึมพำเบาๆ


                “อื้อ... จะดูแลมึงให้ยิ่งกว่ามึงดูแลกูเลย คอยดูนะชุน...”


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น